ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 641

หวงเซียงฮึหนึ่งที พูด : “นายท่าน ตระกูลกัวหยิ่งผยองอย่างมาก นอกจากค่อนข้างมีความเคารพต่อท่านปู่แล้ว สำหรับคนอื่นๆนั้นล้วนแล้วดูถูกอย่างมาก”

อู๋เป่ยพูด : “เหล่าหวง คุณเคยมีความขัดแย้งกับตระกูลกัวเหรอ”

หวงเซียงพูด : “มีการแข่งขันระหว่างธุรกิจของตระกูลหลี่และตระกูลกัว เดิมทีตระกูลหลี่มีข้อได้เปรียบ แต่ท่านปู่คิดถึงมิตรภาพในอดีต ทุกครั้งล้วนแล้วเป็นฝ่ายหลีกทางให้ ตัวอย่างเช่นอุตสาหกรรมน้ำตาล เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ผลผลิตน้ำตาลของตระกูลหลี่และตระกูลกัวใกล้เคียงกัน แต่หลังจากผู้อาวุโสกัวมาหาท่านปู่ ตระกูลหลี่ค่อยๆ ถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมน้ำตาล แต่ตระกูลกัวมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมน้ำตาล ปัจจุบันกลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

อู๋เป่ย : “ต่อให้ผู้อาวุโสกัวมีพระคุณต่อคุณปู่ ดูเหมือนว่าการกระทำของตระกูลกัวเกินไปหน่อย”

หวงเซียง : “ใช่แล้ว ท่านปู่ค่อยๆถอนตัวจากยามะ เป็นไปได้อย่างมากว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลกัว ตระกูลกัวยังคงมีส่วนร่วมในสาขาของพวกเราต่อไป ตัวอย่างเช่น เครือซูเปอร์มาร์เก็ต ปั๊มน้ำมัน กลุ่มธัญพืชและน้ำมันเป็นจุดแข็งของพวกเรา แต่หลังจากที่ตระกูลกัวเข้าร่วม เลยทำให้พื้นที่ของตระกูลหลี่ถูกบีบอย่างต่อเนื่อง ดูเครือซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นตัวอย่าง พวกเราสามารถเปิดร้านได้มากกว่าสองพันแห่ง ต่อมาค่อยๆถูกซูเปอร์มาร์เก็ตของตระกูลกัวกลืนกินไปเรื่อยๆ ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งพันกว่าแห่งแล้ว ครึ่งปีก่อน ท่านปู่เหมาขายซูเปอร์มาร์เก็ตหนึ่งพันกว่าแห่งให้ตระกูลกัวทั้งหมด ตอนนี้ตระกูลกัวครอบครองซูเปอร์มาร์เก็ตสามพันกว่าแห่ง มีกำไรต่อปีอย่างน้อยห้าพันล้านดอลลาร์”

จู่ๆอู๋เป่ยก็เข้าใจอะไรบางอย่าง : “คุณปู่ของผมหลีกทางให้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องของการตอบแทนอย่างเดียวใช่ไหม”

หวงเซียงพยักหน้า : “ไม่ผิด เหตุผลที่ไม่อยากมีความขัดแย้งกับตระกูลกัว เป็นเพราะตระกูลกัวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลูกเขยของตระกูลกัว หลายคนเป็นสมาชิกรัฐสภาและอัยการจากหลากหลายประเทศ นอกจากนี้ คุณชายรองกัวยังเป็นพี่น้องร่วมสาบานของฮ่องเต้หมิงอีกด้วย”

ระหว่างที่พูด เขามองจังซีหลิงหนึ่งที : “และยังมีคุณชายสี่กัว เขาเป็นลูกเขยของผู้อาวโสคนหนึ่งของพรรคฟ้าทมิฬ”

อู๋เป่ยจำได้ว่าหวงเซียงเคยพูดว่า ผู้อาวโสคนหนึ่งของพรรคฟ้าทมิฬเคยมาเรียกร้องตระกูลหลี่ ต้องการเอากำไรไปบางส่วน เขาถาม : “ว่า ผู้อาวโสของพรรคฟ้าทมิฬที่คุณพูดถึงก็คือคนนี้เหรอ”

หวงเซียงพยักหน้า : “ใช่!”

อู๋เป่ยหัวเราะอย่างเย็นชา : “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลกัวครอบงำขนาดนี้ เบื้องหลังแข็งแกร่งมากจริงๆ”

จังซีหลิงคิดสักพัก พูด : “เพื่อนหวง คุณหมายถึงผู้อาวุโสเป่าไต้ซางเหรอ”

หวงเซียง : “ใช่แล้ว ช่วงก่อน เป่าไต้ซางส่งคนมาเตือนผม ให้ตระกูลหลี่โอนกำไรบางส่วนให้พวกเขา ผมไม่มีการตอบตกลง และไม่มีการปฏิเสธ เพียงแค่บอกไปว่าต้องขอคำแนะนำจากท่านปู่ก่อนแล้วจะตอบกลับอีกครั้ง”

อู๋เป่ยพูด : “จังซีหลิง คุณบอกเป่าไต้ซางไปว่า คืนนี้ผมอยากเจอเขา!”

จังซีหลิง : “ได้!”

หลังจากหลายนาที ผู้อาวุโสฟ่างอึงเก๋อของพรรคฟ้าทมิฬหอยามาถึงแล้ว มองดูแล้วฟ่างอึงเก๋อคนนี้อายุไม่มากเท่าไหร่ ประมาณห้าสิบต้นๆ ผิวขาว ไม่สูง สวมชุดคลุมสีดำ

จังซีหลิงพูดทันที : “เพื่อนฟ่าง ท่านผู้นี้ก็คือหัวหน้าพรรคคนใหม่ของพวกเรา!”

ฟ่างอึงเก๋อทำความเคารพอู๋เป่ยหนึ่งที : “คุณอู๋!”

จังซีหลิงขมวดคิ้ว : “ฟ่างอึงเก๋อ คุณควรเรียกหัวหน้าพรรคไม่ใช่เหรอ”

ฟ่างอึงเก๋อพูด : “เพื่อนซีหลิง คุณอู๋ยังไม่ใช่หัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ ดังนั้นผมยังไม่สามารถเรียกเขาว่าหัวหน้าพรรคได้ โปรดให้อภัยด้วย” ระหว่างที่พูด เขาโค้งคำนับอู๋เป่ยหนึ่งที

อู๋เป่ยพูด : “ไม่เป็นไร หัวหน้าฟ่างเชิญนั่ง”

ฟ่างอึงเก๋อไม่กล้านั่ง พูด : “มิกล้า เพื่อนซีหลิง คุณอู๋สามารถทำลายมนต์สะกดของผู้น้อยได้”

อู๋เป่ยเหลือบมองฟ่างอึงเก๋อ สังเกตสักพัก เขาส่ายหน้าและพูด : “น่าสงสาร!”

ฟ่างอึงเก๋อตะลึง : “คุณอู๋ คุณหมายถึงผมเหรอ”

อู๋เป่ยพูด : “ใช่แล้ว เป็นถึงปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพคนหนึ่ง แต่กำลังจะตายในไม่ช้า มันไม่น่าเสียดายไปหน่อยเหรอ”

หัวใจของฟ่างอึงเก๋อตึง : “คุณอู๋โปรดชี้แนะด้วย!”

อู๋เป่ย : “ตัวคุณเองก็น่าจะรู้ดีใช่ไหม ต้องให้ผมพูดด้วยเหรอ”

บนหน้าผากของฟ่างอึงเก๋อเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา พูด : “คุณอู๋ เป็นเพราะผมเป็นหัวหน้าของหอยา นอกจากนี้มีความรู้ด้านเภสัชวิทยาเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมักใช้ยาอายุวัฒนะเพื่อปรับสมดุลทางร่างกาย”

อู๋เป่ยถอนหายใจเบาๆหนึ่งที : “คุณเข้าใจเรื่องยาครึ่งหนึ่งไม่เข้าใจครึ่งหนึ่ง คิดว่าตัวเองได้ผลประโยชน์ แต่อันที่จริงเป็นการทำร้ายตัวเอง ภายในร่างกายของคุณ อย่างน้อยมีพลังเจ็ดแบบที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน คุณไม่สามารถปรับแต่งพวกมันได้ และไม่สามารถควบคุมพวกมันได้ ที่ผมพูดถูกไหม”

ฟ่างอึงเก๋อสั่งให้ลูกน้องส่งยามา และผู้อาวุโสอีกท่านหนึ่งมาถึงแล้ว ก็คือผู้อาวุโสติงนู่กง

ติงนู่กงเหมือนกับฟ่างอึงเก๋อ เป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นเทพเช่นกัน สามารถกลายเป็นผู้อาวุโสของพรรคฟ้าทมิฬได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีพลังยุทธระดับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นราชันย์ ไม่อย่างนั้นเป็นการยากที่จะโน้มน้าวใจผู้คนได้

ติงนู่กงมีรูปร่างสูงใหญ่ นอกจากนี้ทันทีที่เขาเปิดปากพูด อู๋เป่ยก็รู้ว่าเขาเป็นคนมณฑลเหอตง

“เข้าพบหัวหน้าพรรค!” ติงนู่กงไม่เหมือนฟ่างอึงเก๋อ ทันทีที่ติงนู่กงมาถึงก็ยอมรับอู๋เป่ยเป็นหัวหน้าพรรค

อู๋เป่ยพยักหน้า : “ผู้อาวุโสติงไม่ต้องมากพิธี เชิญนั่ง”

ติงนู่กงเห็นว่าฟ่างอึงเก๋อและจังซีหลิงต่างยืนอยู่ เขาก็ไม่กล้านั่งเช่นกัน ยังคงยืนอยู่ด้านข้าง

จังซีหลิง : “เพื่อนติง ที่หัวหน้าพรรคให้คุณมา เพื่อต้องการกำจัดมนต์สะกดในตัวคุณ”

ติงนู่กงโค้งลึกๆหนึ่งที : “ขอบคุณหัวหน้าพรรค!”

อู๋เป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม : “ต่อจากนี้ล้วนแล้วเป็นคนกันเอง ผู้อาวุโสติงไม่ต้องเกรงใจ”

จังซีหลิงพูด : “หัวหน้าพรรค ผู้อาวุโสแต่ละคนมีหน้าที่รับผิดชอบหนึ่งประเทศ ผู้น้อยรับผิดชอบงานด้านฝ่ายวิชาการของเมียนมาร์เป็นหลัก เพื่อนติงรับผิดชอบงานด้านฝ่ายวิชาการของประเทศลาวเป็นหลัก”

อู๋เป่ย : “ใครเป็นผู้รับผิดชอบงานด้านวิชาการของยามะ”

จังซีหลิง : “ก็คือเป่าไต้ซางคนนั้น”

อู๋เป่ยพยักหน้า เขาให้ติงนู่กงนั่งลง หลังจากนั้นทำการถอนมนต์สะกด

เขาพบว่า มนต์สะกดนี้แข็งแกร่งอย่างมาก ทำการปรับแต่งมนต์สะกดไปสี่แบบ เห็นได้ชัดว่าทำให้ใบเต๋าขยายออกเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ทำให้ใบเต๋ามีใบเล็กๆหงอกออกมาสามใบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ