ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 442

ถังปิงอวิ๋น:“ถังหรงอายุมากกว่าฉันสามปี เมื่อสามปีก่อนเขาแต่งงานกับคนที่ชื่อหานฉี หลังจากนั้นหานฉีก็ได้รับการอบรมจากถังเหมิน จนตอนนี้กลายเป็นมหาเศรษฐีคนใหม่ในเมืองกั่ง เป็นนายทุนยักษ์ใหญ่”

อู๋เป่ย:“หานฉีคนนี้ในเมื่ออยู่ในแวดวงเศรษฐกิจ ทำไมจู่ๆถึงคิดจะควบคุมเทียนซาล่ะ?”

ถังปิงอวิ๋น:“เพราะถังหรงน่ะสิ ถังหรงคนนี้ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ ก่อนที่ฉันจะเข้าเทียนซา เธอก็ทำงานอยู่ในเทียนซาแล้ว แถมยังดูแลเรื่องการเงินอีกด้วย ที่หานฉีผุดขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ก็เพราะได้รับเงินช่วยเหลือจากเทียนซาน่ะสิ”

อู๋เป่ยพยักหน้า แล้วถามอีก:“สมาชิกเทียนซาในสำนักงานใหญ่ทวีปเอเชียยังเหลืออยู่กี่คน?”

“ไม่มาก ที่เหลือมีทั้งตาย ทั้งหายตัวไป โดยเฉพาะซือมิ่งเซี่ยวเฟิง ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง” ถังปิงอวิ๋นถอนหายใจเบาๆ “อำนาจของซือมิ่งเยอะมาก ที่สำคัญก็คือสมุดบัญชีอยู่ในมือของเขา งานที่เขารับผิดชอบรับตรงมาจากผู้สั่งการ เพราะฉะนั้นการหายตัวไปของเขาสร้างความเสียหายอย่างหนักเลย”

“ซือมิ่งคนนี้ เป็นคนของเธอ?”

“ไม่ใช่หรอก เป็นคนของถังอู๋มิ่ง ฉันพึ่งรับช่วงดูแลเทียนซามาไม่นาน ยังควบคุมดูแลเทียนซาได้ไม่ดี” ถังปิงอวิ๋นพูด

อู๋เป่ยคิดสักพัก แล้วพูด:“สมุดบัญชีที่เธอว่า สำคัญมากเหรอ?”

ถังปิงอวิ๋น:“แน่นอน เทียนซาคือศูนย์กลางของถังเหมิน ธุรกิจจำนวนมากต่างก็ดำเนินการผ่านเทียนซา ไม่มีสมุดบัญชี ฉันก็ไม่สามารถโยกย้ายทรัพยากรในเขตทวีปเอเชียได้”

อู๋เป่ย:“ดูท่า พวกเราต้องรีบหาสมุดบัญชีให้เจอ ไม่แน่ว่าเซี่ยวเฟิงอาจจะยังมีชีวิตอยู่”

ถังปิงอวิ๋นถอนหายใจ:“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”

“ประกาศให้สมาชิกเทียนซาของเมืองกั่งรู้แล้วหรือยัง?” อู๋เป่ยพูด “อีกเดี๋ยวรวมตัวเจอกัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับพวกเขา”

“ประกาศแล้ว อีกอย่างฉันโยกย้ายคนจากที่อื่นมาด้วย จำนวนคนน่าจะพอสำหรับการสร้างสำนักงานใหญ่ทวีปเอเชียขึ้นมาใหม่” เธอพูด

อู๋เป่ย:“ดีมาก! พอถึงที่นั่น เธอประกาศต่อหน้าทุกคนว่าฉันคือซือมิ่งคนใหม่ และจะเริ่มทำการตรวจสอบ ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด”

ถังปิงอวิ๋นพยักหน้า:“ได้!”

ทั้งสองปรึกษาหารือกันตลอดทาง ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอดที่เมืองกั่ง ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองก็มาถึงที่ที่สำนักงานใหญ่เทียนซาเขตทวีปเอเชียตั้งอยู่ เป็นตึกเล็กๆตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่คึกคัก ด้านหน้าตึกมีรถจอดอยู่จำนวนไม่น้อย มีคนอยู่ไม่กี่คนกำลังเดินเตร่อยู่ตรงทางเข้า ราวกับว่ากำลังรอใครอยู่

การมาถึงของถังปิงอวิ๋น ทำให้คนไม่กี่คนที่กำลังเดินเตร่อยู่นั้นวิ่งกรูกันเข้ามา พร้อมทำความเคารพ:“ท่านผู้สั่งการ”

ถังปิงอวิ๋นถาม:“สมาชิกเทียนซาที่อยู่เมืองกั่งมากันครบแล้วหรือยัง?”

พวกเขาต่างก็มองหน้ากัน มีชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสูทสีเหลืองพูดขึ้นมา:“มากันประมาณครึ่งหนึ่งครับ ที่เหลือติดต่อไม่ได้”

“หน้าที่เดิมของนายคืออะไร?” ถังปิงอวิ๋นถามคนคนนี้

ชายชุดสูทเหลืองรีบตอบ:“ท่านผู้สั่งการ หน้าที่ของผมคือรับผิดชอบกระจายข่าวครับ ผมชื่อซุนเจิ้งอู๋”

ถังปิงอวิ๋น:“ซุนเจิ้งอู๋ นายส่งข้อความไปหาคนที่ยังไม่มา ถ้าภายในหนึ่งชั่วโมงยังมาไม่ถึง ฉันจะออก‘คำสั่งไร้ร่องรอย’ให้พวกเขา!”

ซุนเจิ้งอู๋ตกใจ แล้วรีบพูด:“ครับ! ผมจะกระจายข่าวเดี๋ยวนี้ครับ!”

คำสั่งไร้ร่องรอยที่ว่า หมายถึงคำสั่งประหาร ถ้าหากออกคำสั่งล่ะก็ ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงจะทำให้บุคคลนั้นไร้ร่องรอย คนตายไม่พบศพ คนเป็นไม่พบร่าง

ถังปิงอวิ๋นกับอู๋เป่ยเดินขึ้นไปชั้นบน ตึกเล็กๆนี้มีทั้งหมดสองชั้น เป็นโถงที่ใหญ่มาก เวลานี้ ที่นี่มีผู้คนยืนเต็มไปหมด อย่างน้อยมีร้อยกว่าคนได้

คนพวกนี้ ต่างก็เป็นสมาชิกเทียนซาเดิมที่อยู่ที่เมืองกั่ง

“ท่านผู้สั่งการ!”

พอถังปิงอวิ๋นปรากฏตัว ทุกคนก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงออกมาด้วยความเคารพ

ถังปิงอวิ๋นพยักหน้า แล้วถาม:“ในบรรดาพวกนายใครมีหน้าที่รับผิดชอบระดับสูงที่สุด ลุกขึ้นมาพูด”

ชายศีรษะล้านคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีเดินออกมา:“ท่านผู้สั่งการ ผมชื่อหมันหลี่ เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารภายใต้บังคับบัญชาของซือมิ่งครับ”

หัวหน้าฝ่ายบริหาร เหมือนว่าจะดูแลงานรับผิดชอบทุกอย่าง ตำแหน่งสำคัญมาก คำสั่งที่ซือมิ่งเป็นคนออกนั้น โดยทั่วไปแล้วต้องผ่านหัวหน้าฝ่ายบริหารก่อนแล้วถึงจะดำเนินการจัดแจงได้

ทันใดนั้น เสียงจากกลุ่มคนก็ดังขึ้น อู๋เป่ยมองไปทางเสียงนั้น เห็นแค่ชายหนุ่มคนหนึ่งอายุสามสิบปีที่เดินออกมา ผมทรงลานบิน ไม่สูงมาก หน้าตาธรรมดา ฟังจากเสียงน่าจะเป็นคนท้องถิ่นของเมืองกั่ง

ถังปิงอวิ๋นชักสีหน้า แล้วถาม:“นายคัดค้านอะไร?”

ชายผมทรงลานบินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย:“ผมคัดค้านที่ท่านผู้สั่งการรับคนนอกมารับหน้าที่ซือมิ่ง ซือมิ่ง คือคนที่คอยดูแลจัดการเรื่องทุกอย่างในเทียนซาทวีปเอเชีย มีอำนาจใหญ่โต ตำแหน่งสูงส่ง ที่ถูกต้องคือควรเลือกออกมาจากหนึ่งในผู้อาวุโสของพวกเรา เพราะยังไงซะผู้อาวุโสก็คุ้นเคยกับสถานการณ์มากกว่า ง่ายต่อการรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียว”

ถังปิงอวิ๋นพูดด้วยความโมโห:“บังอาจ! ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาซือมิ่งเป็นคนที่รับคำสั่งจากผู้สั่งการ พวกคนด้านล่างมีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ชายผมทรงลานบินรีบก้มหน้าลง:“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมแค่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน”

เหมือนว่าถังปิงอวิ๋นจะพูดอะไรต่อ แต่พอเห็นสายตาของอู๋เป่ย เลยเงียบไป

อู๋เป่ยยิ้มแล้วพูด:“พวกนายคือผู้อาวุโส มีความคิดแบบนั้นก็ย่อมเข้าใจได้ แต่ไม่ควรสงสัยกับการจัดการของผู้สั่งการ คนที่กล้าสงสัยการจัดการของผู้สั่งการ ไม่มีทางเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างแน่นอน! ฉันสงสัยว่า เรื่องที่สำนักงานใหญ่ถูกคนยึด นายมีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเป็นหนอนบ่อนไส้!”

ชายทรงผมลานบินตกใจ แล้วพูดออกมา:“นายพูดบ้าอะไร? ฉันจะเป็นหนอนบ่อนไส้ได้ยังไง!”

อู๋เป่ยจ้องเขม็งเขา:“ถ้านายไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ กล้ารับวิชาสะกดจิตจากฉันไหม?”

พอได้ยินว่าจะสะกดจิตตนเอง ชายหนุ่มทรงผมลานบินก็หน้าซีดเผือด แน่นอนว่าเขาไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ แต่ใครบ้างที่ไม่มีความลับอยู่ในใจ? ใครบ้างที่ไม่เคยทำเรื่องรู้สึกผิดต่อหัวหน้า? อู๋เป่ยต้องการสะกดจิตเขา ให้ตายยังไงเขาก็ไม่กล้าให้ความร่วมมือเป็นอันขาด!

เสื้อผ้าของอู๋เป่ยขยับขึ้นเองโดยไม่มีลม เดินเข้ามาใกล้ชายหนุ่มทรงผมลานบิน แล้วพูดด้วยเสียงน่าเกรงขาม:“นายไม่กล้ารับวิชาสะกดจิต หรือว่านายจะเป็นหนอนบ่อนไส้จริงๆ?”

เขาเป็นปรมาจารย์ ตาเทพนั้นแข็งแกร่งมาก ส่วนชายทรงผมลานบินคนนี้เป็นแค่ผู้มีฝีมือชั้นพรสวรรค์ หลังจากที่ถูกตาเทพของเขาบีบรัด ทันใดนั้นเหงื่อก็พรั่งพรูออกมา ร่างกายสั่นเทา

พอเดินไปข้างหน้าอีกไม่กี่ก้าว ชายทรงผมลานบินก็คุกเข่าลงกับพื้นดัง“ตึง” พร้อมเสียงที่สั่นเครือ:“ซือมิ่ง ผมผิดไปแล้วครับ!”

อู๋เป่ยจ้องเขาตาเขม็ง แล้วตำหนิเสียงดัง:“บอกมา! ใครเป็นคนบงการนาย?”

เขารู้ดี คนคนนี้ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาเป็นศัตรูกับผู้สั่งการและซือมิ่งคนใหม่แน่ เบื้องหลังของเขาจะต้องมีคนบงการอย่างแน่นอน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ