ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ นิยาย บท 714

พี่เหลยสี่ตกอกตกใจขึ้นมาทันควัน พลันมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

“อันใดกัน? พี่ใหญ่หมายความว่า…”

แต่ทันใดนั้น พี่เหลยสี่ก็นึกอันใดขึ้นมาได้ และเงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว!

ใช่แล้ว!

ไก่ฟ้าเก้าสีได้กลายร่างเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์ หลังจากกินเพียงพอนเลือดเข้าไป!

หรือว่า…

ฉู่หลิวเยว่!

พี่เหลยสี่หันขวับไปมองเด็กสาวในชุดสีแดงที่ยืนอยู่ในค่ายกลนั่น!

รูปร่างของนางนั้นผอมเพรียว พร้อมไหล่บอบบางที่ดูอ่อนแอ ทว่าแผ่นหลังเล็กๆ นั่นกลับเหยียดตรง

ท่ามกลางความวุ่นวาย นางยืนหยัดอย่างภาคภูมิ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่สามารถทำให้นางยอมก้มหัวลงได้

และจู่ๆ เขาก็จำแววตาของฉู่หลิวเยว่ ตอนที่พูดกับเขาว่าจะเข้าไปในค่ายกลให้ได้

มันทั้งเด็ดเดี่ยว

ดื้อรั้น

และเย่อหยิ่ง…ราวกับจักรพรรดินี!

เพียงพอนโลหิตตัวนั้นคือสัตว์อสูรของนาง และจากที่นางพูดมา มันคือคนที่นำทางพวกเขามายังสถานที่แห่งนี้

ซึ่งประเด็นสำคัญก็คือ ไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้นลงมือฆ่าซั่งกวนหว่านอย่างไม่ลังเล แต่กลับไม่ได้แตะต้องฉู่หลิวเยว่แม้แต่ปลายเส้นผม!

เบาะแสมากมายที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังนั้น เพียงพอที่จะอธิบายเรื่องราวทุกอย่างแล้ว!

ฉู่หลิวเยว่ นาง…

พี่เหลยสี่ตื่นเต้นจนมือที่กำค้อนอยู่สั่นเครือเล็กน้อย

ขณะที่มองไปยังร่างของฉู่หลิวเยว่อย่างพินิจพิเคราะห์ เขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตนไว้ และลดเสียงลงเพื่อถามออกไปว่า

“พี่ใหญ่ ท่านมั่นใจแล้วใช่หรือไม่?!”

เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกเขาต้องระมัดระวังให้มาก!

บนใบหน้าของชายผู้นั้นปรากฏรอยยิ้มลึก

“ดูจากรูปการณ์ก็ใช่”

พี่เหลยสี่อึดอัดใจจนแทบจุกอกตาย

อ๊าก!

อันใดคือการ “มองจากรูปการณ์ก็ใช่” กันวะ!?

สรุปแล้วใช่ไม่ใช่ ก็พูดออกมาชัดๆ ไปเลยสิ!

แต่ชายคนนั้นกลับไม่พูดอันใดต่ออีก

พี่เหลยสี่จึงไม่มีทางเลือกอื่น และทำได้เพียงจัดการกับอารมณ์ฟุ้งซ่านของตัวเอง

ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร แค่รอให้ไก่ฟ้าเก้าสีทะลวงขั้นสุดท้ายเสร็จ ก็จะได้รู้กัน!

มู่ชิเห่อเดินมาถึงด้านหน้าของค่ายกลแล้ว

การบีบบังคับที่ปั่นป่วนและทรงพลัง เปรียบเสมือนเนินเขาที่กดทับเขา ทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยากลำบาก

แม้แต่การไหลเวียนของพลังปราณในกายเอง ก็ช้าลงเช่นกัน

แต่เขาก็เข้าใกล้จุดที่ฉู่หลิวเยว่มากขึ้นแล้ว

และไม่รอให้เขาได้เอ่ยถาม ฉู่หลิวเยว่ก็หันกลับมามองราวกับสัมผัสได้

ดวงตากลมสีดำดูใสบริสุทธิ์ล้ำลึกดั่งหยกดำ

มู่ชิงเห่อพูดไม่ออกราวมีก้อนบางอย่างจุกอยู่ในคอ

“…เจ้า…เข้าไปได้อย่างใด?”

ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

“รองแม่ทัพมู่เองก็น่าจะเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วมิใช่หรือ? ข้าเข้ามาพร้อมองค์หญิงสามไรเล่า”

มู่ชิงเห่อถึงกับผงะ พลันเอ่ยห้วนๆ

“ตอนนี้เจ้าช่วยพาพวกเราเข้าไปได้หรือไม่? หรือไม่ก็…ส่งตัวองค์หญิงสามออกมา”

ใครๆ ก็มองออกว่าซั่งกวนหว่านไม่สามารถปราบไก่ฟ้าเก้าสีตัวนี้ได้!

ยิ่งไปกว่านั้น มันใกล้จะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างสมบูรณ์แล้วด้วย!

หากถึงครานั้นมันคงยุ่งยากกว่าเดิมเป็นแน่!

ดังนั้นตอนนี้ พวกเขาต้องรีบช่วยซั่งกวนหว่านออกมาเสียก่อน

ฉู่หลิวเยว่ทำทีมองซั่งกวนหว่าน พลันขมวดคิ้วอย่างลังเล

“นี่…รองแม่ทัพมู่คิดว่าข้ามีความสามารถเช่นนั้นเลยหรือ? ท่านคงลืมไปว่าสัตว์อสูรของข้าเองก็ถูกไก่ฟ้าเก้าสีกินไปเช่นกัน ตอนนี้ข้าเองยังเอาตัวไม่รอด แน่นอนว่าข้าย่อมไม่รู้วิธีจะพาองค์หญิงสามออกไป”

จะส่งนางออกไปเพื่ออันใด?

ให้นางได้ทุรนทุรายอยู่นี่ไม่ดีกว่าหรือ?

ซั่งกวนหว่านโลภมาก ต้องการครอบครองไก่ฟ้าเก้าสี แต่กลับไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยสักนิด?

สีหน้าของมู่ชิงเห่อขรึมขึ้นทันตา

“ไม่มีสักวิธีเลยหรือไร?”

ฉู่หลิวเยว่เย้ยหยันทันที

“รองแม่ทัพมู่นี่ช่างจงรักภักดีต่อองค์หญิงสามมากเหลือเกินนะ”

มู่ชิงเห่อรู้สึกราวกับโดนบางอย่างแทงใจเข้าอย่างจัง

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์