ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 2198

โลกที่เขาอาศัยอยู่นั้นมีประเทศมากมาย โครงสร้างโดยรวมคล้ายกับโลกของเรา เช่น มีทวีปยุโรป อเมริกา และเขาอยู่ในทวีปที่เรียกว่าเอเชีย ไม่พียงแต่ทวีปเอเชียของโลกนี้มีขนาดใหญ่กว่าโลกมาก แถมยังมีประเทศอยู่บนทวีปนี้หลายพันประเทศ รวมกันแล้วมีพื้นที่ใหญ่กว่าโลกเป็นร้อยเท่า!

ตอนนี้เขาอยู่ในประเทศที่ชื่อว่าเซี่ยกั๋ว ซึ่งเป็นประเทศภายใต้ระบอบจักรพรรดิ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือฮ่องเต้ แต่ประเทศนี้ก็มีความคล้ายคลึงกับแคว้นเหยียนหลง ในโลกปัจจุบันอยู่หลายอย่าง เช่น การมีอินเทอร์เน็ต และอารยธรรมแบบสมัยใหม่

นอกจากนี้แม้ว่าเซี่ยกั๋วจะเป็นโลกฆราวาส แต่ผู้คนที่นี่ทั้งหมดต่างก็รู้ดีว่ามีผู้ฝึกพลังยุทธ์ อยู่จริง เทพเซียนในสายตาของพวกเขานั้นคือจิตใจที่สูงส่งและไม่อาจเอาชนะได้

นอกจากนี้เขาเคยลองค้นหาเพลงที่เคยได้ยินในอดีต พบว่าเพลงเหล่านั้นบางเพลงมีอยู่ในโลกนี้ บางเพลงกลับไม่มีเลย ซึ่งทั้งหมดนี้สำหรับเขาถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ

แม้กระทั่งมีสิ่งที่น่าสนใจคือประวัติศาสตร์ของเซี่ยกั๋ว เช่น ตำนานสามราชาห้าจักรพรรดิ มีการบันทึกไว้อย่างชัดเจน แต่ประวัติศาสตร์ที่น่าตกใจกว่านั้นคือในหนังสือประวัติศาสตร์ยังพูดถึงเทพเซียนอย่างมีชีวิตชีวาอีกด้วย

ระหว่างที่เขากำลังอ่านประวัติศาสตร์ ซุนหางเหรินก็เคาะประตูเข้ามา เขาถือกริชเล่มหนึ่งไว้ในมือ สีหน้าตื่นเต้นมาก พูด ว่า “น้องชาย กริชเล่มนี้ข้ารับไว้ไม่ได้ เมื่อกี้ข้าเพิ่งจะเอาไปให้เพื่อนดู เขาบอกว่านี่เป็นกริชที่เทพเซียนเคยใช้ บนด้ามยังมีตราสัญลักษณ์ของสำนักเทพเซียนด้วย!”

อู๋เป่ยถามว่า“ แล้วมันมีมูลค่าหรือเปล่า?”

ซุนหางเหริน“ เพื่อนท่านนั้นบอกข้ากว่ามูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน! ถ้าขายให้คนที่ใช่ อาจได้ถึงสามพันล้าน!”

แต่อู๋เป่ยยังคงนิ่งเฉย เพราะเขาเคยอยู่ในยุคที่ผู้ฝึกพลังยุทธ์ใช้เงินเซียนแทนเงินทั่วไป หนึ่งพันล้านหยวนสำหรับเขาก็เหมือนกับเงินเซียนไม่กี่เหรียญเท่านั้น

เขายิ้มแล้วพูดว่า“ลุงซุน กริชนี้ผมให้ลุงไปแล้ว ลุงจะจัดการยังไงก็แล้วแต่ลุงเลยครับ”

ซุนหางเหรินรีบปฏิเสธ“ไม่ได้เด็ดขาด ของล้ำค่าขนาดนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้”

อู๋เป่ยหัวเราะและพูดว่า“ลุงซุนไม่เคยบอกว่าจะให้ของขวัญผมเหรอ งั้นขอเป็นของแพง ๆ หน่อยละกัน”

ซุนหางเหรินรู้ว่าอู๋เป่ยไม่สนใจเงินเลย ก็เริ่มสงสัยว่าเขาเป็นใครกันแน่ ท่านนี้เป็นลูกเศรษฐีหรือเปล่าถึงมองเงินเหมือนเศษดินน่ะ ?

เขายิ้มและตอบว่า“ดีเลย ลุงจะพาไปที่ห้องเก็บของ มีอะไรให้เลือกก็เลือกได้เลย”พอเข้าไปในห้องเก็บของขนาดสิบกว่าตารางเมตร ภายในมีชั้นวางของ และมีของล้ำค่ามากมายทั้งเครื่องลายคราม ภาพวาด ของโบราณต่าง ๆ

อู๋เป่ยรู้ว่าซุนหางเหรินเกรงใจเกินไป จึงไปที่ห้องเก็บสมบัติกับเขาทันที ห้องเก็บสมบัติของเขาไม่ได้ใหญ่มาก ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับเก็บของล้ำค่า มีพื้นที่เพียงสิบกว่าตารางเมตรเท่านั้น

ซุนหางเหริน ใช้ระบบสแกนใบหน้าและเสียงในการเปิดประตูตู้นิรภัย เมื่อประตูเปิดออก ก็เห็นชั้นวางของอยู่หลายชั้น ข้างบนมีของตั้งอยู่กว่าร้อยชิ้น และแต่ละชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่าทั้งสิ้น

เมื่อเข้ามาในตู้นิรภัย ซุนหางเหรินก็ยิ้มและพูดว่า“เจ้าหนุ่ม สิ่งของเหล่านี้คือของสะสมทั้งหมดตลอดชีวิตของลุงเลยนะ”

อู๋เป่ยหันไปมองเห็นเครื่องลายคราม จิตรกรรม และเครื่องสำริดอยู่ไม่น้อย แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้นัก

กระทั่งสายตาไปสะดุดที่หินก้อนหนึ่งสีฟ้าเข้มปนทองวางอยู่ในกล่องไม้เล็ก ๆ ที่มุมหนึ่งของห้อง ดูแล้วไม่เด่นสะดุดตาเลย

เขารู้สึกว่าหินก้อนนี้ไม่ธรรมดา จึงใช้ดวงตาแห่งมิติมอง จึงมองเห็นว่าภายในทันทีว่าหินก้อนนั้นมีพลังชี่ทั้งห้าอยู่ ชี่นี้ ไหลเวียนหมุนวนอย่างต่อเนื่องพลังชีวิตไม่รู้จบไม่รู้สิ้น

เขารู้สึกตะหงิดอยู่ในใจ จึงหยิบหินก้อนนั้นขึ้นมาแล้วถามว่า“คุณลุงซุน หินก้อนนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ?”

ซุนหางเหริน หัวเราะและตอบว่า“ครั้งหนึ่งหินก้อนนี้ลุงเก็บได้ตอนที่ไปท่องเที่ยวทางทวีปตะวันตก ตอนนั้นลุงมีอาการแพ้ความสูงอย่างรุนแรง แต่พอเก็บหินก้อนนี้มาไว้กับตัว อาการกลับหายไปหมดเลย ลุงว่ามันแปลกดี ก็เลยเก็บกลับมาบ้าน แต่พอลองให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบดู ทุกคนก็บอกว่าไม่เห็นมีอะไรพิเศษ ลุงเลยวางทิ้งไว้ที่นี่นั่นแหละ”

อู๋เป่ยยิ้มและพูดว่า“ลุงครับ อย่างนั้นผมขอเลือกสิ่งนี้นะ”

ซุนหางเหรินรีบพูดว่า “ไม่ได้ ๆ ของชิ้นนี้มันไม่ค่อยมีค่าอะไรหรอก เธอลองเลือกอย่างอื่นดีกว่านะ”

อู๋เป่ย “หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา”และพูดว่า “คุณลุงซุน บางทีหินก้อนนี้อาจจะเป็นของล้ำค่าที่ประเมินค่าไม่ได้ก็ได้นะครับ ของอื่นผมไม่ดูแล้ว เราไปกันเถอะ”

ซุนหางเหรินมองเห็นว่าเขายืนกราน ก็ไม่พูดอะไรอีก จึงยิ้มและถามว่า “เสี่ยวอู๋ เจ้าตั้งใจเลือกหินก้อนนี้ใช่ไหม?”

อู๋เป่ยพูดว่า “คุณลุงซุน ตอนที่ผมขึ้นฝั่ง คุณลุงกำลังฝึกอะไรอยู่ริมแม่น้ำ คุณลุงฝึกกังฟูหรือเปล่าครับ?”

ซุนหางเหริน รีบโบกมือและพูดว่า “ข้าเหรอ ก็แค่ฝึกมั่ว ๆ ไปเอง ไม่ได้มีวิชาอะไรหรอก ถ้ามีจริง ๆ คงไม่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลหรอก”

เมื่อได้ยินว่าเคยป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล อู๋เป่ยก็ยื่นมือไปจับชีพจรที่ข้อมือของเขาเพื่อตรวจชีพจร สักพักจึงพูดว่ “อืม ก็มีปัญหาเล็กน้อยอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เดี๋ยวผมจะช่วยรักษาให้นะครับ”

ตอนที่ถูกล็อก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ