เด็กน้อยในชุดแดงโผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่งอย่างเขินอายจากหลังต้นไม้ ก่อนจะพูดว่า "คุณลุง ผมมาแล้ว อย่าตีผมเลยนะ"
เย่เทียนจงตกตะลึงและพูดว่า: "เด็กน้อย เธอมาทำอะไรที่นี่คนเดียวในภูเขาที่แห้งแล้งนี้หืม"
เด็กน้อยอายุเพียงสี่หรือห้าขวบ เขาเดินกะเผลกและร้องไห้ และพูดว่า "ผมเล่นซ่อนหากับพวกเขาครับ"
ทันทีที่เขาพูดจบงูพิษก็พุ่งออกมาจากด้านข้างและกัดน่องของเขา เด็กน้อยกรีดร้องและนั่งร้องไห้อย่างขมขื่นบนพื้น
เย่เทียนจงตกใจมาก ก่อนเขาจะกระทืบงูตัวัน้นจนตาย และตรวจดูสภาพของเด็กน้อยทันที น่องของเขาสีซีดลง พร้อมกับมีรูเลือดจากการกัดของงูซึ่งกลายเป็นสีดำไปแล้ว เย่เทียนจงก้มลงเพื่อดูดพิษที่อยู่ภายในน่องของเด็กชาย
ขณะที่เขาเอนตัวไป ทันใดนั้น เด็กชายตัวเล็กก็ตบเขาที่ด้านหลังศีรษะ เย่เทียนจงแน่นิ่งไป ก่อนที่จล้มลงไปบนพื้นโดยที่เขาไม่ได้ใช้แรงเลย
หยางมู่ไป๋ผงะและตะโกน: "กล้าดียังไง!" เขากระโดดข้ามไปหนึ่งก้าวและเหวี่ยงฝ่ามือไปที่เด็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยได้ยกมีดขึ้นมาวางลงบนคอของเย่เทียนจง เขาแสดงรอยยิ้มที่โหดร้ายออกมา พร้อมกับพูดว่า "ถ้าคุณกล้าเข้ามา ผมจะเฉือนคอเขา!"
หยางมู่ไป่หยุดชะงักทันที เขาจ้องมองเขาหลังลงมาทรงตัวบนพื้นแล้วพูดว่า "เธอเป็นใคร"
เด็กชายเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม: "คุณไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเด็กชายพหลพิษเหรอ"
การแสดงสีหน้าท่าทางของหยางมู่ไป๋เปลี่ยนไปทันที: "เธอคือเด็กชายพหลพิษเหรอ"
เด็กชายยิ้มอย่างชั่วร้าย: "ดูเหมือนว่าคุณรู้จักชื่อคุณปู่ของผมสินะ ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมคุณไม่คุกเข่าลงและยอมรับความตายเสียล่ะ"
หยางมู่ไป๋ตะคอกอย่างหนัก: "เด็กชายพหลพิษ เธอไม่ได้โดนฆ่าตายไปตั้งแต่สามสิบปีแล้วเหรอ?"
เด็กชายพูดเบา ๆ : "ในครานั้นผมได้รับบาดเจ็บปางตายก็จริง แต่เนื่องจากผมได้พระพร หลังจากที่ตกลงไปในแม่น้ำใหญ่ ผมบังเอิญเข้าไปในคฤหาสน์กลางน้ำผมอยู่ที่นั่นและฝึกฝนอย่างหนัก แต่ตอนนี้ผมก็บรรลุไปถึงขั้นปรมาจารย์แล้วด้วย!"
ใบหน้าของหยางมู่ไป๋เคร่งขรึมทันที: "เธอต้องการอะไร"
เด็กชายพหลพิษพูดอย่างเย็นชา: "ผมอยากให้คุณตาย!"
ในอีกด้านหนึ่ง ห่างออกไปหลายไมล์ ท่านตงฟ๋อนั่งอยู่บนก้อนหิน เขากำลังทำสมาธิและปรับลมหายใจอยู่ ทันใดนั้น เขาลืมตาขึ้น และดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา จากนั้นก็จ้องมองไปยังก้อนหินที่อยู่ตรงข้าม
ด้านหลังก้อนหินมีพระภิกษุรูปร่างสูง ผิวคล้ำมาก ดูจากลักษณะใบหน้าแล้วน่าจะเป็นชาวอินเดีย เขาห้อยเจียเต้าไว้ที่เอว พร้อมกับหลับตาลงครึ่งหนึ่งแล้วยิ้มมาทางท่านตงฟ๋อ
ท่านตงฟ๋อรู้สึกประหลาดใจ เขายืนขึ้น ก่อนที่จะจ้องไปที่พระแล้วพูดว่า "ภิกษุคร่าชีวิต"
พระภิกษุเกาศีรษะของเขาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฉันไม่ได้เหยียบดิแนดนนี้มาห้าสิบปีแล้ว แล้วคุณจำฉันได้อยู่เหรอ"
ท่านตงฟ๋อพูดอย่างเฉยเมย: "คุณมาที่นี่เพื่ออะไร"
ภิกษุคร่าชีวิตพูดขึ้นว่า: "ฉันต้องอธิบายให้คุณฟังไหมว่าครอบครัวของเราทำอะไรอยู่" ขณะที่เขาพูด เขาก็ดึงมีดออกมาพร้อม "อึก" จากนั้นจิตวิญญาณแห่งการฆ่าก็ปรากฏขึ้นรอบข้างท่านตงฟ๋อทันที
ท่านตงฟ๋อพูดเบา ๆ : "คุณถอยไปเถอะ แล้วให้คนที่เบื้องหลังมาสู้แทนเถอะ"
ภิกษุคร่าชีวิตโกรธจัด “ทำไม คุณคิดว่าฉันจะฆ่าคุณไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
“คุณไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาหรอก”
หลังจากนั้น ชายวัยกลางคนอีกคนหนึ่งก็เดินออกมา เขารูปร่างท้วม มีหนวด สวมเสื้อยืดสีดำ สวมนาฬิกาสีทองที่ข้อมือ ในมือของเขามีพัดสีแดงอยู่ เมือ่เขายิ้มตาทั้งสองข้างของเขาจะเป็นขีดทันที
“ท่าตงฟ๋อ ไม่เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม” เขาทักทายด้วยรอยยิ้ม
ท่านตงฟ๋อจ้องมองที่ชายหนุ่มคนนี้ด้วยตกใจ: "จังซีหลิง! คุณนี่เอง!"
ชายหนุ่มยิ้ม "ฮิฮิ" และพูดว่า "ผมไม่ได้เจอคุณมาห้าสิบปีแล้ว แต่คุณยังจำผมได้ อีกอย่างคุณก็บรรลุขั้นเซียนแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย"
ท่านตงฟ๋อเงียบเล็กน้อยและพูดว่า: "จังซีหลิง คนจริงเขาไม่พูดเล่นลิ้นให้เสียเวลาหรอกนะ คุณมาทำอะไรที่นี่"
จังซีหลิงพูดอย่างเฉยเมย: "คุณเฉียว คุณมีชื่อเสียงเรียงนามมากกว่าผม หากคุณคิดจะลงมืออะไรละก็ ผมคงไม่ปล่อยคุณไป ดังนั้น ถ้าจะให้ดีคุณอย่ามายุ่งเรื่องของผมเลยจะดีกว่า"
ท่านตงฟ๋อพูดอย่างเย็นชา: "ฉันบอกว่าเขาจะไม่ไป!"
ใบหน้าของจังซีหลิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที และเขาพูดว่า "ผมมาจากตระกูลเฉียวเชียวนะ คุณจะไม่ให้เกียรติกันหน่อยเหรอ"
ทันทีที่ อู๋เป่ยมา เขาเห็นว่าระดับการฝึกฝนของจังซีหลิงนั้นดูเหมือนจะสูงกว่าอาจารย์ของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า "อาจารย์ ก็แค่ไปช่วยพวกเขาดูค่ายกลกระบี่นะครับ ไม่เป็นไร ผมจะไปเอง"
ท่านตงฟ๋อส่ายหัว: "ไม่ พรรคฟ้าทมิฬนี้เป็นศัตรูต่อสาธารณชนของความชอบธรรม พวกมันชั่วร้ายอย่างยิ่งและทำร้ายผู้คนนับไม่ถ้วน มันอันตรายเกินไปสำหรับแกที่จะไปที่นั่น"
อู่เป่ยหันกลับมาและขยิบตาให้ท่านตงฟ๋อแล้วพูดว่า "อาจารย์ พวกเขามาขอความช่วยเหลือจากเรา อย่างไรเขาก็ต้องไม่ตุกติกอยู่แล้ว"
จังซีหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม: "ถูกต้อง ผู้นำของเรารักความสงบเสมอมา และทางเราจะปฏิบัติต่อคุณอย่างดี"
ท่านตงฟ๋อลังเล เขาจ้องมองที่จังซีหลิงและพูดว่า "จังซีหลิง ถ้าพรรคฟ้าทมิฬของคุณกล้าทำร้ายลูกศิษย์ของผมละก็ ผมจะบดขยี้พรรคฟ้าทมิฬของคุณให้เละแน่นอน!"
จังซีหลิงขมวดคิ้ว: "คุณไม่ต้องพูดจารุนแรงกับผมหรอก ผมรู้ว่าคุณกำลังจะไปคุนหลุน ผมไม่อยากจะยั่วคุณหรอกนะ คุณสามารถวางใจได้ ตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ศิษย์ของคุณจะปลอดภัยอย่างแน่นอน”
เฉียวปู้เซียนมองไปที่อู๋เป่ยที่กำลงัจะพูด "ผมจะคุยกับอาจารย์สักหน่อย แล้วเดี๋ยวผมจะตามไป"
หลังจากพูดเช่นนั้น อาจารย์และลูกศิษย์ทั้งสองก็มาถึงสถานที่เงียบสงบ เฉียวปู้เซียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "เมื่อกี้แกประมาทเกินไป พรรคฟ้าทมิฬไม่ใช่สถานที่ที่ดี แกอาจจะได้ทิ้งชีวิตไว้ที่นั่นก็ได้"
อู่เป่ยยิ้มและพูดว่า: "อาจารย์ เนื่องจากพวกเขาขอให้ผมไปช่วย อย่างน้อยผมก็ปลอดภัยในช่วงแรกอย่างแน่อนน ยิ่งกว่านั้น ผู้นำของพรรคฟ้าทมิฒเป็นอาชญากรที่เป็นที่ต้องการตัวในระดับสูงกันทั้งนั้น ผมอยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อค้นหาจุดอ่อนของพรรคฟ้าทมิฬไปด้วยเลย"
เฉียวปู้เซียน: "แกมีความมั่นใจในตัวเองขนาดไหนกัน? หากแกพบกับอันตราย ฉันไม่สามารถไปช่วยเหลือแกได้ทันหรอกนะ"
อู่เป่ยมองซ้ายและขวาและพูดด้วยเสียงต่ำ "อาจารย์ การที่พรรคฟ้าทมิฬมาหาผม นั่นแสดงว่าพวกเขาค้นพบสำนักเซียนแล้วแน่ๆ ผมหวังว่าผมจะช่วยพวกเขาเปิดโปงข้อจำกัดได้"
หัวใจของเฉียวปู้เซียนเป็นกังวล: "สำนักเซียนอย่างนั้นเหรอ"
อู๋เป่ยพยักหน้า: "ใช่ ผมมั่นใจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ผมเคยไปสำนักเซียนที่นหนึ่งมา มันมีกับดักมากมายอยู่ข้างใน ซึ่งไม่อาจรู้เลยว่าใครจะตายตอนไหนเมื่อเข้าไปที่นั่น!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...