ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 159

อู๋เป่ยหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “นายอย่าเพิ่งรีบดีใจไป อาจารย์ของฉันคือท่านตงฟ๋อ หากนายฆ่าฉัน ท่านอาจารย์จะต้องแก้แค้นให้ฉันเป็นแน่!”

เฉินหย่งเจิ้นพ่นลมหายใจออกมา “แก้แค้น? จะมีใครรู้ว่านายตายด้วยเนื้อมือของฉัน? เวลานี้หากฉันบอกว่าสองเทพอมตะแห่งหลิงหนานเป็นคนลงมือ นายคิดว่าพวกเขาจะเชื่อฉันหรือเปล่า?”

จู่ ๆ อู๋เป่ยก็ยิ้มออกมา เขายิ้มพร้อมกับส่ายหน้า

เฉินหย่งเจิ้นขมวดคิ้ว “ยิ้มอะไรของนาย?”

อู๋เป่ย “ก็ยิ้มเพราะว่านายมันโง่เกินไป นายคิดว่าศิษย์ของฉันไม่รู้การเคลื่อนไหวของฉันงั้นเหรอ?”

เฉินหย่งเจิ้นตกใจ แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มออกมา “หากศิษย์พี่ของนายอยู่ที่นี่ เขาก็คงลงมือตั้งนานแล้วถูกต้องไหม? พี่อู๋ หัวใจของนายได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของฉัน มากที่สุดก็อยู่ได้อีกแค่ไม่กี่นาที หากมีคำพูดหรือสิ่งใดที่อยากฝากไว้ ฉันจะช่วยนายทำให้มันเป็นจริง”

ท่าทางของอู๋เป่ยเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขาก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง “เฉินหย่งเจิ้น นายจบไม่สวยแน่!”

เฉินหย่งเจิ้นยิ้มออกมาเล็กน้อย “คำพูดพวกนี้มันไร้ประโยชน์ แพ้ก็คือแพ้ การเดิมพันมันจำเป็นต้องรู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ เข้าใจไหม?”

อู๋เป่ยมองมาที่เขา “ฉันไม่ควรช่วยชีวิตนาย ควรปล่อยให้สวี่เทียนโย่วดูดกลืนวิญญาณของนายให้หายไป”

เฉินหย่งเจิ้นพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น “ตอนนั้นสวี่เทียนโย่วต้องการรับฉันเป็นศิษย์ เวลานั้นฉันดีใจเป็นอย่างมาก คิดว่าการที่ได้เป็นศิษย์ของบุคคลที่ยิ่งใหญ่จะทำให้อนาคตของฉันเฉินหย่งเจิ้นไร้ขีดจำกัด แต่ใครจะไปคิดว่าตาแก่นั่นจะคิดไม่ซื่อ ฉวยโอกาสตอนที่ฉันกำลังฝึกฝน แย่งชิงร่างกายไปจากฉัน”

“เขามีความอดทนยิ่งนัก เพื่อให้ร่างกายของฉันปรับสภาพและสอดคล้องกับวิชายึดร่างกายของเขา เขาเลี้ยงดูฉันอย่างระมัดระวังมาเป็นเวลาสิบปี หากไม่มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย ฉันคงตกอยู่ในแผนการของเขาไปแล้ว ฮ่าฮ่า แต่ชีวิตคนหรือจะสู้โชคชะตา ดวงชีวิตของฉันเฉินหย่งเจิ้น ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก”

เวลานี้ชี่แท้สีทองของอู๋เป่ยได้เชื่อมเส้นเลือดแดงที่แหลกสลายเป็นอันเรียบร้อย เขาแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและค่อย ๆ ยืนขึ้น

เฉินหย่งเจิ้นก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว พูดออกมาด้วยความตกใจ “นายไม่เป็นไรเลยงั้นเหรอ?”

อู๋เป่ยเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา กล่าวออกมาอย่างเย็นชา “ฝ่ามือของนายนั้นสุดยอดมาก มันทำให้เส้นลมปราณของฉันเสียหายและขาดไปไม่น้อย”

“เส้นลมปราณขาดไปแล้ว เช่นนั้นนายยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” เฉินหย่งเจิ้นหรี่ตาลง และรู้สึกว่าเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อ

อู๋เป่ยพูดออกมา “ความผิดพลาดของนายก็คือ การสังหารคนที่นายยังไม่เข้าใจในตัวเขา”

เมื่อเสียงเงียบลงเขาก็เคลื่อนไหวในทันที ร่างกายของเขาสั่นไหว หมัดของเขาพุ่งตรงไปยังหน้าของเฉินหย่งเจิ้น

เฉินหย่งเจิ้นเองก็ฝึกวิชายุทธ์จนได้รับปรารถนาแห่งเทพ ทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็ว เขาเอนหลังและถอยออกไปเพื่อหลบการโจมตี และหลังจากนั้นไม่นานเท้าของอู๋เป่ยก็มาถึง

หมัดมังกรอู๋หลงรวดเร็วเหมือนสายฟ้า! สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เฉินหย่งเจิ้นยังไม่สามารถทำได้

เท้าของเขาเหยียบไปบนเข่าของเฉินหย่งเจิ้นโดยตรง

“แกร๊ก!”

เสียงแตกหักดังนั้น เฉินหย่งเจิ้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หัวเข่าของเขาบิดออกไป 90 องศา ร่างกายของเขาทรุดลงพื้น และหมัดของอู๋เป่ยก็พุ่งตรงไปยังใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง

“ตุบ!”

หมัดของอู๋เป่ยจมลงบนหน้าของเฉินหย่งเจิ้นประมาณสามเซนติเมตร จมูกและฟันหัก โหนกแก้มและกรามของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ!

ร่างกายของเฉินหย่งเจิ้นถูกแขวนไว้บนมุมหนึ่ง ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ หมัดนี้ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาสับสน จิตใจของเขาเป็นอัมพาต และสมองของเขาว่างเปล่า

“ปัง ปัง ปัง!”

จากนั้นอู๋เป่ยก็ปล่อยออกไปอีกสามหมัด ทุกหมัดกระทบกับส่วนสำคัญในร่างกายของเฉินหย่งเจิ้น

เขาเกลียดคนแบบนี้ที่สุด ตนเองอุตส่าห์ช่วยชีวิตเขา แต่เขากลับคิดจะฆ่าตนเอง เขาไม่มีทางยกโทษให้เป็นอันขาด!

หมัดแรกทำให้ตับแหลกละเอียด หมัดที่สองทำให้หัวใจแหลกสลาย และหมัดที่สามทำให้กระเพาะและลำไส้ปั่นป่วน!

ดึงหมัดกลับและก้าวถอยหลัง เฉินหย่งเจิ้นล้มลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง หมดสภาพความเป็นคน มีเลือดออกจากรูทวารทั้งเจ็ด

อู๋เป่ยมองไปที่เขา “ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกชื่นชมนายเป็นอย่างมาก หากพวกเราเป็นเพื่อนกัน นายอาจเป็นคนที่โชคดี แต่น่าเสียดาย!”

ร่างกายของเฉินหย่งเจิ้นสั่นเทา มือขวาของเขายังสามารถเคลื่อนไหวได้ ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในการเขียนอักษรสองพยางค์ลงบนพื้น “ขอโทษ”

เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็หยิบกุญแจรถออกมา เดินไปลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม และเดินไปพร้อมกับกดปุ่มบนกุญแจ

ในที่สุด เมื่อเขามาถึงลานจอดรถใต้ดินชั้นสาม รถก็ส่องไฟกะพริบและส่งเสียง “บี้ม” ออกมา

มันคือสำหรับธุรกิจ เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ จากนั้นก็เริ่มค้นหาทุกซอกทุกมุม เริ่มใช้ดวงตาของเขาในการมองทุกสิ่ง ไม่นานเขาก็พบว่าด้านล่างของพรมรถมีหินหยกสามก่อนซ่อนอยู่

“ก็แค่หินหยกสามก้อนเท่านั้น เหตุใดถึงปกปิดมิดชิดถึงขนาดนี้?” เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงยกพรมออกพร้อมกับหินหยกเหล่านั้น

เมื่อลองดูให้ละเอียด ดวงตาของเขามองทะลุหินหยก เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จริง ๆ แล้วหินหยกเหล่านั้นเกิดจากการทับถมกันของแผ่นหยกหลายพันชิ้น และแต่ละชั้นมีความหนาประมาณ 0.1 ไมครอนเท่านั้น

ชิ้นส่วนหยกแนบสนิทกัน แนบสนิทจนยากจะสังเกตเห็นว่ามันเป็นแผ่นหยก ไม่ใช่ก้อนหยก

เมื่อลองสังเกตให้ดีก็จะพบว่าบนแผ่นหยกเหล่านี้มีอักษรและรูปภาพสลักอยู่

หัวใจของเขาเต้นแรง หรือว่าแผ่นหยกเหล่านี้มาจากราชวงศ์หมิงยุคก่อนประวัติศาสตร์?

เขาเลิกตรวจสอบอีกต่อไป นำหยกใส่กระเป๋า จากนั้นขับรถออกจากโรงแรมทันที

รถค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปยังหน้าประตูทางเข้า ในตอนที่อยู่ตรงประตูทางออก เขาเห็นผู้บำเพ็ญกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถสองสามคัน เขาจึงเพิ่มความเร็วและพุ่งชนผู้มาเยือนเหล่านั้น

หัวใจของอู๋เป่ยสั่นเทา คนพวกนี้หรือว่าจะเป็นคนที่มาตามหาสองเทพอมตะแห่งหลิงหนาน? เขาจึงเหยียบคันเร่งโดยไม่คิด รีบออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด

ขณะที่เขากำลังขับรถ เขาโทรหาเพื่อนในแผนกข่าวกรองเพื่อขอให้ลบวิดีโอทั้งหมดที่เขาอยู่ในโรงแรมรวมถึงช่วงเวลาที่ขับรถอยู่บนท้องถนน

นี่ไม่ใช่เรื่องยากอะไร อีกฝ่ายรับปากอย่างเต็มใจพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “น้องอู๋ พ่อของท่านผู้นำของพวกเราอาการไม่ค่อยดีนัก หากมีเวลาว่างนายก็มาเยี่ยมเขาหน่อยได้ไหม?”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อู๋เป่ยขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่าย เขายิ้มและตอบกลับไปว่า “ครับ อีกไม่นานเดี๋ยวผมจะเดินทางไปยังเทียนจิง หากถึงที่นั่นแล้วผมจะติดต่อพี่ไป”

อีกฝ่ายดีใจเป็นอย่างมาก “ดี ดี ฉันจะรอข่าวจากนาย” 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ