เฉินหลิงเสวี่ยกลัวว่าเฉินหลิงซวงจะตีเอา เลยแลบลิ้นและรีบวิ่งหนีไป
อู๋เป่ยรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที เขาเอ่ยถามขึ้นว่า “หลิงซวง หนังเรื่องต่อไปของเธอถ่ายทำไปหรือยัง?”
เฉินหลิงซวงพยักหน้า “ท่านประธานเว่ยเตรียมจะดันให้ฉันเป็นนางเอกสายบู๊ ดังนั้นหนังเรื่องต่อไปยังคงรับบทแนวเดิมอยู่”
อู๋เป่ยพยักหน้า “เยี่ยมไปเลย หนังเรื่องก่อนๆ ของคุณประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากเลยนะ”
หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็พูดต่อว่า “ถ้าการเคลื่อนไหวของคุณคมชัดมากกว่านี้อีกนิด ผู้ชมก็จะชอบมากขึ้น"
เฉินหลิงซวงพยักหน้า “คือ ฉันเองก็ไม่ใช่นักศิลปะการต่อสู้ บางท่าบางลีลาฉันเองก็ทำไม่เป็นจริงๆ เลยได้แต่พึ่งสตั๊นแมนหรือไม่ก็ใช้เทคนิคการตัดต่อจากคอมเอา”
อู๋เป่ย “จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยากหรอก ฉันมีวิธีที่จะช่วยให้คุณทำการเคลื่อนไหวท่ายากๆ พวกนั้นออกมาได้อย่างสบายๆ”
แววตาของเฉินหลิงซวงเป็นประกาย “จริงหรือ?”
อู๋เป่ยพยักหน้า “ฉันจะสอนท่วงท่าการเคลื่อนไหวให้คุณ ขอแค่คุณฝึกฝนทุกวัน วันละสองชั่วโมง ฉันรับรองว่าคุณจะกลายเป็นนางเอกสายบู๊ที่เก่งที่สุดได้อย่างแน่นอน”
คืนนี้เขายังคงพักอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรทำก็จะดูน่าเบื่อเปล่าๆ งั้นก็สอนเทคนิคการฝึกร่างกายขั้นพื้นฐานให้เฉินหลิงซวงดีกว่า เพิ่มสมรรถภาพทางกายของเธอ เช่นนั้นเส้นทางการเป็นดาราบู๊ของเธอก็จะยิ่งราบรื่นขึ้นไปอีกในอนาคต
เฉินหลิงซวงให้คนรับใช้ทำอาหารมาสองสามอย่างแบบง่ายๆ จากนั้นก็เริ่มเรียนรู้ทักษะการฝึกร่างกายต่อทันที
สิ่งที่ทำให้อู๋เป่ยประหลาดใจนั้นก็คือ ความสามารถในการจดจำและความเข้าใจในการเคลื่อนไหวของเฉินหลิงซวงมันเยี่ยมยอดมาก สอนแค่สองรอบก็ทำได้เหมือนเป๊ะแล้ว เขาให้คำแนะนำไปสองสามประโยค เธอก็ทำได้ดีถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์
จนกระทั่งห้าทุ่มกว่า เฉินหลิงซวงก็เรียนรู้กระบวนท่าการเคลื่อนไหวไปได้ถึงสิบชุดแล้ว การเคลื่อนไหวทั้งสิบชุดนี้ยังคงยากสำหรับเธออยู่ การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ เขาทำได้เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าหากจะทำให้ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น จำเป็นต้องฝึกฝนอย่างจริงจัง
การฝึกความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก เฉินหลงซวงเหงื่อท่วมไปทั้งตัว แต่ตัวเขาเองกลับดูมีชีวิตชีวา
จากนั้นอู๋เป่ยก็กลับเข้าห้องไปฝึกกังฟูต่อ ปรารถนาแห่งเทพของเขา บรรลุถึงขั้นที่ตั้งใจไว้แล้ว แต่เขาอยากจะเป็นปรมาจารย์ชั้นพรสวรรค์ เลยจำเป็นต้องแน่นในเรื่องของแรงปรารถนาแห่งหมัดอีกด้วย
กระบวนการฝึกแรงปรารถนาแห่งหมัด เป็นกระบวนการที่นักสู้ยึดเป็นวิถีแห่งนักรบและไว้ใช้เพื่อให้การฝึกศิลปะการต่อสู้ของตนสมบูรณ์แบบ แน่นอนว่า ปรมาจารย์ชั้นพรสวรรค์จำนวนไม่น้อยที่เข้าถึงขั้นนี้ไม่สำเร็จ
การฝึกฝนแรงปรารถนาแห่งหมัดนี้เป็นกระบวนการที่ใช้เวลายาวนานมาก ตัวนักสู้เองไม่เพียงแค่ต้องรอบรู้เท่านั้น แต่ยังต้องมีความเข้าใจ และต้องเต็มใจที่จะพิจารณามันอีกด้วย
กระบวนการฝึกแรงปรารถนาแห่งหมัดนี้ มีทั้งหมดเจ็ดด่าน ซึ่งเรียกว่าแรงปรารถนาแห่งหมัดทั้งเจ็ด ปรมาจารย์ชั้นสูงจำนวนไม่น้อยที่ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่สามารถได้สัมผัสถึงด่านที่เจ็ดได้
สิ่งที่พวกเขาแสวงหาคือการควบรวมปรารถนาแห่งเทพเท่านั้น และผู้ที่มีความสามารถเก่งกาจถึงจะสามารถควบรวมปราชญ์แห่งเทพนั้นได้
แต่ศิลปะการต่อสู้ที่อู๋เป่ยรู้มานั้นมันซับซ้อนกว่านี้เยอะ ปรารถนาแห่งเทพเป็นเพียงแค่พื้นฐานเท่านั้น แรงปรารถนาแห่งหมัดนี้สิถึงเป็นสิ่งที่ล้ำค่า ขอเพียงแค่ควบคุมแรงปรารถนาแห่งหมัดเอาไว้ได้ นั้นสิถึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริง อีกทั้งยังสามารถพัฒนาต่อไปได้ไกลอีกในอนาคต
แรงปรารถนาแห่งหมัดทั้งเจ็ด แบ่งออกเป็นด่านการเรียนรู้ ด่านนักปราชญ์ ด่านความรู้อันถ่องแท้ ด่านความเข้าใจขั้นแรก ด่านความควบแน่น ด่านความสำเร็จขั้นแรก ด่านความสำเร็จขั้นสูง และด่านความสำเร็จขั้นสมบูรณ์
ดังนั้นจึงตอบไปว่า “ตกลง ลองพูดคุยกันดู”
กว่างไห่พยักหน้า “ครับ! ท่านอาจารย์ลุง ยังมีอีกเรื่อง หากช่วงบ่ายท่านอาจารย์ลุงพอจะมีเวลาว่าง เขาอยากจะเลี้ยงข้าวท่านอาจารย์ลุง แถมยังจะเรียกเพื่อนร่วมสำนักมาด้วยอีกจำนวนหนึ่ง เพราะทุกคนต่างยังไม่เคยพบหน้าท่านอาจารย์ลุงเลย พวกเขาเลยอยากขอพบหน้าท่านอาจารย์ลุงสักครั้ง ”
อู๋เป่ยหัวเราะและตอบว่า “ได้สิ ช่วงบ่ายฉันจะไป”
กว่างไห่ดีใจมาก “ถ้างั้นก็ดีเลย บรรดาศิษย์จะมาตามเวลานัดครับ”
“ฮ่ะ? จะมากันทั้งหมดเลยหรือ?”
กว่างไห่พยักหน้า “คือแบบนี้ครับ บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องพวกนี้ จะทำการพบปะสังสรรค์กันปีละครั้ง”
หยางมู๋ไป๋มีลูกศิษย์อยู่สามคน หลี่หลงเฉินเป็นศิษย์คนโต จ้าวฟังหนิงเป็นศิษย์คนรอง และจูอวิ๋นหู่เป็นศิษย์คนเล็ก เย่เทียนจิงมีลูกศิษย์อยู่สองคน เฉินรั่วซงเป็นศิษย์คนโต ส่วนกว่างไห่เป็นศิษย์คนเล็ก
คนเหล่านี้ยกเว้นแต่กว่างไห่ ล้วนแต่เป็นผู้ยิ่งใหญ่และมีตำแหน่งชั้นสูงในยุทธภพด้วยกันทั้งนั้น
อู๋เป่ยไม่ค่อยรู้จักคนพวกนี้เท่าไรนัก มีแค่หลี่หลงเฉินเท่านั้นที่เคยติดต่อด้วย ดังนั้นจึงถามกว่างไห่ต่อ กว่างไห่ตอบว่าเฉินรั่วซงศิษย์พี่ของเขาอายุมากกว่าเขาสิบกว่าปีได้ คอยติดตามและทำงานให้เย่เทียนจงมาโดยตลอด นับว่าเป็นยอดฝีมือมาแต่กำเนิดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
จ้าวฟังหนิงลูกศิษย์คนรองของหยางมู๋ไป๋เป็นนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ในไหวเป่ย อายุราวราวสี่สิบปี และเป็นยอดฝีมือตั้งแต่กำเนิดด้วยเช่นกัน ส่วนศิษย์คนเล็กจูอวิ๋นหู่อายุค่อนข้างน้อย ราวราวสามสิบต้นๆ ตอนนี้กำลังรุ่งอยู่ในเทียนจิง เขาเป็นยอดฝีมือชั้นปรมาจารย์อีกท่านหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...