ความดูถูกและเหยียดหยามฉายชัดในแววตาของนาง
ซูเชียนหลิงเห็นเย่อวิ๋นถูโดนลงโทษเช่นนั้น นางก็อดเครียดขึ้นมิได้ หวั่นว่าต่อไปโชคร้ายจะตกมาที่ตนด้วย
แต่คำภาวนาของนางกลับไม่ส่งผล
ซูชิงอู่จะลืมนางไปได้อย่างไร?
ทันใดนั้นนางเปิดปากอีกว่า “ฝ่าบาท ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้หม่อมฉันคือพระชายาอ๋องเสวียน แต่พี่สาวหม่อมฉันนางกลับจงใจลงมือตบตีหม่อมฉัน ฝ่าบาทโปรดตัดสินให้ชิงอู่ด้วยเถอะเพคะ!”
ฮ่องเต้ตำหนิองค์ชายสามไปพักหนึ่ง เพลิงโทสะคราวนี้ก็ลดลงมิน้อยแล้ว
เขาพูดกับซูชิงอู่ใจเย็นอ่อนโยนว่า “อย่างไรนางก็เป็นพี่สาวเจ้า แต่ข้าจะแจ้งอัครเสนาบดีให้เขามาจัดการเรื่องนี้ เจ้าว่าเช่นไร?”
ซูชิงอู่ผงกศีรษะตอบอย่างเฉียบแหลม “ชิงอู่เชื่อฟังฝ่าบาทเพคะ”
ซูชิงอู่รู้ขีดจำกัดของฮ่องเต้
ความฉลาดกมีได้ แต่จะเนรคุณเขาไม่ได้
อนาคตยังอีกยาวไกล นางจะไม่รีบร้อนตอนนี้
ไหล่ของนางไหวแผ่ว เสียงสะอื้นน้อย ๆ ชวนคนสงสารได้เป็นพิเศษประหนึ่งได้รับความไม่เป็นธรรมครั้งใหญ่
เย่เสวียนถิงที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ นางเห็นกิริยานี้ของนางก็ไม่อาจดับเพลิงโทสะในแววตาได้
หากฮ่องเต้ไม่อยู่ที่นี่และมีคนในวังเฝ้าไม่มาก เกรงว่าเขาคงฟาดเย่อวิ๋นถูอย่างโหดเหี้ยมไปเสียแล้ว
ริมฝีปากเม้มเบา ๆ เนตรหงส์คู่นั้นลึกล้ำถึงขีดสุด ทั่วร่างเย่เสวียนถิงเปล่งรัศมีชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัว
ขณะที่ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว เย่เสวียนถิงก็รีบเปิดปากขึ้น
“เสด็จพ่อ แม้อาอู่จะเป็นพี่น้องกับซูเชียนหลิง แต่นางก็เป็นพระชายาของกระหม่อมเช่นกัน พระชายาถูกคนเหยียดหยาม หากกระหม่อมนิ่งดูดายยังจะถือเป็นบุรุษอกสามศอกอยู่หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ย้อนรักทวงแค้น