ตอนที่ 52 ความห่วงใยที่ไม่ชัดเจน
ในตอนนี้ เตชิตอยู่ที่อพาร์เมนต์สุดหรูที่ตั้งอยู่ข้างบริษัท พึ่งจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ได้รับโทรศัทพ์จากธนัท
คิ้วของเขาขมวดแปลกใจเล็กน้อย“นายพูดว่าใครนะ?”
ธนัทพูดยั่วยวนเขา“ก็นัชชาไง ทำไมฟังแล้วรู้สึกว่าแอบซ่อนสาวไปไม่น้อยนะ”
เตชิตไม่มีอารมณ์มาเล่น ถือโทรศัพท์เดินไปที่เครื่องทำน้ำรองแก้วเครื่องรินน้ำฟองออกมา ของเหลวที่กระตุ้นลำคอชั่วขณะ เขาก็พูดว่า
“ฉันไม่ไปนายก็จัดการไปแล้วกัน。”
“เฮ้อคนของนายฉันจะจัดการได้ยังไงหล่ะฉันเห็นเธอดื่มไปไม่น้อยเลยนะคาดว่าน่าจะดื่มไปเยอะพอสมควรเลยนะ นายไม่กลัวว่าระหว่างฉันจะคิดไม่ดีไม่ร้ายหรอ”แม้ว่าธนัทจะไม่ได้ชอบนัชชาเป็นพิเศษแต่เรื่องของความรู้สึกเดิมที่แล้วก็เป็นเรื่องของคนสองคนถึงเตซิตจะชอบความคิดของเขาแต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญแล้ว
ความตั้งใจแต่เดิมแล้ว เขาก็ยังหวังว่าเตชิตจะมา ถึงอย่างไรก็ตามสองวันนี้ที่เขาทะเลาะกับนัชชาคนที่เจอกับความหายนะก็ไม่ใช่เขา ไม่มีอะไรทำก็ให้เขาเข้าประชุมทำงานนอกสถานที่ไปคบค้าสมาคมกับลูกค้าทำให้เหมือนกับคนบ้างาน
การมีความรักก็เป็นประโยชน์ต่อเขา ทำให้หันเหความสนใจ
เตชิตท่าทางที่กำลังจะวางโทรศัพท์“นายกล้า?”
ธนัทก็หัวเราะขึ้น “ในเมื่อนายเป็นห่วงเขาทำไมไม่มาดูเองหล่ะทำแบบนั้นไม่เหนื่อยหรอ……ฮัลโหลฮัลโหล?”
ยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ก็ถูกวางสายไป ธนัทนำโทรศัพท์ออกจากหูแล้วมองดูจอโทรศัพท์“เยือกเย็น。”
นัชชากับเตชิตทั้งสองบ้านนี้อยู่คนคนละทิศทาง เตนัทลอว์เฟิร์มอยู่ที่ตะวันออกสุด อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร ธนัทคำนวณแล้วก็คิดว่าจะไปส่งเธอก่อน มิเช่นนั้นก็ยังต้องขับกลับไปกลับมา
“คุณธนัทขอบคุณมากเลยนะคะ。”ในขณะทางอาการเมาของนัชชาก็เริ่มหายไปก็รู้สึกตัวขึ้นมานิดหน่อยรู้สึกเกรงใจก็กล่าวคำขอบคุณธนัท。
“ไม่เป็นไรครับ。”ประจวบเหมาะขับทันไฟแดงทางแยกพอดีธนัทขับรถมาอยู่ใต้ไฟจราจรเขาหันหัวไปทางเธอช่วงนึง“คุณกับเตชิตช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”
“เอ่อ……”นัชชารู้สึกสับสนและมองไปที่ธนัทไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงดีความสัมพันธ์ของเธอและเตชิตเหมือนกับว่าไม่ใช่เรื่องที่สามารถพูดคุยกับพวกเพื่อนสนิทได้。
ธนัทมองหน้าเธอที่เต็มไปด้วยความสับสนก็ส่ายหัวไปมาอย่างจนปัญญา “ถ้ารู้สึกว่าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรถึงเตชิตเขาจะดูเป็นคนที่เย็นชาแต่แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญต่อความรู้สึกเมื่อคุณเข้าใจมากขึ้นเดี๋ยวคุณก็รู้เอง。”
นัชชาไม่เข้าใจว่าทำไมธนัทต้องพูดกับเธอเรื่องนี้ เธอทำได้เพียงคล้อยตามและพยักหัว“โอเคค่ะ。”
รถขับถึงเตนัทลอว์เฟิร์มก็เกินเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว นัชชาลงจากรถก็ไม่ลืมที่จะกำชับธนัทให้ส่งจินต์ถึงบ้าน
“คุณธนัทคะจริงๆแล้วเพื่อนของฉันเป็นแฟนคลับน้อยๆของคุณนะคะเขารู้สึกเคารพนับถือคุณมากเลยนะคะ。”คำพูดพวกนี้นัชชาไม่ได้พูดโกหกก่อนหน้านี้จินต์เลื่อมใสศรัทธาเขาจริงๆ。
ธนัทนึกถึงตอนที่จินต์ตะโกนเรียกตัวเองว่า อ่อนแอ แบบนั้นก็ไม่ได้จริงใจ แวบมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นที่กำลังนอนอย่างสบายอยู่ที่เบาะหลัง“ไม่ต้องเป็นห่วงครับผมไม่ทิ้งเธอไว้กลางทางแน่นอนคุณรีบเข้าไปเถอะครับ。”
นัชชากล่าวขอบคุณอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ได้หันตัวเดินไปทางประตูทางเข้า。
แสงในยามราตรีไฟข้างทางที่มืดสลัวลมเย็นพัดผ่าน กิ่งของต้นไม้ที่แกว่งไปมา นัชชาอดไม่ได้ที่จะเอาเสื้อผ้าห่อปิดคลุมตัวไว้ ยืนแอบอยู่ที่ประตูแล้วใช้เท้าเปิดประตูหัวไม่หันกลับแล้วแอบย่องเข้าไป
และใต้ต้นไม้หนึ่งที่ไม่ไกลจากประตูมากนัก มีรถเบนซ์จอดอยู่อย่างเงียบๆ ไฟของรถก็ปิดหมด นี่ถ้าไม่ได้ลดกระจกลง คงคิดว่าในรถนั้นไม่มีใครอยู่
ที่พื้นข้างล่างนอกรถก็ยังคงหลงเหลือเศษหัวของบุหรี่ตกไว้และก็ไม่รู้ว่าบุคคลนี้มานานแค่ไหนและรอนานแค่ไหนแล้วมองดูไฟที่คฤหาสน์ทั้งเปิดและจนดับไปจากนั้นรถก็ค่อยขับออกไป
……
นัชชาเมาหนักมาก เมาค้างจนส่งผลทำให้วันที่สองก็ยังคงไม่ตื่น ลืมตาตื่นก็ปาเข้าไปแปดโมงเช้าแล้ว ตอนแปดโมงครึ่งเธอก็ต้องไปทำงานแล้ว
……
กินข้าวไม่ทัน ทั้งเสื้อผ้าก็ไม่มีเวลาที่จะเปลี่ยน ล้างหน้าล้างตาอย่างรีบร้อนออกไป แต่ถึงยังไงเรียกรถไปบริษัทกว่าจะถึงก็เกือบๆเก้าโมงเข้าไปแล้ว
นัชชากระไอกระแอม“ดิฉันดิฉันมาเข้ารับประเมินผลคนทำงานใหม่ค่ะ……”
เสียงพูดหยุดลง ทุกคนขมวดคิ้วขึ้นมาเวทิดาซึ่งเป็นคนผู้นำของเธอก็รู้สึกเสียหน้าบวกกับความรู้สึกส่วนตัวก็วิจารณ์อย่างไร้ความปราณี“รู้ไหมว่าการประเมินผลเริ่มตอนกี่โมง?”
นัชชาสะอึก“แปดโมงครึ่งค่ะ。”
“แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
“……”ที่ถูกถามมานัชชาทำให้นัชชาพูดไม่ออกรู้สึกโกรธตัวเองเสียดายว่าทำไมเมื่อคืนเธอต้องไปดื่มเหล้าด้วยนะ。
“การที่จะเป็นพนักงานมีคุณภาพ พื้นฐานที่สุดคือการ ปฏิบัติตามกฎ และข้อบังคับ การมีแนวคิดของเวลา ถ้าพื้นฐานสุดคุณยังทำไม่ได้งั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการประเมิน”เวดิดาพูดได้โหดร้ายมากเธอไม่ได้ทำเหมือนกับว่าเห็นว่านัชชาเป็นพนักงานของตัวเองเลยด้วยซ้ำ。
อย่าว่าแต่การปกป้องหรือเข้าข้างเลย คนที่ซ้ำเติมก็เป็นคนนั้นที่โหดร้ายที่สุด
ถูกด่าต่อหน้าคนมากมาย เธอที่หน้าหนาที่ถูกต่อว่าก็ยังหน้าแดงเป็นเลือดฝาด เธอโค้งก้มหัวลงเล็กน้อย เพราะเหตุนี้เธอจึงพลาดสายตาของคนที่นั่งอยู่ที่นั่งหลัก
บรรยากาศในห้องประชุมมีความเย็นเล็กน้อยปวิมลมองดูฉากตรงหน้าดูเหมือนเธอไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเยอะก็ชนะนัชชาแล้ว。
คิดแบบนี้ เธอก็มีความรู้สึกดีใจ
เตชิตมองดูร่างของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงประตูแทบจะนิ่งแข็งไม่ไหวติง หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบเลี่ยงเธอวันนี้ที่ได้เห็นเธอรู้สึกว่าผอมลงไปหน่อย หน้าก็ดูผอมลง คางก็ดูเรียวขึ้นมาก
เขาไม่อยู่ ชีวิตเธอก็ผ่านไปอย่างไม่ค่อยดีนัก
พอเขารู้อย่างนี้ทำให้ความทุกข์ปรากฏรอยอยู่ภายในใจเขาเล็กน้อย เขามองที่เวทิดาแวบหนึ่งหลังจากนั้นก็ยังคงโจมตีเธอ หน้านิ่วคิ้วขมวด นิ้วที่วางอยู่บนโต๊ะก็ขยับเล็กน้อย เตรียมพร้อมที่จะพูดแต่ก็มีเสียงผู้ชายดังแทรกขึ้นมา
“เมื่อเช้าวันนี้ผมให้นัชชากลับไปเอาเอกสารมาให้ผม อาจจะทำให้เธอเสียเวลาไปหน่อยในฐานะที่ผมเป็นผู้นำของทนายต้องแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้อนุญาตให้คุณเข้าร่วมการทดสอบได้ครั้งหน้าอย่าเป็นแบบนี้อีกรู้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยั่วรักทนายคนโหด
แจ้งความแม่มเลยค่ะ ลักพาตัว ทำร้ายร่างกาย งงนะ พระเอกนางเอกไม่มีใครด่าเลยว่าทำไมพาเด็กมาโดยไม่ขอก่อน...