ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 579

ตอนนี้อู๋เป่ยกำลังจ้องมองรูปปั้นของเทพเจ้าชั่วร้าย รูปแกะสลักนี้ถูกเก็บไว้ในห้องโถงบรรพบุรุษ เขาไม่ทราบอายุของวัตถุ แต่ที่แน่ ๆ มีวิญญาณหยินอย่างน้อยก็สิบกว่าตัวอยู่

วิญญาณหยินในรูปปั้นถูกเขาฆ่าด้วยยันต์หยางบริสุทธิ์ แต่เขารู้สึกว่ายังมีอะไรผิดปกติ อีกทั้งอีกฝ่ายนั้นยังเป็นวิญญาณชั่วร้าย!

เห็นได้ชัดว่าระดับพลังยุทธ์ของคู่ต่อสู้เขานั้นสูงมาก พลังปีศาจแทบจะกลายเป็นศูนย์ มีบันทึกไว้ในอิฐหยกว่าหากสัตว์ประหลาดสามารถกำจัดพลังปีศาจได้ทั้งหมด นั่นก็คือเซียนสัตว์ประหลาด!

ความแข็งแกร่งของเซียนสัตว์ประหลาดนั้นน่ากลัวกว่าผีเซียนมาก! หากสามารถเป็นสัตว์ประหลาดได้นั่นก็ถือว่าสุดยอดมาก เพราะความฉลาดของสัตว์นั้นน้อยกว่ามนุษย์มากและการฝึกฝนนั้นยากกว่ามนุษย์ถึงหมื่นเท่า!

“สัตว์ประหลาดรูปปั้น ออกมาซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน!” เขาพูดเสียงนิ่ง ขณะที่นำยันต์ปราบปีศาจออกมา

ยันต์ปราบปีศาจนี้ได้มาจากกระดองเต่า มันทรงพลังจนน่าตกใจ

ทันทีที่เอายันต์นี้ออกมา รูปปั้นก็เรืองแสงสีเขียว เสียงแข็งกร้าวดังขึ้น "ท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ!"

อู๋เป่ยเยาะเย้ย "ฉันบอกให้ปรากฏตัว!"

"ได้ ๆ ยอมแล้ว"

จากนั้นหนูผมขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่ตัวสูงกว่าครึ่งเมตรก็กระโดดออกมาจากด้านหลังรูปปั้น มันคุกเข่าต่อหน้าอู๋เป่ย มันโค้งคำนับเขาเหมือนมนุษย์

อู๋เป่ยจ้องมองหนูอย่างให้ความสนใจ หนูตัวนี้สูงถึง 134 เซนติเมตร ตัวของมันใหญ่มาก!

เขาถามว่า "เจ้าสัตว์ประหลาด ทำไมถึงมาที่นี่เพื่อทำร้ายผู้คน"

เจ้าหนูตัวใหญ่รีบพูดว่า "ท่าน ตัวฉันไม่ได้ทำอันตรายใครเลย ฉันแค่ใช้รูปปั้นนี้เพื่อรวบรวมควันจากธูป"

อู๋เป่ย "คุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำร้ายใคร อย่าบอกนะว่าวิญญาณหยินก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกคุณควบคุม?"

เจ้าหนูตัวใหญ่ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว "ท่านครับ ผีพวกนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย มีกล่องอาวุธผีฝังอยู่ใต้ดินสิบเมตร พวกมันล้วนเป็นผีที่อาศัยอยู่ในอาวุธผี! ฉันแนะนำพวกนั้นแล้วว่าอย่าทำร้ายคน แต่พวกมันไม่มีจิตสำนึก พวกมันก็เลยไม่ฟังฉัน ก่อนหน้านี้ฉันเคยฆ่าวิญญาณหยินสองสามตัวไป แต่หลัง ๆ ฉันขี้เกียจจะไปยุ่ง วันนี้พวกมันโดนท่านจัดการก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว

อู๋เป่ยถามว่า “คุณฝึกอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว?”

หนูตัวใหญ่ "เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว"

อู๋เป่ยมองดู เขาเห็นว่าหนูตัวใหญ่ตัวนี้ได้พัฒนาจิตวิญญาณแล้ว ความแข็งแกร่งก็เทียบได้กับคนจริงตี้เซียน

เขาพูดว่า "ฉันคิดว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะฝึกฝนได้ขนาดนี้ วันนี้ฉันจะไส้ชีวิตคุณไปก่อน"

เจ้าหนูตัวใหญ่รู้สึกขอบคุณมาก เขาขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ขอบคุณท่านที่ไม่ฆ่าฉัน!"

เมื่อเห็นว่าเขาเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ อู๋เป่ยจึงพูดว่า "เจ้าหนู ฉันเกรงว่าวิธีปฏิบัติของคุณจะผิด เรามีชะตาให้มาพบกัน ช่างเถอะ ฉันจะสอนวิชาหายใจให้คุณ คุณก็จำมันไว้ล่ะ”

เจ้าหนูตัวใหญ่ดีใจ "ขอบคุณท่านมาก! ฉันกำลังต้องการวิชาหายใจพอดี!"

อู๋เป่ยสอนเทคนิคการหายใจให้เขาทันที ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเทคนิคการหายใจนี้ แต่มันเหมาะมากสำหรับสัตว์ประหลาด

เจ้าหนูตัวใหญ่เรียนรู้เพียงครั้งเดียวก็เป็นทันที มันโค้งคำนับ 3 ครั้ง “ฉันจะจดจำความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของท่านไปตลอดชีวิต!”

อู๋เป่ย "ไปเถอะ!"

หนูตัวใหญ่กระโดดออกจากห้องโถงบรรพบุรุษทันที หลังจากที่มันออกมา มันก็เหลือบมองที่เก๋อกว่างหมิงแล้วก็หายไปหลังจากกระโดดไม่กี่ครั้ง

ใบหน้าของเก๋อกว่างหมิงซีดลง เขาอุทาน "สัตว์ประหลาด!"

อู๋เป่ยออกมาจากห้องโถงบรรพบุรุษและพูดกับหลี่ฉางชิงที่หวาดกลัวอยู่ว่า "มีอาวุธผีมากมายฝังอยู่ใต้ห้องโถงบรรพบุรุษนี้ รีบส่งคนไปขุดมันออกด้วย"

“ครับ ครับ” หลี่ฉางชิงรีบโทรหาใครบางคน

เก๋อกว่างหมิงเข้ามาหาเขาและโค้งคำนับเขาด้วยสีหน้าเขินอาย "ขอบคุณพี่อู๋ที่ช่วยชีวิตฉันไว้!"

อู๋เป่ยพูดอย่างเย็นชา "คุณเป็นศิษย์ของเขาเหมาซาน ฉันเป็นแค่คนธรรมดา ไม่กล้ารับการคารวะแบบนี้หรอก"

ใบหน้าของเก๋อกว่างหมิงลุกเป็นไฟ เขาพูดว่า "พี่อู๋ได้โปรดอย่าพูดอย่างนั้น ฉันรู้สึกละอายใจตัวเองเหลือเกิน"

อู๋เป่ยถามเขาว่า “เมื่อกี้คุณใช้ยันต์สายฟ้า ทำไมคุณไม่ฆ่าวิญญาณหยินล่ะ?”

แต่เพราะยุ่งเกี่ยวกับผี เธอจุงเสียชีวิตในวัยสี่สิบและตอนนั้นปู่ของหลี่ฉางชิงยังเด็กเกินไปที่จะเรียนรู้มรดกอาวุธผีที่ถูกส่บทอดมาทั้งหมด หากพูดถึงรุ่นของหลี่ฉางชิงมันยังไม่หนักขนาดนี้

เมื่อรู้ที่มาของอาวุธผีเหล่านี้ อู๋เป่ยจึงพูดว่า "อาวุธผีเหล่านี้บางส่วนนั้นเป็นของเก่าแก่มาก ตอนนั้นหลี่ซิ่วเฉิงคงเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่ง"

หลี่ฉางชิงพูดว่า "ท่านอู๋ เราควรทำไงกับของพวกนี้ดี?"

อู๋เป่ย"อาวุธผีบางอันก็ช่วยผนึกวิญญาณชั่วร้ายไว้อยู่ งั้นเอาอย่างนี้เก๋อกว่างหมิงกับฉันจะช่วยคุณทำลายของบางส่วน คุณว่าอย่างไร?"

หลี่ฉางชิงไม่สามารถพึ่งพาอาวุธผีเหล่านี้ได้อีกต่อไป เขาตอบตกลงอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นเขาก็เปิดจัดเลี้ยงฉลองให้กับอู๋เป่ยกับเก๋อกว่างหมิง ทัศนคติของเก๋อกว่างหมิงที่มีต่ออู๋เป่ยในตอนนี้นั้นมีแต่ความเคารพ

แม้ว่าชายจะเยทอหยิ่ง แต่ก็เป็นคนที่จริงใจ ดังนั้นอู๋เป่ยจึงชื่นชมเขาเล็กน้อย

ในระหว่างการสนทนาอู๋เป่ยได้รู้ว่าเหมาซานก็มีสำนักในดินแดนแห่งเซียนและมีคนดูแลอยู่ ภายนอกนิกายเหมาซานมีคนจริงแค่สองคน หนึ่งในนั้นคือเก๋อเทียนซุ่นปู่ของเก๋อกว่างหมิง

สาวกเหมาซานมีอยู่ทั่วโลก มีสาวกของสำนักเหมาซานจำนวนมากในราชวงศ์

หลังจากดื่มเหล้าไปสองสามแก้ว เก๋อกว่างหมิงพูดว่า "พี่อู๋ ถ้าคุณมีเวลา คุณต้องมาที่สำนักเหมาซานของฉันในฐานะแขก"

อู๋เป่ยยิ้มและพูดว่า "โอเค หลังตรุษจีนฉันจะไปแน่นอน"

ตอนนี้เก๋อกว่างหมิงรู้สึกว่าเขารู้จักอู๋เป่ยช้าไปจริง ๆ เขาอยากจะอยู่คุยกับอู๋เป่ยอีกสักสองสามวัน แต่ว่าอู๋เป่ยนั้นมีธุระ บ่ายวันนั้นเขาก็ออกไปแล้ว

เมื่อถึงเวลาบ่ายห้าโมง เขาก็ขึ้นเครื่องบินโดยสารและบินไปญี่ปุ่น

เพราะว่าเขาเป็นคนของกรมศิลปะการต่อสู้ขั้นเทพ เขาจึงใช้นามแฝงว่า "อู๋ตง" และตำแหน่งของเขาในตอนนี้ก็คือหมอ

หลังจากที่เครื่องบินขึ้น อู๋เป่ยก็หลับตาและพักผ่อน ครึ่งชั่วโมงต่อมา เครื่องบินก็พบกับกระแสลมแรง เขาก็ลืมตาขึ้น

เขานั่งอยู่ในชั้นประหยัดริมหน้าต่างทางด้านขวา เขามองออกไปเห็นเครื่องบินกำลังบินผ่านก้อนเมฆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ