ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 1652

ในเวลาพลบค่ำ เมืองใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้าถูกปกคลุมไปด้วยออร่าสีดำและสีขาว ซึ่งออร่าพวกนั้นก็คือค่ายกลเหลี่ยงอี๋เหวยเฉิน

อู๋เป่ยเชี่ยวชาญเรื่องความลึกลับของหยินและหยางและเหลียงอี๋เป็นวิวัฒนาการของความลึกลับของหยินและหยาง เขาเปิดตาวิเศษของเขาและพบจุดบกพร่องอย่างรวดเร็ว

เขาปล่อยมือใหญ่แสงศักดิ์สิทธิ์ออกไปและโจมตีเบา ๆ ต่อหน้าแสงสีดำและสีขาว ค่ายกลสั่นขึ้นมาทันที จากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้น ค่ายคนใหญ่ที่สั่งอยู่แล้วก็สั่นหนักขึ้นไปอีก

15 นาทีผ่านไป เสียงดังยังคงอยู่ ค่ายกลหยินหยางเหลี่ยงอี๋เหวยเฉินถูกทำลาย ในเวลาเดียวกันอู๋เป่ยก็ตวัดมือ ธงค่ายกลยี่สิบสี่ธงก็บินเข้ามาในมือของเขา

การมีธงค่ายกลเหล่านี้ จะทำให้เขาสามารถจัดการกับค่ายกลเหลี่ยงอี๋เหวยเฉินได้ ของที่มีขนาดนี้ เขาย่อมเก็บมันมาอย่างไม่เกรงใจ

หลังจากค่ายกลใหญ่พังไปแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มหนึ่งที่แอบซุ่มดูอยู่ไม่ไกลก็พากันตกใจและรีบหนีออกจากที่นั่นทันที

และในตอนนั้นเองก็มีขุนนางพูดขึ้นว่า“ ฝ่าบาท หากลงไปที่ทางใต้อีกก็จะถึงถิ่นทุรกันดารของทางใต้แล้ว”

ทางใต้สุดมีภูเขาหลายล้านลูกปะปนกับที่ราบและหุบเขา นอกจากนี้ยังมีคนป่าเถื่อนอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมาก ส่วนใหญ่จะอยู่กันแบบชนเผ่าและชนเผ่าพวกนี้ก็มักจะมีนิสัยที่ป่าเถื่อนและก้าวร้าว

อู๋เป่ย: "คืนนี้ พักผ่อนกันที่นี่เถอะ เหล่าขุนนางทั้งหลายสามารถลงพื้นที่ไปหากิจกรรมทำได้ ไม่ต้องอยู่บนเรือหรอก"

โดยปกติแล้วขุนนางชั้นผู้ใหญ่จะไม่ขึ้นฝั่ง แต่คนหนุ่มสาวบางคนก็ชอบสนุกสนานและไปที่เมืองด้านล่างเพื่อสัมผัสสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่นี่

หากดูเผินเผินจะเหมือนว่าอู๋เป่ยยังอยู่ที่หัวเรือ แต่แท้จริงแล้วเขาได้แอบไปอย่างเงียบ ๆ และปรากฏตัวในตลาดในเมืองพร้อมกับติงเอ่อร์และเขอเอ่อร์พร้อมด้วยถังจื่อยี่และเหรินซานซาน

เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในถิ่นทุรกันดารและเรียกว่าเมืองหนานหุ่ย เผ่าคนเถื่อนจากทางใต้มักมาที่นี่เพื่อค้าขาย เมืองหนานฮุยจึงมีเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วและมีการค้าขายที่เจริญรุ่งเรือง ประชากรที่มีคนอยู่เกินกว่า 30 ล้านคน เมืองนี้ทอดยาวไปไกลหลายร้อยลี้ แบ่งออกเป็นพื้นที่อยู่อาศัยขนาดเล็กใหญ่หลายแห่ง

ติงเอ่อร์ขี่คอของอู๋เป่ย ส่วนเข่อเอ่อร์ก็ขี่หลังตงหวง ข้าง ๆ ก็มีฉยงฉีกับมังกรเหลืองน้อยตามมาด้วย ดังนั้นมันจึงทำให้พวกคนดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นอย่างมาก

หงส์เพลิงน้อยเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน เธอกำลังฝึกฝนอยู่ในตำหนักดาบคุนหลุน เธอมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอสามารถฝึกคัมภีร์ดาบเทียนจีจนอยู่ในระดับที่เหนือกว่าของอู๋เป่ยได้แล้ว ตอนนี้เธอเพิ่งฝึกระดับที่ 15 สำเร็จ

มีอาหารมากมายในตลาด ทั้งมือซ้ายมือขวาของติงเอ่อร์ต่างก็เต็มไปด้วยของกินพลางกินอย่างมีความสุข

หลังจากเดินไปได้สักพัก จู่ ๆ ด้านหน้าก็เหมือนจะครึกครื้นขึ้นมา นั่นก็เพราะว่าตอนนี้พวกเขานั้นได้มาเขตการค้าแล้วเรียบร้อย ที่พื้นเต็มไปด้วยแผงขายของ คนขายส่วนใหญ่มักจะเป็นคนเถื่อนจากทางใต้ เช่น หนังสัตว์ กระดูกเสียบไม้ หยก มีดป่าเถื่อน คันธนูและลูกธนู ผลไม้ป่า ฯลฯ

หลังจากเดินไปที่แผงขายของได้สักพัก อู๋เป่ยก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะหยุดหยุดดูของอะไรเป็นพิเศษ จนกระทั่งเขามาที่แผงขายของของหญิงชราคนหนึ่ง ด้านหน้าของหญิงชราคนนี้มีกอง ของจุกจิกอยู่จำนวนหนึ่ง ไม่มีใครสนใจที่จะมาเลยสักนิด

อู๋เป่ยหยุดกะทันหัน เขาหยิบกริชที่หักออกมาจากกองสิ่งของ มีรัศมีของคาถาจาง ๆ บนมีด แม้ว่าพลังจะเบาบางมาก แต่เขาก็ยังรู้สึกได้ว่ามันเป็นออร่าของแม่มดสวรรค์

เขาถามว่า “ท่านผู้เฒ่า ของอันนี้มันมาจากไหนน่ะ?”

หญิงชราสวมเสื้อผ้าหนังสัตว์และมีสายตาที่ดูใจดี เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า: "หนุ่มน้อย ชนเผ่าของเราพบนี่เข้า ตอนที่กำลังทำเหมืองน่ะ"

อู๋เป่ย: “เผ่าของคุณทำเหมืองอะไรเหรอ"

หญิงชรา: "เหมืองทองแดง เราขุดแร่ทองแดงมาขายให้คนที่นี่"

อู๋เป่ย: "ท่านผู้เฒ่า ท่านมาจากเผ่าไหน?"

หญิงชรา: "พวกเราคือชนเผ่าต้าคังปู้"

อู๋เป่ย: "ของพวกนี้ ผมเหมาละกัน"

หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว เขาก็ให้คนมาเก็บของไปจากนั้นก็กลับไปที่เรือรบ

เขาบอกให้คนในครอบครัวดูแลเด็ก ๆ ให้ดี ส่วนเขาไปที่ชนเผ่าต้าคังปู้เพียงลำพัง

ตอนที่ถูกล็อก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ