ทั้งสองเดินมาถึงห้องโถงชั้นหนึ่ง ชายรูปร่างใหญ่สวมเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้ายืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ข้างกายของเขามียอดฝีมือชั้นพรสวรรค์ยืนอยู่หนึ่งคน
ถูกต้อง อู๋เป่ยระบุตำแหน่งยอดฝีมือชั้นพรสวรรค์ให้แก่เขา แต่ไม่ใช่ปรมาจารย์ชั้นพรสวรรค์ ตอนนี้เขามีพลังยุทธ์ขั้นสูงแล้ว เข้าใจเรื่องเกี่ยวกับเสินจิ้นอย่างถ่องแท้ เขาเชื่อว่ามีแค่คนที่มีวิทยายุทธ์และมีทุนพอที่จะก่อตั้งสำนักได้เท่านั้น ถึงจะเหมาะสมที่จะได้รับคำขนานนามว่า ปรมาจารย์
ชายหนุ่มยอดฝีมือชั้นพรสวรรค์ที่สวมเสื้อแจ็คเก็ตเดินพุ่งเข้ามาหาอู๋เป่ย และถามอย่างเย้ยหยันว่า “แกใจกล้ามากเลยนะ ที่กล้าชิงตัวคนไปจากพวกเรา...”
ชายคนนั้นพูดจาครึ่งๆ กลางๆ แล้วจู่ๆ อู๋เป่ยก็หายตัวไป เขาตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นสหายที่อยู่ด้านหลังเขาก็ตะโกนเตือนขึ้นว่า “ระวัง!”
อู๋เป่ยเหมือนผีอย่างไรอย่างนั้น ชั่วพริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านข้างของเขาแล้ว จากนั้นก็เตะเขาจนกระเด็น มันรวดเร็วมาก! ยอดฝีมือชั้นพรสวรรค์ผู้นั้นมีเวลาเพียงแค่หันข้างได้เล็กน้อยเท่านั้น บริเวณช่วงเอวของเขาถูกถีบเข้าอย่างจัง
เขารู้สึกราวกับถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเข้าอย่างเต็มเปา ลูกถีบลูกนั้นเล่นเอาตัวเขากระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร และกระแทกเข้ากับเสาอย่างแรง จนพื้นสั่นสะเทือนไปทั่ว
“เฮ้อ”
ชายหนุ่มแจ๊คเก็ตผู้นั้นถอนหายใจและพูดว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า แกเองก็เป็นปรมาจารย์ชั้นพรสวรรค์ด้วยเหมือนกัน เฉินหลิงซวงมีผู้ช่วยอย่างแก พวกฉันไม่กล้าลงมือหรอก สหาย แกนำคนของแกกลับไปได้เลย พวกเราหยุดการต่อสู้กันเพียงเท่านี้ดีไหม?”
อู๋เป่ยจ้องมองชายหนุ่มแจ๊คแก็ตผู้นั้น และจู่ๆ เขาก็หัวเราะเยาะเย้ยขึ้นมา เพราะเขามองเห็นควันที่ไม่มีสีไม่มีรูปโชยออกมาจากชายเสื้อของอีกฝ่าย และลอยตรงมาทางเขา
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นตัวยาชนิดหนึ่ง เขากำลังใช้ตัวยานั้นจัดการกับเขา!
ทันใดนั้นเขาก็เป่าลมออกจากปาก ทำให้ควันเหล่านั้นลอยย้อนกลับไปตกบนใบหน้าของชายแจ๊คเก็ตผู้นั้น เขาร้องตะโกนเสียงดัง และรีบกลั้นหายใจทันที
อู๋เป่ยเดินเข้าไปใกล้จนแทบจะชิดกับหน้าเขา ชายผู้นั้นตกใจกลัวและทำการสูดหายใจเอาตัวยานั้นเข้าไปทันที จากนั้นสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เขาไม่สามารถขยับตัวได้ เนื่องจากมือของอู๋เป่ย ได้กดทับที่ร่างของเขาไว้แล้ว!
ภายในเวลาไม่กี่วินาที รูม่านตาของเขาก็ขยายออก และมีท่าทางซึมเล็กน้อย
เพียงเท่านี้อู๋เป่ยก็เข้าใจทันทีว่า ตัวยาชนิดนี้ไว้ใช้สำหรับควบคุมคน บุคคลผู้นี้สามารถใช้ยาเพื่อควบคุมคนอื่น เมื่อนึกถึงวิธีการสะกดจิตจากคำบันทึกในแท่นอิฐหยก เขายื่นมือออกไปตรงหน้าของชายผู้นี้และทำท่าทางแปลกๆ บางอย่าง
ทันใดนั้น สีหน้าของชายผู้นั้นก็กลับคืนฟื้นเป็นปกติ
อู๋เป่ย “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จงเชื่อฟังคำสั่งของฉัน ฉันเป็นนายของแก”
“ครับ นายท่าน” อีกฝ่ายให้ความร่วมมือแต่โดยดี และเรียกเขาว่านายท่านทันที
อู๋เป่ย “แกใช้ตัวยานี้ควบคุมคนอื่นได้อย่างนั้นหรือ?”
“ครับนายท่าน คนในยุทธภพต่างขนานนามผมว่า ‘หมอยา’ ” เขาตอบ
“ส่งยามาให้ฉัน” เขาสั่ง
ชายผู้นั้นหยิบขวดยาและถุงหูรูดออกมา พร้อมกับพูดว่า “สูตรยานี้ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ บรรพบุรุษของผมมีเก้ารุ่น ล้วนแต่เป็นหมอยาด้วยกันทั้งนั้น ในขวดนี้เป็นผงยาที่ฉันผสมขึ้นมาเอง แค่แตะเพียงเล็กน้อยก็สามารถควบคุมคนคนหนึ่งได้แล้ว”
อู๋เป่ยเก็บทั้งขวดและถุงหูรูดนั้นเอาไว้ และถามว่า “ลู่จิ้นปัวส่งพวกแกมาใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” ชายผู้นั้นตอบ “ลู่จิ้นปัวจ้างฉันมาในราคาที่สูงลิ่ว ให้ฉันใช้ตัวยานี้ควบคุมเฉินหลิงซวงและบังคับให้เธอกลับมาเข้าร่วมกับบริษัทหวาอิ่ง”
อู๋เป่ย “ลู่จิ้นปัวทำเช่นนี้ ไม่กลัวถูกเปิดโปงอย่างนั้นหรือ?”
ชายผู้นั้นกล่าวต่อ “สภาพเงินทุนของลู่จิ้นหัวในตอนนี้ฝืดเคืองมาก เขานำเงินทุนลงไปกับเว็บไซด์วิดีโอมากจนเกินไป เขาลงทุนไปห้าหมื่นล้านหยวนภายในระยะเวลาเพียงสามปี”
“หากเฉินหลิงซวงกลับมาอยู่ที่หวาอิ่ง มันจะสามารถยกราคาหุ้นให้สูงขึ้นได้ และเมื่อรวมกับเงินมหาศาลนั้น เขาก็จะสามารถลงทุนในเว็บไซด์วิดีโอต่อเนื่องไปได้อีก”
อู๋เป่ยคิดไม่ถึงเลยว่า คนอย่างลู่จิ้นปัวจะสามารถขาดเงินได้ เขาส่ายหน้าและพูดว่า “แกกลับไปบอกลู่จิ้นปัวด้วยว่า หากเขายังกล้ามาเล่นงานเฉินหลิงซวงอีกหล่ะก็ ฉันจะฆ่าเขาทิ้งซะ!”
พูดจบ เขาก็เรียกให้เฉินหลิงซวงออกจากโรงแรม รถของกว่างไห่จอดรออยู่ด้านนอก
เมื่อเห็นว่าอู๋เป่ยออกมาอย่างปลอดภัย กว่างไห่ก็ถอนใจด้วยความโล่งอก ถ้าอู๋เป่ยยังไม่ออกมาอีกหล่ะก็ เขาจะบุกเข้าไปเอง อู๋เป่ยเป็นอาจารย์ลุงของเขา หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่ อาจารย์คงไม่ปล่อยเขาไปแน่ๆ
“อาจารย์ลุง จัดการคนข้างในเรียบร้อยแล้วหรือ?” เขาถาม
อู๋เป่ยพยักหน้า “ออกรถเถอะ”
เขากล่าวกับผู้คนทั้งหลายว่า “การประชุมในวันนี้ขอสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ ขอทุกคนจงแยกย้าย”
ผู้ถือหุ้นรายหนึ่งรีบบอกว่า “ท่านประธานลู่ คุณจะแถลงเรื่องที่เฉินหลิงซวงจะกลับมาไม่ใช่หรือ?"
แต่ลู่จิ้นปัวไม่ได้สนใจเขาแม้แต่น้อย และรีบเดินจ้ำอ้าวออกไป ทันทีที่เขาเดินออกมา เขาก็ใช้เท้าถีบคนส่งสารนั้นทันที แถมยังตะคอกใส่ไปว่า “ไอพวกโง่! ไอพวกขยะ!”
ชายผู้นั้นถูกถีบจนล้มลงไปกองบนพื้น แต่ก็รีบลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า “เจ้านายครับ ผู้ที่ลงมือ มีนามว่าอู๋เป่ย”
“อู๋เป่ย?” ลู่จิ้นปัวหรี่ตา “มันเป็นใครมาจากไหน ถึงกล้ามายั่วโมโหลู่จิ้นปัวอย่างฉันได้ ฉันจะไปฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น! กระจายคำสั่งของฉันออกไป ใครฆ่าไออู๋เป่ยคนนั้นได้ ฉันจะให้รางวัลร้อยล้านหยวน!”
อู๋เป่ยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลู่จิ้นปัวแค้นเขาแทบตาย อีกทั้งยังกำลังหาคนไปสั่งเก็บเขาอีกด้วย
เขานั่งพักสักครู่และเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง และนี่มันก็ดึกมาแล้วด้วย
อย่างไรก็ตาม เฉินหลิงเสวี่ยรู้สึกตกใจมากเมื่อรู้ว่าเขากำลังจะจากไป เธอรีบเข้าไปเกาะแขนของเขาทันที ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้เขาจากไป
อู๋เป่ยพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “หลิงเสวี่ย ไม่มีอะไรแล้วหล่ะ ลู่จิ้นปัวไม่มีทางกล้าทำอะไรแล้วแน่นอน”
เฉินหลิงเสวี่ยเม้มปากแน่น “แต่ฉันกลัว พี่ใหญ่อู๋ คืนนี้พี่ไม่ไปได้ไหม อยู่นอนที่นี่ด้วยกันเถอะ”
เฉินหลิงซวงทั้งโกรธและขำ “หลิงซวง เธอพูดไร้สาระอะไรหน่ะ รีบปล่อยมือลงเดี๋ยวนี้เลย”
เฉินหลิงเสวี่ยส่ายหน้า “ไม่ ฉันไม่ยอมให้พี่ใหญ่อู๋ไปหรอก”
อู๋เป่ยทำตัวไม่ถูก ได้แต่พูดว่า “เอาหล่ะ คืนนี้ฉันจะค้างที่นี่”
เฉินหลิงเสวี่ยดีใจมาก “จริงหรือ? พี่ใหญ่อู๋เป็นคนดีจริงๆ มิน่าหล่ะพี่สาวฉันถึงได้ชอบเธอ”
ทันใดนั้นในที่แห่งนั้นก็เกิดบรรยากาศน่าอึดอัดขึ้นมา อู๋เป่ยมองเฉินซวงหลิงด้วยความงุนงง เฉินหลิงซวงอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เธอพูดด้วยความโกรธว่า “ยัยเด็กคนนี้นี่ เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไร รีบกลับเข้าห้องไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...