ซั่งกวนหว่านล้มลงอย่างแรงอีกครั้ง จนปิ่นหยกหล่นกระแทกพื้น ผมสยายลงมา
แรงตบครั้งนี้ทำให้มึนงงไปเลย จนภาพตรงหน้ากลายเป็นสีดำ
นางอ้าปากกว้าง ระหว่างซอกฟันมีกลิ่นคาวคละคลุ้ง นั่นคือเลือดที่ไหลออกมานั่นเอง
ใบหน้าเต็มไปด้วยความชาและมึนงง หลังจากหยุดชะงักไประยะหนึ่ง ความเจ็บปวดที่เหมือนกับน้ำหลากก็ทะลักออกมา!
แต่นี่เทียบไม่ได้เลยกับความกลัวที่อยู่ในใจลึกๆ ของนาง!
นางรู้ว่าบุคคลลึกลับผู้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายน่ากลัวขนาดนี้!
อีกฝ่ายสามารถจัดการนางได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว!
ต้องบอกก่อนว่า ระดับของนางในตอนนี้คือจอมยุทธ์ขั้นแปดตอนต้น
แต่ตอนที่อีกฝ่ายลงมือมานั้น นางไม่มีแม้เวลาจะตอบสนองเลย ทำให้นางต้องทุกข์ทนต่อการโดนทำร้ายเท่านั้น!
ฝ่ามือทั้งสองฝ่ามือนี้ทำให้ซั่งกวนหว่านรู้อย่างชัดเจนว่านางต่างกับอีกฝ่ายอย่างมาก!
“ตอนนี้เจ้าจะพูดความจริงได้หรือยัง?”
เสียงนั้นดังก้องขึ้น ราวกับเสียงปีศาจที่กระซิบอยู่ข้างหู
หัวใจของซั่งกวนหว่านกระตุกวาบ นางคุกเข่าอยู่ที่พื้นแล้ว หมอบศีรษะลง
“ผู้น้อย…ผู้น้อยผิดไปแล้ว!”
ครั้งนี้นางไม่กล้าเล่นลูกไม้อันใดอีกแล้ว จึงได้แต่ก้มหัวยอมรับผิดแต่โดยดี!
“ได้โปรดให้โอกาสผู้น้อยอีกสักครั้ง! หากท่านมีคำสั่งว่าอันใด ข้าน้อยจะบุกน้ำลุยไฟ ทำให้สำเร็จจนได้!”
นี่ก็เกือบสองปีแล้วที่ซั่งกวนหว่านไม่ได้คุกเข่าให้ใครอีก ยิ่งไปกว่านั้นนางไม่เคยใช้น้ำเสียงอ่อนน้อมขอร้องใครเช่นนี้เลย
เสด็จพ่อสลบไสล อำนาจทั้งหมดของราชวงศ์เทียนลิ่งก็อยู่ในมือของนาง นางอยู่ใต้คนๆ เดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น!
ดังนั้นที่นางคุกเข่าครั้งนี้ ในใจของนางจึงรู้สึกอัปยศอย่างมาก
แต่นางไม่กล้าไม่คุกเข่า
“ถ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก ก็จะได้ไม่ต้องมายุ่งยาก”
อักขระยันต์สีดำนั้นขยับไปมาเบาๆ และแค่นหัวเราะเย็นๆ
ซั่งกวนหว่านไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
“เส้นชีพจรของเจ้า ถูกชีพจรเทียนจิงทำลายไปตั้งนานแล้ว หากพูดตามหลักการแล้วมันไม่มีทางฟื้นฟูได้ เป็นข้าที่มอบโอกาสนี้ให้เจ้า ตอนนี้โอกาสมาอยู่ข้างหน้าแล้ว แต่เจ้ากลับไร้ประโยชน์ เป็นโคลนหย่อมหนึ่งที่ฉาบอย่างใดก็ไม่ติดผนัง[1]”
น้ำเสียงของคนผู้นั้นเอื่อยเฉย แต่กลับมีรัศมีที่สูงส่ง อีกทั้งทุกคำพูดก็ยังตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าซั่งกวนหว่านเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเดี๋ยวขาวเดี๋ยวแดง แต่กลับไม่กล้าเถียงเลยสักคำ
“ยัง ยังต้องให้ผู้อาวุโสช่วยแนะนำ!”
ซั่งกวนหว่านไม่ใช่คนโง่เขลา ที่อีกฝ่ายออกมาอย่างกะทันหันเป็นเพราะเรื่องเส้นชีพจรของนางอย่างแน่นอน
และเสียงนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า
“มีคนรู้ตำแหน่งของเจ้าแล้ว หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าเร่งทำเวลาฟื้นฟูเส้นชีพจรของตนเองจะดีกว่า หลังจากที่เจ้าพบเป้าหมายแล้วข้าจะกางม่านพลังช่วยเจ้า ไม่ให้มีใครมารบกวนได้ ขอเพียงแค่จิตของเจ้าต้องสงบ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่มีปัญหา”
ซั่งกวนหว่านลังเลเล็กน้อย
“แต่ว่า…แต่ว่าผู้อาวุโสตอนนี้ต้องมีคนรู้แล้วแน่นอนว่าข้ากำลังทำอันใดอยู่ที่นี่…ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป…”
“รู้แล้วอย่างใด? ตราบใดที่เจ้าไม่เผชิญหน้ากับคนจำนวนมาก ก็ไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้หรอก อย่าลืมฐานะของเจ้าสิ!”
ซั่งกวนหว่านเบิกตากว้าง
นางตกใจอย่างมาก แล้วเข้าใจอันใดบางอย่างขึ้นมา
ใช่แล้ว!
นางคือองค์หญิงสามแห่งราชวงศ์เทียนลิ่ง ตราบใดที่คนหมู่มากไม่เห็นนางด้วยตาตนเอง ใครจะกล้าบังคับให้นางสารภาพผิดได้?
ถ้านางถูกเปิดโปงจริงๆ นางก็แค่กัดฟันไม่ยอมรับเท่านั้นก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?
ตอนแรกหลังจากซั่งกวนเยว่ตายแล้ว ราชวงศ์เทียนลิ่งทั้งหมดก็สั่นคลอน
คนจำนวนมากสงสัยในการตายของนาง มีบางคนเกือบจะสืบได้แล้วว่านางและเจียงอวี่เฉิงเป็นคนต้นเรื่อง แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ที่ข้ามาช่วยเจ้า เพราะข้าเองก็มีเหตุผล ข้าให้เวลาหนึ่งเค่อ ถ้าเจ้ายังทำไม่สำเร็จ ก็อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้า”
“เจ้าค่ะ! เจ้าค่ะ!”
ซั่งกวนหว่านไม่กล้าถามมาก รีบนั่งสมาธิและหาคนที่เหมาะสมทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหญิงลิขิตสวรรค์
สนุกมากค่ะ...
อ่านสนุกมากค่ะ ติดตามอ่านทุกตอน...