เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พี่น้องทุกคน เชิญลุกขึ้น”
“ขอบคุณหัวหน้าพรรค!”
ทุกคนพูดเสียงดังพร้อมกัน จากนั้นลุกขึ้นยืน
เมิงจื๋อก้าวออกมาข้าง พูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าพรรค ในที่สุดคุณก็มาแล้ว”
อู๋เป่ยพยักหน้าแล้วพูด “ผู้พิทักษ์เมิง พี่น้องทุกคนยินดีสนับสนุนผมเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่”
เมิงจื๋อพูด “สมาชิกในพรรคทุกคน ยินดียอมรับคุณเป็นหัวหน้าพรรคฟ้าทมิฬ!”
อู๋เป่ยพูด “ขอบคุณพี่น้องทุกคน ผมกับทุกคนไม่รู้จักกัน เมิงจื๋อ คุณช่วยแนะนำให้ผมรู้จักหน่อย”
เมิงจื๋อแนะนำบุคคลสำคัญในพรรคให้อู๋เป่ยรู้จักทีละคน ด้วยหลักๆคืออาวุโส สี่หัวหน้าคณะ และรวมไปถึงบุคลากรหลักรอบตัวพวกเขา
หลังจากแนะนำสามสิบกว่าคน อู๋เป่ยพูด “พี่น้องทุกคน ผมเพิ่งมาใหม่ ต่อไปต้องขอการสนับสนุนจากพี่น้องทุกคนด้วย”
เวลานั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งคุกเข่าลงพื้น “ผู้น้อยเป่าไต้ซาง คำนับหัวหน้าพรรค!”
คนที่ให้หวงเซียนมอบผลกำไรบางส่วนให้คนของพรรคฟ้าทมิฬในตอนนั้น ก็คือเป่าไต้ซางคนนี้ นอกจากนี้ เขายังเป็นพ่อตาลูกชายคนที่สี่ของกัวหยวนเซียง ดองญาติกับตระกูลกัว
ดูจากค่าทางแล้ว เป่าไต้ซางคนนี้น่าจะเคยโดนเมิงจื๋อสั่งสอน จึงนอบน้อมต่ออู๋เป่ยมาก
อู๋เป่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตระกูลกัวจบสิ้นแล้ว เรื่องนี้คุณรู้หรือเปล่า”
เป่าไต้ซางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “หัวหน้าพรรค ตระกูลกัวรนหาที่เอง ไม่คู่ควรเห็นใจ”
อู๋เป่ย ‘อืม’ ตอบรับสั้นๆ “ได้ยินมาว่าคุณสั่งให้ตระกูลหลี่มอบผลกำไรบางส่วนออกมาใช่หรือเปล่า”
เป่าไต้ซางพูดด้วยรอยยิ้ม “นั่นมันเมื่อก่อน ตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์กับหัวหน้าพรรค ย่อมไม่จำเป็นแล้ว ยิ่งกว่านั้นพวกเราจะช่วยตระกูลหลี่จัดการปัญหาทุกอย่าง”
อู๋เป่ยพยักหน้า “ดีมาก”
หลังจากพูดทักทายและประกาศศักดา อู๋เป่ยถูกเชิญมาที่ตำหนักฟ้าทมิฬ ตำหนักฟ้าทมิฬเป็นตำหนักขนาดใหญ่ จะเปิดใช้ก็ต่อเมื่อทำกิจกรรมขนาดใหญ่ ด้านหน้ามีเสาขนาดใหญ่หนาเท่าร่างกายวัวและสูงสามสิบเมตรยี่สิบต้น ประตูตำหนักทำจากทองแดง มีน้ำหนักหลายสิบตัน จำเป็นต้องใช้แรงของคนห้าคน จึงจะสามารถเปิดมันออก
ภายในตำหนักวังเวงหน้าขนลุก และอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นแปลกๆ คล้ายกับเนื้อเน่าเปื่อยผสมกับกลิ่นหอมของดอกไม้ อู๋เป่ยไม่ชอบอย่างยิ่ง
เมิงจื๋อเดินตามหลังอู๋เป่ย เขาพูดเสียงเบา “หัวหน้าพรรค ในตำหนักนี้มีมหาปุโรหิตท่านหนึ่ง ผมได้คุยกับเขาแล้ว เขายินดีสนับสนุนคุณเป็นหัวหน้าพรรค แต่ว่าคนคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาด อยากจะหลีกเลี่ยงทำบางอย่างที่ไม่ถูกใจหัวหน้าพรรค หวังว่าหัวหน้าพรรคจะไม่ถือสา”
อู๋เป่ยพูด “ไม่เป็นไร ทุกอย่างทำตามกฎ”
พื้นของตำหนักเป็นกระเบื้องหินลายเทพเจ้าและผีสาง และมีโคมไฟขนาดใหญ่ห้อยอยู่บนเพดาน บนโคมไฟทุกดวง มีเปลวไฟยี่สิบดวงกำลังลุกไหม้
อู๋เป่ยเพิ่งเข้าตำหนัก ก็สังเกตเห็นชายชราหลังค่อมคนหนึ่งอยู่ห่างจากเขาประมาณสิบกว่าก้าว หลังของชายชราคนนี้แทบโค้งเก้าสิบองศาจนหน้าแทบแนบติดกับผืน เขาต้องพยายามเงยหน้ามองจึงจะเห็นคนอื่น
เขาสวมชุดเพ้าสีเทา ผมขาวออกเหลือง โดยเฉพาะดวงตาขุ่นมัวอย่างยิ่ง ตาซ้ายของเขาบอด ถูกควักออกมา
เมื่อเขาเอ่ยปาก ก็ส่งเสียงที่หน้าอึดอัดเหมือนโลหะเสียดสีกันออกมา
“คำนับหัวหน้าพรรค”
อู๋เป่ยพยักหน้า “คุณก็คือมหาปุโรหิตเหรอ”
ชายชรา “ผมคือมหาปุโรหิต อาหมิง”
อู๋เป่ยฟังเสียงของเขา ภาษาที่พูดคือภาษาเหยียนหลง แต่น้ำเสียงค่อนข้างแปลก เหมือนว่าเกิดจากการที่ไม่ได้พูดมานานแล้ว
เมิงจื๋อพูด “มหาปุโรหิต วันนี้หัวหน้าพรรคเรียกประชุมในตำหนักใหญ่”
อาหมิงพูด “ผมยินดีต้อนรับหัวหน้าพรรคที่พวกคุณเลือก แต่ว่ากฎของพรรคฟ้าทมิฬ ก่อนที่หัวหน้าพรรคจะได้รับการยอมรับจากเทพฟ้าทมิฬ จะไม่สามารถนั่งบัลลังก์หัวหน้าพรรค”
อู๋เป่ยจึงจะสังเกตเห็นว่าด้านหลังไม่ไกลของชายชรา มีบัลลังก์ทองคำที่ถูกฝังด้วยอัญมณีเต็มไปหมด เขาลองประเมินคร่าวๆ คิดว่าการที่จะสร้างบัลลังก์แบบนี้ จะต้องใช้ทองคำอย่างน้อยห้าตัน!
อู๋เป่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบเดินไปข้างหน้าต่อ
หลังจากผ่านบริเวณศีรษะแล้ว พื้นด้านหน้าปูด้วยกระเบื้องโลหะ เมื่อเห็นกระเบื้องปูพื้นโลหะนี้ อู๋เป่ยก็รู้ว่ามันไม่ง่าย จึงใช้ตาวิเศษเพื่อสำรวจดูว่าใต้พื้นมีกลไกหรือไม่ และเป็นอย่างที่เขาคิด มันมีกลไกอยู่จริงด้วย เมื่อไหร่ที่เหยียบลงไปกลไกก็จะทำงานทันที
ด้วยเหตุนี้เขาจึงกระโดดข้ามกลไกเหล่านี้ สามารถผ่านมันไปได้อย่างง่ายดายโดยไม่ได้กระตุ้นกลไกใดๆ
หลังจากผ่านด่านกลไก หน้าเป็นทางถนนหิน เดินไปได้ไม่ไกลก็เข้าสู่ใจกลางภูเขา ใจกลางภูเขากว้างมาก ตรงหน้าเขาคือเทวรูปที่มีความสูงห้าเมตร
อู๋เป่ยสำรวจดูเทวรูป เขาพบว่าร่างกายของเทวรูปเป็นสีดำ มีแขนขาครบทุกอย่าง เศียรใหญ่มาก มีดวงตาสี่ดวงทั้งสองข้าง เพียงแค่หันไปมอง
เมื่ออู๋เป่ยดวงตาของเทวรูป เขารู้สึกปวดแสบระหว่างคิ้ว และตกไปอยู่ในภาพลวงตาทันที
เวลานาทีต่อมา เขาเข้าสู่พื้นที่สีดำสนิทแห่งหนึ่ง โดยรอบไม่มีเสียงไม่มีแสง ความหวาดกลัวก่อเกิดในใจเขา
เขารู้สึกตกใจ พลางคิดว่าเทวรูปองค์นี้น่ากลัวมาก สามารถทำให้เขาตกอยู่ในภาพลวงตาทันที!
เขาท่องอาคมเสียงดังทันที หลังจากท่องไปสักพัก ร่างกายของเขาเรืองแสง สาดส่องทิวทัศน์โดยรอบออกมา
เขาเห็นว่าไม่ไกลจากเขานัก มีเทพเจ้าสูงหลายสิบเมตรกำลังใช้ดวงตาที่น่าขยะแขยงนั้นจ้องเขา ถูกดวงตาของมันจ้อง อู๋เป่ยรู้สึกคลื่นไส้ทันที
เขาอดทนท่องอาคมต่อ
เทพเจ้าองค์นั้นส่งเสียงที่แปลกประหลาดออกมา มันเป็นเสียงที่แตกต่างจากท่วงทำนองเซียน แต่มีความคล้ายคลึง อู๋เป่ยเกือบจะสามารถฟังออก
เทพเจ้าองค์นี้ต้องการให้อู๋เป่ยยอมจำนนต่อมัน สังเวยวิญญาณของตนเอง เป็นทาสรับใช้ชั่วนิรันดร์
อู๋เป่ยได้ยินแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “ก็แค่เทพปลายแถว กล้าเป็นเจ้านายของฉันเหรอ”
เทพเจ้าองค์นั้นเหมือนไม่มีอารมณ์ใดๆ ไม่โกรธ ไม่เศร้า ไม่ดีใจ มือข้างหนึ่งของมันประสานอิน อู๋เป่ยรู้สึกแน่นหน้าอกทันที จนไม่สามารถท่องอาคม
เมื่อเห็นว่ากำลังจะถูกเทพเจ้าที่น่าขยะแขยงควบคุม ใบเต๋าในจุดตันเถียนสั่นสะเทือน แสงสีทองพุ่งออกมา รวมเข้ากับจิตวิญญาณของอู๋เป่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดคุณหมอตาวิเศษ
เสียตังด้วยออ...
ก็แค่นิยายก๊อปปี้เนื้อเรื่องกันไปมาทำไมต้องเสียตังอ่าน😛😛😛...
ชอบอ่านฟรีมากกว่า555...
เวปนี้เสียเงินด้วยหรือผมอ่านมาหลายเรื่องแล้วผึ่งมาเจอระยะหลังต้องเสียเงิน...
น่าจะมีหักทาง ทรูมันนี่วอเล็ตบ้างนะคับ...
ใครเคยเติมบ้างแล้วครับ เติมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง...
แล้วเติมเหรียญยังงัย...
อ่านมาเพิ่นๆหลังๆมาเสียตังซะแล้ว...
มีหลายตอนไม่ได้อ่านครบอยากปืนยิงคนดูแลจังลงก็ไม่ครบดีดูแลไม่ได้เรื่องของครอบครัวคนดูแลมีแต่ความชิบหาย...
619 หายไปตอนนึงนะ...