อู๋เป่ย: “พลังของฉันแข็งแกร่งกว่า ไอ้ตัวครึ่งเทพนั้นเสียอีก”
ต่อมามีคนพยายามจะชักคันธนูเพื่อจุดไฟ แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ ดังนั้นจึงไม่มีใครพยายามอีกต่อไป เพราะเป็นเรื่องขายหน้าที่ไม่สามารถทำได้
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคิดจะทดสอบแล้ว ชายในชุดผ้าคลุมสีเงินจึงถามว่า: “ยังมีใครที่อยากจะลองอีกไหม?” ขณะที่เขาพูด ดวงตาของเขากวาดมองไปที่อู๋เป่ย ทักษะครั้งก่อนของอู๋เป่ยนั้นสะดุดตาเขาเป็นอย่างมากและเขาคาดหวังว่าคนตรงข้ามจะก้าวออกมา
เมื่อสบตากับชายชุดเงิน อู๋เป่ยก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันเอง”
เขากระโดดขึ้นไปบนแท่นสูงและแปลงร่างเป็นยักษ์สูงราวหนึ่งพันเมตรในทันที เขาค่อยๆ ยกคันธนูขึ้น คันธนูอยู่ที่มือซ้าย ดึงศรธนูด้วยมือขวา หายใจออกเสียงดัง
“ปึก!”
สายธนูพุ่งออกไปด้วยเสียงต่ำ แสงสว่างของหัวงูหกในสิบสองตัวก็ปรากฏขึ้นมาทันที! แต่ในตอนนี้อู๋เป่ยใช้พลังของเขาเพียงสามส่วนเท่านั้น เขาทุ่มพลังลงในคันธนู แสงหัวงูที่เหลืออีกหกหัวก็ปรากฏขึ้นมา แต่ที่แปลกคือแสงจากหัวมังกรที่เหลืออีกยี่สิบสี่หัวยังคงไม่ปรากฏออกมา
เมื่อทุกคนเห็นก็ตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ได้บอกว่าให้ไฟหัวมังกรสองหัวปรากฏขึ้นมา แล้วต่อด้วยหัวงูสองหัวหรือ คุณหลี่ ทำไมไฟจากหัวงูถึงได้ลุกขึ้นมา?”
ในตอนแรกอู๋เป่ยก็รู้สึกแปลก ๆ แต่แล้วเขาก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้ มังกรกับงูในคันธนูนั้น มังกรเป็นตัวแทนของหยินกับหยาง แรงที่เขายกขึ้นเล็งนั้นใช้ความแข็งแกร่งทางกายภาพ ไม่ใช่พลังของหยาง จากนั้นเขาจึงเปิดใช้งานพลังหยาง ไฟหัวมังกรทั้งสิบสองจึงปรากฏขึ้น เขาเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หัวมังกรที่สิบเอ็ดและสิบสองก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น และในไม่ช้าไฟหัวมังกรที่ยี่สิบสามก็ปรากฏขึ้นตามมา
หัวมังกรตัวสุดท้ายดูเหมือนจะปรากฏออกมาแต่ก็ไม่ ไม่ว่า อู๋เป่ยจะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเท่าใด มันก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ในใจเขาคิดทบทวน จึงใช้วิชาของหยินหยางเพื่อดึงพลังหยินหยางออกมา ทันใดนั้นหัวมังกรตัวสุดท้ายก็ส่องแสงเจิดจ้า และเสียงมังกรกับงูคำรามก็ดังมาจากคันธนู สั่นสะเทือนสวรรค์ทั้งเก้าชั้น
เขาปล่อยมือขวาลง
“ฉึก!”
สายธนูสั่นสะเทือน แสงสังหารรูปมังกรก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงสังหารนี้น่ากลัวมากจนเหล่าเต้าจวินในตอนนี้รู้สึกว่าถูกข่มขู่ซึ่งๆหน้า จึงค่อยๆ เปลี่ยนท่าทีที่แสดงออกมา
เหตุการณ์ตรงหน้าเงียบสนิท จนกระทั่งชายในชุดคลุมสีเงินเป็นคนแรกที่ตอบสนอง ก่อนจะยิ้มและพูดว่า: “เยี่ยมเลย! องค์ชายหลี่ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังจริงๆ ตามข้อตกลง คันธนูงูมังกรนี้เป็นขององค์ชาย!”
อู๋เป่ยรู้สึกพอใจ เขารู้สึกว่าธนูงูมังกรมีพลังมหาศาลและเป็นสมบัติล้ำค่า เขาโค้งคำนับชายชุดเงิน โค้งคำนับต่อพระมารดาจากระยะไกลเพื่อแสดงความขอบคุณ
จากนั้นเขาก็วางคันธนูงูมังกรลง คันธนูก็ยาวมากกว่าหนึ่งเมตรสูงเกือบๆเท่าส่วนสูงของเขา
เมื่อกลับมาที่ที่นั่ง มองเห็นสายตาอิจฉานับไม่ถ้วนจากรอบๆ ข้าง
ในแถวแรกมีชายชราในชุดสวยงามแปลกตาลูบเคราก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “เต่ยเออร์ สายตาของเจ้าไม่ธรรมดาจริงๆ คิดไม่ถึงว่า เขาจะสามารถยิงธนูงูมังกรที่ทำจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์สมัยโบราณได้”
อู๋เต่ยยิ้มและพูดว่า: “สำหรับเขานี่ถือว่าธรรมดาขอรับ ต่อไปมีอะไรน่าตื่นเต้นกว่านี้เสียอีก”
ชายชราตกตะลึง: “นอกจากจะแข็งแกร่งแล้ว เด็กคนนี้ยังทำอะไรได้อีกงั้นหรือ?”
อู๋เต่ยล่าวว่า: “หลังจากนี้ ท่านปู่ก็จะทราบ”
ชายในชุดคลุมสีเงินส่งธนูงูมังกร ด้วยท่าทางพอใจ เขายิ้มและพูดว่า: “เชิญนักระบำจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกท่านมาทำการแสดงบนสนาม”
เมื่อเขาได้ยินว่าผู้ชนะอันดับหนึ่งได้รางวัลเป็นหินสวรรค์ถึงสามชิ้น ดวงตาของอู๋เป่ยเบิกกว้างทันที เขาจึงตั้งใจฟังกติกาต่อไป
ชายชุดเงินกล่าวว่า: “การแข่งขันพลังเวทย์ครั้งที่หนึ่ง! มีกระจกหินอยู่ตรงหน้าซึ่งหากสามารถทำคะแนนจากพลังเวทย์ได้ ก็จะนับผู้ที่มีพลังเวทย์สูงสุดในการแข่งขันทั้งหมดเป็นผู้ชนะ”
อู๋เป่ยเริ่มลังเลเมื่อได้ยินว่าเขากำลังแข่งขันกันทักษะพลังเวทย์ เขาถามปรมาจารย์เปี่ยวเมี่ยวทันที: “ท่านอาจารย์ พลังเวทย์แบบไหนที่ได้คะแนนสูงที่สุด?”
ปรมาจารย์เปี่ยวเมี่ยว: “กระจกหินนี้เรียกว่ากระจกซวนถง สามารถทดสอบระดับพลังเวทย์ได้ ยิ่งพลังเวทย์มีมาก ความยากก็จะยิ่งสูงขึ้น และคะแนนก็จะสูงตามไปด้วย”
อู๋เป่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าวิชาโชคชะตาอันยิ่งใหญ่มันจะขนาดไหน?”
ท่านเพียวเมี่ยว: “ไปขอคำแนะนำจากปรมาจารย์เทียนจี้สิ เขาอาจช่วยเจ้าได้”
จากนั้นอู๋เป่ยไปที่ด้านข้างของปรมาจารย์เทียนจี้ เขาประสานมือเล็กน้อย: “ท่านอาวุโส พลังเวทย์ชนิดใดที่สามารถทำคะแนนสูงสุดจากกระจกซวนถงนี้?”
ปรมาจารย์เทียนจี้ยิ้มเล็กน้อย: “เจ้าถามถูกคนแล้ว กระจกหินซวนถงนี้ต้องมีพลังเวทย์ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นพลังเวทย์ที่เจ้าตระหนักรู้ในตัวเองแล้วก็จะยิ่งทำคะแนนได้สูงมาก อีกอย่างพลังเวทย์ที่เจ้ามีก็ต้องสูงมากเช่นกัน หากเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนก็จะได้รับแต้มพิเศษ ส่วนพลัง ความยากง่ายก็ไม่สำคัญเท่ากับสองอย่างแรก”
อู๋เป่ยพยักหน้า: “ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านอาวุโส!”
ทันที อู๋เป่ยก็กลับสู่ที่นั่งตำแหน่งเดิม ก็นั่งขัดสมาธิ หาวิธีเพื่อสร้างพลังเวทย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในช่วงเวลาสั้นๆ เขาเชื่อว่าจะต้องมีคนจำนวนมากที่รู้เคล็ดลับนี้อย่างที่อาวุโสเทียนจี้ทราบ และคนเหล่านั้นอาจจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างพลังเวทย์ใหม่ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ของพวกเขา
อู๋เป่ยเก่งที่สุดในด้านทักษะทางการแพทย์และการปรุงยา ดังนั้นเขาจึงเริ่มต้นจากทั้งสองวิธีการนี้และรวมจุดแข็งของเขาเข้าด้วยกัน ภายใต้จิตสำนึก เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลังจากการไตร่ตรองซ้ำอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็สร้างพลังเวทย์ที่เรียกว่า “วิชาหยินหยางเกิดดับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...