พี่เหลยสี่ตกอกตกใจขึ้นมาทันควัน พลันมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“อันใดกัน? พี่ใหญ่หมายความว่า…”
แต่ทันใดนั้น พี่เหลยสี่ก็นึกอันใดขึ้นมาได้ และเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว!
ใช่แล้ว!
ไก่ฟ้าเก้าสีได้กลายร่างเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ หลังจากกินเพียงพอนเลือดเข้าไป!
หรือว่า…
ฉู่หลิวเยว่!
พี่เหลยสี่หันขวับไปมองเด็กสาวในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ในค่ายกลนั่น!
รูปร่างของนางนั้นผอมเพรียว พร้อมไหล่บอบบางที่ดูอ่อนแอ ทว่าแผ่นหลังเล็กๆ นั่นกลับเหยียดตรง
ท่ามกลางความวุ่นวาย นางยืนหยัดอย่างภาคภูมิ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถทำให้นางยอมก้มหัวลงได้
และจู่ๆ เขาก็จำแววตาของฉู่หลิวเยว่ ตอนที่พูดกับเขาว่าจะเข้าไปในค่ายกลให้ได้
มันทั้งเด็ดเดี่ยว
ดื้อรั้น
และเย่อหยิ่ง…ราวกับจักรพรรดินี!
เพียงพอนโลหิตตัวนั้นคือสัตว์อสูรของนาง และจากที่นางพูดมา มันคือคนที่นำทางพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้
ซึ่งประเด็นสำคัญก็คือ ไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้นลงมือฆ่าซั่งกวนหว่านอย่างไม่ลังเล แต่กลับไม่ได้แตะต้องฉู่หลิวเยว่แม้แต่ปลายเส้นผม!
เบาะแสมากมายที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังนั้น เพียงพอที่จะอธิบายเรื่องราวทุกอย่างแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ นาง…
พี่เหลยสี่ตื่นเต้นจนมือที่กำค้อนอยู่สั่นเครือเล็กน้อย
ขณะที่มองไปยังร่างของฉู่หลิวเยว่อย่างพินิจพิเคราะห์ เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตนไว้ และลดเสียงลงเพื่อถามออกไปว่า
“พี่ใหญ่ ท่านมั่นใจแล้วใช่หรือไม่?!”
เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกเขาต้องระมัดระวังให้มาก!
บนใบหน้าของชายผู้นั้นปรากฏรอยยิ้มลึก
“ดูจากรูปการณ์ก็ใช่”
พี่เหลยสี่อึดอัดใจจนแทบจุกอกตาย
อ๊าก!
อันใดคือการ “มองจากรูปการณ์ก็ใช่” กันวะ!?
สรุปแล้วใช่ไม่ใช่ ก็พูดออกมาชัดๆ ไปเลยสิ!
แต่ชายคนนั้นกลับไม่พูดอันใดต่ออีก
พี่เหลยสี่จึงไม่มีทางเลือกอื่น และทำได้เพียงจัดการกับอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเอง
ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แค่รอให้ไก่ฟ้าเก้าสีทะลวงขั้นสุดท้ายเสร็จ ก็จะได้รู้กัน!
…
มู่ชิเห่อเดินมาถึงด้านหน้าของค่ายกลแล้ว
การบีบบังคับที่ปั่นป่วนและทรงพลัง เปรียบเสมือนเนินเขาที่กดทับเขา ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก
แม้แต่การไหลเวียนของพลังปราณในกายเอง ก็ช้าลงเช่นกัน
แต่เขาก็เข้าใกล้จุดที่ฉู่หลิวเยว่มากขึ้นแล้ว
และไม่รอให้เขาได้เอ่ยถาม ฉู่หลิวเยว่ก็หันกลับมามองราวกับสัมผัสได้
ดวงตากลมสีดำดูใสบริสุทธิ์ล้ำลึกดั่งหยกดำ
มู่ชิงเห่อพูดไม่ออกราวมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ในคอ
“…เจ้า…เข้าไปได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“รองแม่ทัพมู่เองก็น่าจะเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วมิใช่หรือ? ข้าเข้ามาพร้อมองค์หญิงสามไรเล่า”
มู่ชิงเห่อถึงกับผงะ พลันเอ่ยห้วนๆ
“ตอนนี้เจ้าช่วยพาพวกเราเข้าไปได้หรือไม่? หรือไม่ก็…ส่งตัวองค์หญิงสามออกมา”
ใครๆ ก็มองออกว่าซั่งกวนหว่านไม่สามารถปราบไก่ฟ้าเก้าสีตัวนี้ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น มันใกล้จะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย!
หากถึงครานั้นมันคงยุ่งยากกว่าเดิมเป็นแน่!
ดังนั้นตอนนี้ พวกเขาต้องรีบช่วยซั่งกวนหว่านออกมาเสียก่อน
ฉู่หลิวเยว่ทำทีมองซั่งกวนหว่าน พลันขมวดคิ้วอย่างลังเล
“นี่…รองแม่ทัพมู่คิดว่าข้ามีความสามารถเช่นนั้นเลยหรือ? ท่านคงลืมไปว่าสัตว์อสูรของข้าเองก็ถูกไก่ฟ้าเก้าสีกินไปเช่นกัน ตอนนี้ข้าเองยังเอาตัวไม่รอด แน่นอนว่าข้าย่อมไม่รู้วิธีจะพาองค์หญิงสามออกไป”
จะส่งนางออกไปเพื่ออันใด?
ให้นางได้ทุรนทุรายอยู่นี่ไม่ดีกว่าหรือ?
ซั่งกวนหว่านโลภมาก ต้องการครอบครองไก่ฟ้าเก้าสี แต่กลับไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยสักนิด?
สีหน้าของมู่ชิงเห่อขรึมขึ้นทันตา
“ไม่มีสักวิธีเลยหรือไร?”
ฉู่หลิวเยว่เย้ยหยันทันที
“รองแม่ทัพมู่นี่ช่างจงรักภักดีต่อองค์หญิงสามมากเหลือเกินนะ”
มู่ชิงเห่อรู้สึกราวกับโดนบางอย่างแทงใจเข้าอย่างจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...