ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 169

เลขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น:“หน่วยงานนี้มีหน้าที่อะไรงั้นเหรอครับ?”

สายตาของฮั่วตงหยวนเผยให้เห็นความสั่นไหว:“ตอนนั้น ฉันยังเป็นผู้นำเมืองถิ่นที่ชายแดนใต้ มีอำเภอหนึ่งของทางนั้น เกิดคดีฆาตรกรรมที่โหดเหี้ยมมาก สังหารหมู่ไปสามสิบคน”

“ในเมืองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ฉันนำสืบด้วยตัวเอง พาคนไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่นั่นเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไกลโพ้น แม้แต่รถก็เข้าไม่ถึง ทำได้เพียงแค่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน”

“เดินไปประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกเราก็ถึงหน้าหมู่บ้าน พึ่งจะถึงได้ไม่นาน ก็มองเห็นสัตว์ประหลาดตัวขนสองตัว ความสูงประมาณสามเมตรเห็นจะได้ โถมตัวเข้าไปหาชายหนุ่มวัยรุ่น ชายหนุ่มคนนั้นยื่นนิ้วออกมาชี้ หัวของสัตว์ประหลาดทั้งสองก็ขาดทันที เลือดสดๆก็กระเด็นขึ้นสูงหลายเมตร หลังจากนั้นคนๆนั้นก็แค่กวาดมือ ศพก็ถูกเผาจนมอดไหม้ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น จนกลายเป็นฝุ่นขี้เถ้า”

“ชายหนุ่มเดินมาทางพวกฉัน เขาถามฉันว่าเป็นใคร ฉันบอกฉันคือผู้นำเมืองถิ่น เขาบอกตัวเขามาจากกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพ สัตว์สองตัวเมื่อครู่เป็นสัตว์อสูร ถูกเขาฆ่าตายแล้ว แถมยังให้ฉันช่วยเก็บเป็นความลับ ห้ามเอาสิ่งที่เห็นไปบอกต่อ”

“หลังจากนั้นเขาก็ลงจากเขาไป ที่แปลกใจก็คือ ทั้งๆที่เขาเดินไม่เร็วนัก แต่คนกลับหายไปภายในไม่กี่วินาที ตอนนั้นพวกฉันคิดว่าคงจะเจอผีเข้าให้แล้ว จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนตอนฉันถูกย้ายมาที่เจียงหนาน ถึงได้รู้เรื่องราวของกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพจากปากของคนที่นี่”

เลขาฟังแล้วคิดตาม:“หัวหน้า สัตว์ประหลาดสูงสามเมตรนั่นคือสัตว์อสูรเหรอครับ? เท่าที่ผมรู้ เหมือนว่าจะไม่มีสัตว์อสูรที่สูงขนาดนั้นนะ?”

ฮั่วตงหยวนส่ายหน้า:“ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าพวกมันคือสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่ง ฉันคิดว่าต่อให้เป็นเสือ สิงโต ต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมันอยู่ดี แต่เขาชายหนุ่มคนนั้นชี้เพียงนิ้วเดียว ก็สามารถทำให้ร่างกับหัวของสัตว์ทั้งสองตัวแยกขาดกันได้”

เลขาคบคิด:“ผมรู้แล้ว ชายหนุ่มคนนั้นจะต้องเป็นคนที่บำเพ็ญตนอย่างแน่นอน”

ฮั่วตงหยวน:“ตอนนี้นายเข้าใจหรือยังว่าทำไมฉันถึงไม่ให้นายตรวจสอบอู๋เป่ย?”

เลขาพยักหน้า:“คนที่เป็นแบบอู๋เป่ย ที่ไม่มีข้อมูลอยู่ในความรู้ของพวกเรา คนแบบนี้ทางที่ดีอย่าไปยุ่งเสียดีกว่า”

ฮั่วตงหยวนพอใจมาก:“ดีมาก สำหรับสิ่งที่เราไม่รู้จัก ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับพวกเขา”

เขานิ่งไปสักพัก แล้วพูดขึ้นมาอีก:“หาโอกาสให้ฉันไปรู้จักคนพวกนี้หน่อย”

เลขาพูดต่อ:“ครับ กลับไปผมจะไปจัดการให้ครับ!”

ตระกูลถัง อู๋เป่ยเล่าสถานการณ์ฝั่งนั้นให้ถังหมิงฮุยฟังคร่าวๆ

ถังจื่อยี่:“เรื่องหยุดก่อสร้างไม่กี่วันคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ฉันกังวลฝั่งของญี่ปุ่น จะมาแก้แค้นพวกเราหรือเปล่า?”

อู๋เป่ย:“ที่ฉันบอกกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพ เพื่อจะหลีกเลี่ยงความกดดันจากฝั่งญี่ปุ่น ตอนนี้ เรื่องนี้มีกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพรับผิดชอบไปแล้ว สิ่งที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจไม่ได้อยู่ที่พวกเราแล้ว”

ถังจื่อยี่พยักหน้า:“หวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรล่ะนะ”

อู๋เป่ยอยู่ที่ตระกูลถัง แล้วศึกษาศิลปะชั้นเซียนของแท่นอิฐหยกต่อ

พอถึงช่วงเที่ยง เย่เทียนจงก็เสร็จงานในมือ หลังจากนั้นก็เดินทางมาหาอู๋เป่ยที่ตระกูลถัง คนตระกูลถังพยายามหลบเลี่ยง อู๋เป่ยเลยเชิญเขามาที่ห้องโถงใหญ่ ไปชงชามาให้ด้วยตัวเขาเอง

“ศิษย์พี่ ขุดกลปีศาจกระดูกขาวออกมาหมดแล้วเหรอครับ?” เขาถาม

เย่เทียนจงพยักหน้า:“ขุดออกจนเกลี้ยงแล้ว หุ่นปีศาจก็ถูกคนพาไปแล้ว ศิษย์น้อง โชคดีที่นายบอกพวกเราทัน ถ้าช้ากว่านั้นชั่วโมงหนึ่งล่ะก็ คนญี่ปุ่นคงจะแย่งนำหน้าไปหนึ่งก้าว นายได้ผลงานใหญ่เลยนะเนี่ย อีกไม่กี่วัน นายก็จะได้รางวัลเองล่ะนะ”

อู๋เป่ยหัวเราะ:“มีรางวัลด้วยเหรอครับ?”

“แน่นอนสิ ผลงานของนายถือว่าอยู่ชั้นหนึ่งเลยนะ รางวัลชั้นหนึ่งของกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพได้เงินจำนวนมากเชียวล่ะ พอถึงตอนนั้นฉันจะช่วยขอให้เพิ่มรางวัลนายเยอะหน่อย” เย่เทียนจงหัวเราะ

อู๋เป่ยยกมือคำนับ:“ขอบคุณครับศิษย์พี่”

ปัจจุบัน ถ้าเขาจะไปให้ถึงระดับสูงสุด หมัดจะต้องมีจิตแห่งปรารถนา แต่จิตสำนึกยังไม่ทันได้รู้สึกตัว ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาที่ดีกลับมา อาจจะเป็นการป้องกันหรือโจมตีศัตรู

วิธีนี้ เก่งกาจยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ปรมาจารย์ที่สามารถไปถึงหมัดที่มีจิตแห่งปรารถนาได้นั้น ยากที่จะต่อกร เพราะอีกฝ่ายมีพลังที่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้

หมัดจิตแห่งปรารถนา ความจริงแล้วก็คือการฝึกพลังในการคาดการณ์ ขยันฝึกฝนอย่างหนัก ทำให้มันกลายเป็นการซ่อนจิตสำนึกในรูปแบบหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ เขาถึงตั้งใจเชิญสวีจี้เฟยมาฝึกฝนหมัดเป็นเพื่อนเขา ช่วยฝึกฝนพลังคาดการณ์

ตั้งแต่แรกเริ่ม สวีจี้เฟยกับเขาพลังไม่แตกต่างกันมาก แต่ต่อมาเขาก็ค่อยๆค้นพบกฎหมัดของอีกฝ่าย ผ่านการใช้ดวงตาเทพ พลัง ฝีเท้า และโชคของเขา ทำให้คาดการณ์ท่วงท่าของเขาได้ล่วงหน้าว่าจะออกท่าอะไร

ฝึกไปครึ่งวัน สวีจี้เฟยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋เป่ยอีกต่อไปแล้ว ออกท่าเพียงไม่กี่ท่า เขาก็ถูกทำให้ล้มลงไปกับพื้นซะแล้ว

สวีจี้เฟยนับถืออย่างมาก จะให้อู๋เป่ยช่วยสอน ทว่า อู๋เป่ยมีดวงตาแห่งมิติ พลังการตรวจสอบนั้นสูงกว่าคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้ไม่นานเขาก็สามารถไปถึงหมัดจิตแห่งปรารถนาได้

เทียบกันแล้ว การฝึกฝนบำเพ็ญของสวีจี้เฟยนั้นยากกว่ากันเยอะ จนถึงตอนนี้เขาฝึกฝนได้เพียงไม่เท่าไหร่เอง

ช่วงบ่ายของวันนี้ ทั้งสองกำลังแลกเปลี่ยนท่าหมัด ด้านนอกก็มีเสียงรถดังเข้ามา ถังจื่อยี่เคาะประตูเข้ามา:“มีผู้หญิงญี่ปุ่นคนหนึ่งมาหาฉันชื่อโอดะฟุกุ อยากจะเจอนายน่ะ”

อู๋เป่ย:“หืม? แซ่โอดะงั้นเหรอ? เธอเป็นลูกหลานของโอดะยูคาริ?”

ถังจื่อยี่:“คงจะเป็นอย่างนั้น จะเจอเธอไหม?”

อู๋เป่ยไตร่ตรองแล้วถาม:“เธอได้บอกไหมว่าอยากเจอฉันเรื่องอะไร?”

ถังจื่อยี่:“ไม่ได้บอก จริงสิ โอดะฟุกุคนนี้เป็นผู้กุมอำนาจของกลุ่มชิงยิงไฉ กลุ่มชิงยิงไฮนั้นควบคุมเงินทุนอยู่จำนวนหลักล้านล้าน อยู่ภายใต้หลายบริษัทมาก เธอมาครั้งนี้ มาเยี่ยมเยียนในฐานะผู้ลงทุนน่ะ ในเมืองส่งคนมาเพื่อรับผิดชอบการรับรองโดยเฉพาะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ