อวี้ฉือซงยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้นว่า
“เพราะว่าข้ามีเรื่องที่ต้องมอบหมายให้หลิวเยว่ทำ ดังนั้นจึงให้นางติดตามมาด้วย คุณชายใหญ่เจียงคงไม่รังเกียจหรอกใช่หรือไม่?”
รอยยิ้มของเจียงอวี่เฉิงยังคงประดับไว้เช่นเดิม แต่น้ำเสียงกลับเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
“ประมุขอวี้ฉือเกรงใจกันเกินไปแล้ว แต่ว่าเรือนฉิน…มันค่อนข้างพิเศษมาก วันนี้ข้าพาท่านมาที่นี่ ก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้นแล้ว หากต้องพาคนอื่นเข้าไปอีก เกรงว่าจะไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
คนอื่น?
เดี๋ยวนี้เจียงอวี่เฉิงพูดเก่งขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้รับตำแหน่งจริงๆ เลย แต่กลับวางตำแหน่งของตนเองเอาไว้สูงขนาดนี้ ไม่กลัวว่าหากไม่ระมัดระวังแล้วจะตกลงมาเลยหรือ
เดิมทีที่นี่ก็เป็นที่ของนาง ทำไปทำมาเหตุใดเจียงอวี่เฉิงถึงกลายเป็นเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ไปเสียได้?
เมื่ออวี้ฉือซงได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าของเขาก็ย่ำแย่ขึ้นอย่างมาก
“ฉู่หลิวเยว่เป็นศิษย์ในสายของข้า หาใช่คนอื่นไม่ ข้าหวังว่าคุณชายใหญ่เจียงจะระวังคำพูดมากขึ้นนะ”
เดิมทีเจียงอวี่เฉิงก็แค่พูดส่งๆ ไปเท่านั้น และเขาก็ไม่ได้เห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ในสายตาเลย
แต่คิดไม่ถึงว่าท่าทางของอวี้ฉือซงจะแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นนี้
จะว่าไปแล้วฉู่หลิวเยว่คนนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน…
เขาหัวเราะเสียงดัง
“ท่านประมุขอวี้ฉืออย่าเพิ่งโมโห ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดเช่นนั้น ท่านอย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะขอรับ ข้าทำไปก็เพื่อปกป้องเรือนฉินขององค์หญิงเท่านั้น…”
“หลิวเยว่เป็นเด็กที่รู้ความ ไม่ว่าอย่างใดข้าก็เป็นคนพานางมาด้วยตนเอง เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเจียงอวี่เฉิงอาจจะเป็นคนร้ายที่ทำลายสำนักชงซูเก๋ออย่างลับๆ อวี้ฉือซงก็ไม่มีความอดทนกับเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาพูดจาก็แข็งกระด้างมากขึ้น
เจียงอวี่เฉิงสะอึกไปเล็กน้อย จึงได้แต่พูดขึ้นมาว่า
“ประมุขอวี้ฉือ ข้านั้นไว้ใจท่านอยู่แล้ว เชิญ…“
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินนำหน้าขึ้นไปก่อนหนึ่งก้าว
อวี้ฉือซงและฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามเข้าไป
เจียงอวี่เฉินเดินไปและยังรู้สึกสงสัยอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเหตุใด ช่วงนี้เหมือนว่าอวี้ฉือซงจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย…
ก่อนหน้านี้เหมือนว่าเขาจะรู้สึกเหงาหงอยเศร้าซึม และคร้านจะใส่ใจกับเรื่องราวหลายอย่าง ขอเพียงไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่มากเกินไป เขามักจะปล่อยผ่านเสมอ
แต่ว่าตอนนี้…เหมือนว่าเขามีพลัง จิตวิญญาณมากกว่าเดิม และยังเฉียบแหลมมากกว่าเดิมอีกด้วย
หรือว่าเพราะทรายรวมศูนย์…
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาส่งคนไปสืบแล้ว เชียงหว่านโจวผู้นั้น เป็นคนที่มาจากชายแดนใต้
ถ้าเดาไม่ผิดแล้วละก็ เขาน่าจะเป็นคนที่สามารถคาดเดาได้ถึงปัญหาของทรายรวมศูนย์
เพียงแต่ว่า…ใครเป็นคนลงมือ?
เจียงอวี่เฉิงครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ค่อนคืน แต่ก็ยังไม่สามารถแน่ใจได้ ภายในสำนักชงซูเก๋อจะมีใครกันที่สามารถกำจัดทรายรวมศูนย์ได้
บนร่างกายของอวี้ฉือซงยังมีบาดแผล ต่อให้รักษาทั้งชีวิตก็ไม่มีทางหาย ต้องไม่ใช่เขาแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น คนที่เหลือ นั่นก็คือซย่าอี้…
หลังจากเดินมาสักระยะหนึ่ง เขาก็เดินมาถึงที่สวนเทพเนรมิตแล้ว
สายตาของฉู่หลิวเยว่มองตรงไปด้านหน้าอย่างมั่งคง สีหน้าสงบนิ่ง ในใจก็แอบนับทหารยามที่คุ้มกันอยู่โดยรอบ
ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านางแล้ว
ที่ไหนมีเวรยาม ที่ไหนมีที่ซ่อน นางรู้อย่างชัดเจน
เมื่อเทียบกับการมาครั้งก่อน เห็นได้ชัดว่าที่นี่มีทหารยามน้อยลงอย่างมาก
แต่ก็ยังคงเข้มงวดมากเช่นเดิม
เมื่อเดินเข้าใกล้เรือนฉินมากเท่าใด ทหารก็น้อยลงมากเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่แค่นหัวเราะในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...