ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 522

จัวคังตะลึง พร้อมกับสีหน้าเปลี่ยน รีบพูด : “น้องชาย นี่ฉันหวังดีกับนายนะ”

อู๋เป่ยขมวดคิ้ว : “น้องชายคำเรียกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถเรียกได้ ต่อจากนี้เจอหน้ากันเรียกฉันว่านายท่านอู๋!”

หัวใจของจัวคังจมลง เขารู้ดี เพราะว่าการตัดสินใจของตัวเองเมื่อกี้ เขาสูญเสียมิตรภาพของอู๋เป่ยไปแล้ว แต่เขากลับไม่เสียใจ เพราะว่าเขาต้องการเป็นกษัตริย์ของอวิ๋นจิงต่อไป ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลตี้อี

เขาก็ไม่โกรธเช่นกัน พูด : “ได้ นายท่านอู๋ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นี่เป็นเรื่องระหว่างท่านและคุณชายตี้อี ผมไม่เข้าไปยุ่ง โอเคไหม”

อู๋เป่ยไม่สนใจเขา คนผู้นี้ ไม่คู่ควรเป็นเพื่อนของเขาอีกแล้ว!

เขาหันกลับไปมองตี้อีหยิงฉี พูดอย่างไม่แยแส : “ไสหัวไปสะ!”

ตี้อีหยิงฉีโกรธอย่างมาก : “แกรนหาที่ตาย!”

ด้านข้างของเขาเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง จู่ๆชายวัยกลางคนก็เคลื่อนไหว เขาชี้มาทางอู๋เป่ย

อู๋เป่ยมองออกตั้งนานแล้ว ชายวัยกลางคนๆนี้เป็นปรมาจารย์ชั้นเทพ ปรมาจารย์ชั้นเทพล้วนแล้วเป็นหัวหน้าอันดับต้นๆของเมือง แต่อยู่ต่อหน้าเขาไม่คู่ควรแก่การพูดถึง

เขาคว้านิ้วของอีกฝ่าย พูดอย่างเย็นชา : “ดรรชนีวชิระเทวราชของแกอ่อนแอเกินไป!” หลังจากนั้นหักเบาๆ ก็ได้ยินเสียงกระดูกหัก นิ้วชี้ของชายคนนี้ถูกหักแล้ว ชายวัยกลางคนส่งเสียงกรีดร้องออกมา

ขาข้างหนึ่งของอู๋เป่ยยกขึ้น เตะชายวัยกลางคนสลบไปเลย หลังจากนั้นมองตี้อีหยิงฉีอย่างเย็นชา ถามอย่างไม่แยแส : “แกยังต้องการขัดขวางฉันไหม”

คำพูดของเขา มีน้ำเสียงของจิตสังหารแฝงไปด้วย ทำให้หัวใจของตี้อีหยิงฉีจมลง เขาขมวดคิ้ว พูด : “แกคือผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์เหรอ”

สามารถเอาชนะปรมาจารย์ชั้นเทพที่อยู่ข้างกายได้ง่ายๆแบบนี้ การฝึกฝนของอีกฝ่ายอย่างน้อยๆก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์ขั้นหนึ่ง

อู๋เป่ย : “คนเซียนไม่สามารถดูถูกได้ ตอนนี้ แกตบปากของตัวเองสิบครั้ง ฉันจะไว้ชีวิตแก!”

ตี้อีหยิงฉีหัวเราะอย่างเย็นชา : “ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์ก็ไม่ใช่อะไรที่น่าอวด ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพของตระกูลพวกเรากลับมาแล้ว อยู่ต่อหน้าเขา แกไม่ใช่อะไรเลย!”

อัฉริยะทั้งสามของตระกูลตี้อี สมัยนั้นถูกเรียกว่าเป็นราชาหมอตี้อี ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์ตี้อี อาจารย์ตี้อี ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์ตี้อีคนนั้น กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพตี้อีแล้ว

อู๋เป่ยเหมือนกับดูคนโง่ มองดูตี้อีหยิงฉีคนนี้ พูด : “ใช่ไหม แต่อยู่ต่อหน้าฉัน แกไม่ใช่อะไรเลย! ตบปาก!”

ในที่สุดตี้อีฉีหยิงก็ตระหนักได้แล้ว คนที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ไม่กลัวตระกูลตี้อีของเขาเลยด้วยซ้ำ เขาขมวดคิ้วและพูด : “แกต้องคิดให้ดีก่อน ทำให้ฉันขุ่นเคือง ก็เท่ากับทำให้ตระกูลตี้อีขุ่นเคือง!”

“เพี๊ยะ!”

อู๋เป่ยตบหน้าของเขาหนึ่งที ตบจนชายหนุ่มผู้รวมลมปราณเป็นหนึ่งคนนี้บินออกไปโดยตรง ล้มลงกับพื้นน้ำลายฟูมปาก และชักกระตุกไปทั้งตัว

อู๋เป่ยเดินไปข้างหน้า จ้องมองเขา พูดอย่างเย็นชา : “ตบปาก นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของแก”

รู้สึกถึงจิตสังหารที่เยือกเย็นของเขา ตี้อีหยิงฉียกมือขึ้นด้วยความอัปยศอดสูอย่างมาก ตบหน้าของตัวเองหนึ่งที

อู๋เป่ย : “แรงกว่านี้ แกไม่ได้กินข้าวเหรอ”

“เพี๊ยะ!”

ตี้อีหยิงฉีตบหน้าอีกหนึ่งครั้ง เสียงเหมือนการจุดประทัด

ครั้งนี้อู๋เป่ยค่อยพอใจ พูด : “ตบปากต่อไปเรื่อยๆ ตบจนฉันพอใจค่อยหยุด”

“เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ!”

ตี้อีหยิงฉีร้องไห้ไปด้วย พร้อมกับตบหน้าตัวเองไปด้วย ตบไปสามสิบกว่าที เขาบวมเป็นหัวหมูแล้ว

อู๋เป่ยฮึหนึ่งที ลากถังจื่อยี่เดินออกไป เหลือเพียงจัวคังที่มองตาค้าง จู่ๆเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย ตัวเองเดิมพันกับตระกูลตี้อี หรือว่าเดิมพันผิดงั้นเหรอ

เข้าไปนั่งในรถ อู๋เป่ยถาม : “จื่อยี่ ทำไมจัวคังต้องประจบประแจงตระกูลตี้อีเหรอ”

ถังจื่อยี่ : “คุณไม่รู้เหรอ สวี่จี้เฟยรับลูกศิษย์ใหม่มาหนึ่งคน อายุแค่ยี่สิบกว่าปี แต่ความแข็งแกร่งนั้นเหนือกว่าจัวคัง ฉันได้ยินจัวคังบ่น บอกว่าอาจารย์ของเขาต้องการให้ศิษย์น้องคนนั้นแทนที่เขา”

อู๋เป่ยตระหนักได้ทันที : “ดังนั้นเขาต้องกอดขาของตระกูลตี้อีเหรอ”

ถังจื่อยี่พยักหน้า : “มีการสนับสนุนของตระกูลตี้อี สวี่จี้เฟยก็จะไม่แตะต้องเขา”

อู๋เป่ย : “ทำไมพี่สวี่ต้องเปลี่ยนจัวคังด้วย เขาไม่พอใจจัวคังเหรอ”

ถังจื่อยี่พูด : “ครั้งหนึ่งจัวคังต่อสู้ไปทั่วที่อวิ๋นจิง ทำให้คนไม่น้อยโกรธเคือง ไม่สามารถล้างให้สะอาดได้แล้ว ดังนั้นเขาไม่คู่ควรต่อตำแหน่งนี้อีกต่อไป สวี่จี้เฟยต้องการหาใครสักคนที่มีภูมิหลังที่สะอาดสะอ้านและเชื่อฟังเขามานั่งในที่นั่งนี้”

อู๋เป่ย : “จัวคังไม่เชื่อฟังเหรอ”

ถังจื่อยี่ : “เหมือนกับคนอย่างจัวคังแบบนี้ อยากได้เงินก็ได้เงิน อยากได้ตำแหน่งก็ได้ตำแหน่ง หางมันใหญ่เกินกว่าจะหลุดไปนานแล้ว คุณอาจจะยังไม่รู้ ปีที่แล้วจัวคังหาผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์มาเป็นพ่อบุญธรรม เรื่องนี้ มันทำให้สวี่จี้เฟยรู้สึกถึงวิกฤติ บางทีตอนนั้นเขาก็อยากเปลี่ยนจัวคังทิ้งแล้ว”

อู๋เป่ย : “ฉันได้มายังไงแกไม่ต้องสนใจ ฉันเพียงแค่ถามแก มีมันแล้ว แกสามารถออกดอกออกผลได้เร็วๆไหม”

ท้อเซียน : “สามวัน! เวลาสามวัน ฉันก็สามารถออกผลท้อเซียนได้!”

อู๋เป่ยพูด : “ดี! อย่างนั้นฉันจะให้น้ำยาวิญญาณกับแกอีกหนึ่งหยด!”

ท้อเซียนตะโกนออกมา : “หนึ่งหยดเหรอ นายท่าน น้ำยาวิญญาณหนึ่งหยด มากสุดฉันออกผลท้อเซียนหนึ่งลูก”

อู๋เป่ยคิดสักพัก พูด : “อย่างนั้นสามหยดแล้วกัน แกออกผลท้อเซียนให้ฉันสามลูก”

ระหว่างที่พูด เขาเทน้ำยาวิญญาณอี่มู่ลงไปที่รากของเซียนท้อสามหยด

ทันใดนั้น ท้อเซียนต้นนี้รู้สึกสบายจนส่งเสียงครางแปลกๆออกมา เหมือนกับคนเสพยา

ถังจื่อยี่กระซิบถาม : “คุณกำลังพูดกับต้นท้อจริงๆเหรอ”

อู๋เป่ยหัวเราะ : “ใช่แล้ว อันที่จริงต้นไม้ก็มีความคิดเหมือนกัน”

พูดจบ เขากอดเอวเรียวของถังจื่อยี่ ซบหน้าลงบนผมของเธอแล้วหายใจเข้าลึก ๆ

ถูกเขากอดหนึ่งที ทันใดนั้นถังจื่อยี่ตัวสั่นจนหมดเรี่ยวแรง พูดเสียงเบา : “ตะบ้า”

ปากของเธอพูดว่าตะบ้า กลับหันตัวกลับมากอดร่างอันแข็งแกร่งของอู๋เป่ย ใบหน้าสวยยกขึ้น เบ่งบานราวกับดอกไม้อันละเอียดอ่อน

อู๋เป่ยจูบไปที่ปากของเธอ จากนั้นทั้งสองก็ล้มลงบนโซฟา

อย่างไรก็ตาม ถังจื่อยี่พลักเขาออกไป พูดด้วยรอยยิ้ม : “ฉันขอไปอาบน้ำก่อน” หลังจากนั้นก็วิ่งหนีไปเลย

อู๋เป่ยถอนหายใจหนึ่งที ทำอะไรไม่ได้ ถังจื่อยี่มีขั้นตอนเฉพาะในการอาบน้ำ รอเธออาบน้ำเสร็จ เกรงว่าต้องหลังจากหนึ่งชั่วโมงแล้ว

เต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย เขานั่งสมาธิในห้องนั่งเล่น สูดพลังปราณมังกรม่วง!

เหตุผลที่คนเซียนแข็งแกร่งกว่าชั้นเทพ ก็เป็นเพราะว่าคนเซียนสามารถ สูดพลังปราณมังกรม่วง! พลังปราณมังกรม่วง สามารถแบ่งเบาภาระทางร่างกาย หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ ส่งเสริมยีนให้มีวิวัฒนาการไปในทิศทางที่ดี

ในเวลานี้ เขาแสดงเทคนิคการหายใจขั้นสูง รูขุมขนบนร่างกายสามหมื่นรู ถูกเปิดออกทั้งหมด กลืนกินพลังปราณมังกรม่วง พลังปราณเหล่านี้ มันรวมตัวกันเป็นหยดในร่างกายของเขา และในที่สุดก็ถูกฉีดเข้าไปในเส้นลมปราณ และผ่านเส้นลมปราณขั้นสี่ ฉีดเข้าไปในเซลล์ของมนุษย์ทุกเซลล์

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ