ยอดคุณหมอตาวิเศษ นิยาย บท 725

อู๋เป่ยพูดด้วยความประหลาดใจ : “พวกเขาต้องการดูกำแพงหยกไร้อักษรเหรอ เรื่องแบบนี้ ทำไมวัดต้าฉานถึงปฏิเสธไม่ได้”

ซงฮุยถอนหายใจเบาๆหนึ่งที : “พวกเขามาในหน้ากากประลองพุทธศาสนาและศึกษาพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังเดิมพันสมบัติล้ำค่าของญี่ปุ่นอีกด้วย ถ้าหากวัดต้าฉานไม่กล้าตกลง จะต้องถูกพระทั่วโลกหัวเราะเยาะแน่นอน! ดังนั้น พวกเราทำได้แค่ตอบตกลง”

อู๋เป่ยเริ่มสนใจแล้ว : “คนญี่ปุ่นต้องการประลองพระพุทธศาสนาแบบไหน”

ซงฮุย : “การประลองถูกแบ่งออกเป็นสี่ยก ทุกยกของการประลอง แต่ละฝ่ายต้องส่งคนสามคนเข้าร่วม ชนะสองในสาม ฝ่ายที่แพ้จะต้องมอบสมบัติของอีกฝ่ายหนึ่งให้กับอีกฝ่าย”

อู๋เป่ย : “วัดต้าฉานมีรากฐานที่ลึกซึ้ง น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่าใช่ไหม”

ซงฮุยยิ้มอย่างขมขื่น : “ไม่ ไม่มีโอกาสชนะเลย! การประลองสี่ยก ถูกออกเป็นสวดคาถา สวดมนต์ ศิลปะการต่อสู้ พลังแห่งความรอบรู้ ในส่วนของสวดคาถานั้น นิกายเจิงหยินของญี่ปุ่นได้รับการถ่ายทอดอย่างแท้จริงจากถังมี่ และวัดต้าฉานของพวกเราก็ไม่มีใครเทียบได้อย่างแน่นอน! เมื่อพูดถึงศิลปะการต่อสู้อีกฝ่ายได้ส่งพระภิกษุหนุ่มอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เทียนไห่ฉือมา เทียนไห่ฉือนับถือเสี่ยวซีเทียนเหมือนพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง แข็งแกร่งอย่างมาก รุ่นเดียวกัน วัดต้าฉานไม่มีใครสามารถเอาชนะได้”

อู๋เป่ย : “แล้วสวดมนต์และพลังแห่งความรอบรู้ล่ะ”

ซงฮุย : “สวดมนต์ล่ะก็ พวกเรามีโอกาสชนะเจ็บสิบเปอร์เซ็นต์ ท้ายที่สุดแล้ว มีพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงมากมายซึ่งมีคำสอนทางพุทธศาสนาอันลึกซึ้งในวัดต้าฉาน พลังแห่งความรอบรู้เกรงว่าวัดต้าฉานต้องแพ้อีกแล้ว ทางญี่ปุ่น มีเด็กชายคนหนึ่งได้จุติโดยพระโพธิสัตว์ ว่ากันว่า เขาเชี่ยวชาญพลังแห่งความรอบรู้เก้าประการ ซึ่งแต่ละอย่างมีพลังมหาศาล”

อู๋เป่ยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว : “วัดต้าฉานก่อตั้งมาหนึ่งพันกว่าปี คิดไม่ถึงเลยว่าจะสู้พระของญี่ปุ่นไม่ได้เหรอ”

ซงฮุนอับอายอย่างมาก พูด : “หมอเทวดาอู๋ พุทธศาสนาในญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับเสี่ยวซีเทียน ในการเปรียบเทียบ วัดต้าฉานไม่มีความสะดวกด้านนี้!”

อู๋เป่ยถาม : “ประเทศเหยียนหลงมีดินแดนที่กว้างใหญ่ ศาสนาพุทธมีจำนวนผู้ศรัทธามากที่สุดในโลก ทำไมเสี่ยวซีเทียนไม่อยู่ที่นี่”

ซงฮุยพูด : “ประเทศเหยียนหลงของพวกเราเคยมีสถานที่คล้ายกับดินแดนแห่งเซียน เรียกว่า อาณาเขตตถาคต ทางเข้าอยู่ที่วัดต้าเล่ยอิง แต่เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีที่แล้ว ไม่รู้ทำไมอยู่ๆวัดต้าเล่ยอิงก็ปิดตัวลงอย่างกะทันหัน รากฐานของวัดต้าฉานอันยิ่งใหญ่นั้นอยู่ในอาณาเขตตถาคต การยุติการติดต่ออย่างกะทันหันระหว่างทั้งสองฝ่ายส่งผลกระทบอย่างมากต่อวัดต้าฉานของพวกเรา”

อู๋เป่ย : “การประลองสี่ยกของญี่ปุ่นนี้ เอาของอะไรมาเดิมพัน แล้ววัดต้าฉานเอาอะไรไปเดิมพัน”

ซงฮุย : “ประลองการสวดคาถา สมบัติของญี่ปุ่นคือพระธาตุกระดูกพระพุทธเจ้า”

อู๋เป่ยถาม : “พระธาตุกระดูกพระพุทธเจ้ามีค่ามากเลยเหรอ”

ซงฮุยพูดอย่างจริงจัง : “ถ้ามีกระดูกพระพุทธเจ้าอยู่ในวัดต้าฉาน บรรยากาศคงเทียบไม่ได้กับที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน!”

อู๋เป่ยพยักหน้า : “แล้วการประลองศิลปะการต่อสู้ล่ะ”

ซงฮุย : “การประลองศิลปะการต่อสู้นัดนี้ ญี่ปุ่นเอาสมบัติที่เรียกว่าไข่มุกเทียนซินออกมา ว่ากันว่า เดิมทีไข่มุกนี้เป็นของประเทศเหยียนหลงของพวกเรา สมัยที่ญี่ปุ่นบุกประเทศเหยียนหลงของพวกเรา ทำการยึดสมบัตินี้มาจากภูเขาหลงหู ด้วยไข่มุกเทียนซิน จะสัมผัสได้ถึงหัวใจของสวรรค์”

อู๋เป่ย : “สองยกข้างหลัง ญี่ปุ่นเอาสมบัติอะไรมาเดิมพัน”

“สองยกหลังสุด ญี่ปุ่นเอาผู้หญิงสองคนมาเดิมพันยกละหนึ่งคน” การแสดงออกของซงฮุนเขินอายเล็กน้อย

อู๋เป่ยอึ้งไปเลย : “ผู้หญิงสองคนเหรอ”

ซงฮุยพูด : “ตามคำบอกเล่าของนักบวชชาวญี่ปุ่น ผู้หญิงสองคนนี้มีเลือดของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และแต่ละคนมีร่างกายที่พิเศษ ถ้าหากสามารถแต่งงานกันเป็นภรรยาและนางสนมและอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นเวลานาน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ”

อู๋เป่ยอึ้งไปเลย คนญี่ปุ่นนี่เลวจริงๆ

ซงฮุย : “ตอนนี้อาจารย์ทวดกว่างฮุ่ยกำลังปวดหัวว่าจะส่งพระรูปไหนไปประลอง การประลองสี่ยกถ้าหากแพ้สามยก วัดต้าฉานต้องยอมสละกำแพงหยกไร้อักษรให้พระญี่ปุ่นศึกษาเป็นเวลาสามปี”

พูดจบ เขาจ้องมองอู๋เป่ย พูด : “หมอเทวดาอู๋ คุณเคยฝึกฝนวรยุทธตั้งรับที่ดีที่สุด ไม่ทราบว่าสามารถปลอมตัวเป็นพระของวัดต้าฉานได้หรือไม่ ต่อสู้กับเทียนไห่ฉือคนนั้นได้ไหม”

อู๋เป่ยมองซงฮุย พูด : “อาจารย์ซงฮุย นี่เป็นเรื่องของวัดต้าฉานของพวกคุณ คนนอกอย่างผมไม่ควรเข้าไปยุ่งใช่ไหม”

ซงฮุยรีบพูด : “ถ้าหากหมอเทวดาอู๋ชนะ สมบัติทั้งหมดเป็นของคุณ!”

ซงฮุยพูดด้วยรอยยิ้ม : “ถึงเวลาพวกเราก็พูดไปว่า คุณเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ทวดกว่างฮุ่ย”

อู๋เป่ยพยักหน้า : “ยังไงก็ได้ ตอนนี้ผมต้องไปไหน”

ซงฮุย : “หมอเทวดาอู๋ ออกจากประตูนี้ก็พอแล้ว คุณเป็นพระภิกษุของวัดต้าฉานชั่วคราวแล้ว เนื่องจากต้องเผชิญการประลองในครั้งนี้ อยู่ที่หออรหันต์ ดังนั้นคุณต้องไปรายงานตัวที่หออรหันต์ก่อน กลายเป็นพระภิกษุของหออรหันต์ก่อน”

พูดถึงตรงนี้ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม : “รู้ว่าคุณมีความขับค้องใจอยู่ในใจ อีกสักพักไปถึงหออรหันต์แล้ว คุณสามารถท้าทายปรมาจารย์คนใดก็ได้ ท้ายที่สุดแล้วอยากเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้กับญี่ปุ่น ก่อนอื่น ต้องได้รับการอนุมัติจากพระภิกษุที่อรหันต์ก่อน”

หัวใจของอู๋เป่ยเต้นแรง ความหมายของซงฮุยชัดเจนอย่างมาก เขาสามารถใช้โอกาสครั้งนี้สั่งสอนบทเรียนให้กับหยวนเซิงได้

เขาพูดอย่างเย็นชา : “เป็นแบบนี้ดีที่สุด!”

เขาเดินตามซงฮุย มาถึงหออรหันต์

หออรหันต์แห่งนี้ เป็นอาคารขนาดใหญ่ มีห้องพระ ศาลาพุทธ สวน ฯลฯ และมีพระภิกษุหลายร้อยรูป

ในเวลานี้ หออรหันต์กำลังจัดการประชุมฉุกเฉิน ผู้อาวุโสหลายคนของหออรหันต์ดูมืดมนอย่างมาก ถอนหายใจ เมื่อเห็นว่าต้องประลองศิลปะการต่อสู้กับคนญี่ปุ่น แต่หออรหันต์ของพวกเขาไม่สามารถผลิตาพระที่มีพรสวรรค์ที่ดีได้

หลายสิบปีที่ผ่านมา มีช่องว่างในกลุ่มผู้มีความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ที่วัดต้าฉาน ไม่มีพระที่มีความสามารถมาเป็นเวลานาน

ซงฮุยและอู๋เป่ยเข้ามาที่อาคาร เขาพูด : “ทุกท่าน ท่านผู้นี้คือลูกศิษย์ของอาจารย์ทวดกว่างฮุ่ย จี้หมิง”

พระทุกรูปตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์ทวดกว่างฮุ่ยจะรับลูกศิษย์แล้วเหรอ ต้องรู้ว่า กว่างฮุ่ยเป็นหนึ่งในสามอาจารย์ทวดผู้ยิ่งใหญ่ของวัดต้าฉาน ความอาวุโสไม่มีที่สิ้นสุด แน่นอนลูกศิษย์ของเขาก็มีความอาวุโสสูงส่งเช่นกัน

จี้หมิง อู๋เป่ยก็ไม่มีการคัดค้านชื่อนี้เหมือนกัน ยังไงสะใช้แค่ครั้งเดียว ชื่ออะไรก็ไม่เป็นไร