บทที่ 224 ฉันต้องการพักผ่อนกี่วันสองวัน
บุริศร์สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เพียงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับลงโทษนรมนด้วยการกัดริมฝีปากอันอวบอิ่มของเธอ
“โอ้ย! บุริศร์ คุณเกิดปีหมาหรือไง?”
“ผมเกิดปีหมาป่า!”
บุริศร์ปล่อยเธออย่างเหี่ยวแห้ง จากนั้นหันตัวเดินไป เหมือนกับหมาป่าตัวน้อยที่กำลังโกรธสุดๆ
อยู่ดีๆนรมนก็หัวเราะ
เหมือนหมาป่าจริงๆ!
ริมฝีปากโดนกัดจนแตก
นรมนเลียเลือดบนริมฝีปากของเธอ เข้าไปกอดที่ด้านหลังของบุริศร์ กระซิบเสียงเบาว่า:“ในใจของฉันมีเพียงคุณ”
ประโยคนี้ทำให้บุริศร์อารมณ์ดีขึ้นมากอย่างเหนือคำบรรยาย
พูดอีกครั้งสิ
เสียงของเขามีความภาคภูมิใจและความสุข
จู่ๆนรมนก็รู้สึกว่าเขาเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง จึงผละออกจากเขา“ไม่พูดแล้ว”
เธอหันตัวกำลังจะเดินออกไป กลับถูกบุริศร์คว้าข้อมือเอาไว้ พลิกตัวหนึ่งทีทำให้เธอติดอยู่ตรงกำแพง
ลมหายใจที่ออกมาจากตรงหน้าเขา มาพร้อมกับกลิ่นอายที่ไม่อาจกีดขวางได้ และทำให้คนถลำเข้าไปในแววตาอันลึกซึ้ง จนทำให้ นรมนรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ
“คุณคิดจะทำอะไร?”
“คุณ!”
บุริศร์ก้มหน้าลง ไม่สามารถอดทนกับความปรารถนาได้อีกต่อไป ความอ่อนโยนที่ซาบซึ้งกินใจ เกือบทำให้นรมนกลายเป็นแอ่งน้ำผุด
เธอไม่รู้ว่าตนเองถูกอุ้มขึ้นมาบนเตียงอย่างไร และไม่รู้ว่าบุริศร์ห่มผ้าให้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงเมื่อลมหายใจถี่ของตนเองสัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ บุริศร์กระซิบข้างหูของเธออย่างแผ่วเบา
“พักผ่อนอยู่ในบ้านเป็นเด็กดี เรื่องทั้งหมดยกให้เป็นหน้าที่ของผมนะ ที่รัก”
ประโยคนี้เหมือนกับขนนกปัดผ่านทรวงอก ทำให้นรมนสั่นเทาเล็กน้อย
เมื่อเธอได้สติ บุริศร์ก็ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แต่กลิ่นอายที่เป็นของเขายังคงล่องลอยอยู่ในอากาศ
นรมนยิ้ม ไม่รู้ว่าตนเองเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ความรู้สึกที่หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆนับวันยิ่งรุนแรง ราวกับการแยกจากกันห้าปีไม่เคยมีอยู่ ความรักอย่างดูดดื่มเช่นนี้ ความรู้สึกที่อยากจะอยู่ด้วยกันทุกวันรุนแรงยิ่งกว่าสิ่งใด รุนแรงเสียจนเธอคิดว่าตนเองอาจจะไม่สบาย
เธอรีบปิดใบหน้าอย่างรวดเร็ว พบว่าใบหน้าร้อนผ่าว ช่างน่าอายเหลือเกิน
นรมนไม่รู้ว่าบุริศร์ไปไหน เมื่อเธอตัดสินใจลุกขึ้น มือถือก็ดังอีกครั้ง
เธอรีบหันไปมองอย่างรวดเร็ว
หมายเลขโทรศัพท์เดียวกันทำให้นรมนหัวใจแทบหยุดเต้น
เธอปัดหน้าจอมือถือทันที เปิดข้อความรูปภาพขึ้นมา ในครั้งนี้ยังคงเป็นรูปภาพของพ่อแม่เธอ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เหมือนถูกคนทุบตี
ดวงตาของนรมนมีน้ำตาคลอเบ้าทันที
“พ่อ แม่……”
นรมนรีบกดโทรกลับไป แต่ยังคงปิดเครื่องเหมือนเดิม
“แกเป็นใครกันแน่? แกต้องการอะไร?”
นรมนโยนมือถือลงบนเตียงด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
เธอไม่กลัวอีกฝ่ายเสนอเงื่อนไข เพราะเพียงแค่เสนอมา เธอก็จะมีหนทางช่วยพ่อแม่ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นเกมแมวแกล้งหนู บางทีถ้าเธอยิ่งร้อนรน ยิ่งอยู่ไม่เป็นสุข อีกฝ่ายจะยิ่งได้ใจ?
อยู่ดีๆนรมนก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เธอเงยหน้าขึ้นทันที มองไปรอบๆตัว ช่วงนี้มักจะรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งแอบมองตนเองอยู่ ไม่อย่างนั้นทำไมอีกฝ่ายจึงวางสายไปโดยไม่พูดอะไร?
ยิ่งคิดแบบนี้ นรมนยังรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้
เธอรีบเปิดประตูวิ่งออกไปด้านนอก ค้นหาไปทุกทีเหมือนคนบ้า แม่กระทั้งค้นหาทุกซอกทุกมุมของสถานพักฟื้นร่างกาย ยังคงไม่พบพนักงานที่น่าสงสัยเหมือนเดิม
หรือว่าเธอเดาผิด?
หรืออ่อนไหวเกินไป?
นรมนกลับมาในห้องผู้ป่วยอย่างตื่นตระหนก จึงพบว่ามือถือวางอยู่บนเตียงไม่ได้พกไปด้วย
เมื่อเธอหยิบขึ้นมาจึงพบว่าหน้าจอกระพริบหนึ่งครั้ง เธอรีบเปิดขึ้น ข้อความด้านบนเขียนว่า:“เป็นอะไรไป?ทนไม่ไหวหรือไง?หาฉันเจอหรือยัง?”
นรมนรู้สึกเสียวสันหลังอย่างฉับพลัน
คนๆนี้อยู่ในสถานพักฟื้นจริงๆ?
ไม่อย่างนั้นทำไมจึงรู้การเคลื่อนไหวของเธออย่างชัดเจนแบบนี้?
เธอเงยหน้าขึ้นทันที มองออกไปข้างนอกอย่างสังหรณ์ใจ แต่ด้านนอกไม่มีอะไร
สายลมยังคงสงบนิ่ง ต้นไม้ยังคงตั้งตรง พืชพันธุ์ดอกไม้ก็ผลิบานอย่างมีชีวิตชีวา แต่หัวใจของนรมนกลับรู้สึกไม่เป็นสุข
ถ้าคนนั้นอยู่ในสถานที่พักฟื้นจริงๆ กมล กิจจา คุณนายโตเล็ก แม้กระทั่งความปลอดภัยของเธอจะได้รับผลกระทบ
อีกฝ่ายสามารถลักพาตัวพ่อแม่ของเธอไปอย่างเงียบๆ จะมาลักพาตัวลูกของเธอไปอย่างเงียบๆอีกหรือเปล่า?
แท้จริงแล้วเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออะไร
แท้ที่จริงเธอต้องการทำอะไร
นรมนเดาไม่ออก รู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง
เธอไม่ได้วาดภาพมานานมากแล้ว เนื่องจากการหายตัวไปของกานต์ เธอจึงไม่มีกะจิตกะใจ แต่ตอนนี้เธอจำต้องหยิบพู่กัน เพราะหากไม่วาดภาพ เธอจะไม่สามารถสงบจิตใจได้ ไม่รู้ว่าควรทำอะไรถึงจะทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์ ไม่กระวนกระวายใจ
พู่กันในมือของเธอโบกไปมา อย่างเชื่องช้า นรมนเข้าสู่สมาธิ เริ่มวาดโครงร่างออกมา
เธอยังจำภาพการออกแบบโครงร่างรถยนต์ของตนเองได้ ถึงแม้จะได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการตระกูลวัชโรทัยแล้ว แต่ตอนนี้ตระกูลวัชโรทัยกับตระกูลโตเล็กทะเลาะกันจนกลายเป็นแบบนี้ การร่วมมือครั้งนี้คงจะต้องหยุดแค่นั้น ส่วนต้นฉบับของนรมนถูกเก็บไว้กับคณะกรรมการตระกูลวัชโรทัย
สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ ตระกูลโตเล็กจัดหากำลังคนและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อมาเข้าร่วม วันนี้ความร่วมมือยุติลงอย่างกะทันหัน เธอรู้สึกว่าตนเองมีส่วนต้องรับผิดชอบอย่างมาก
ไม่ต้องพูดว่าบุริศร์สูญเสียเงินเท่าไหร่ นักออกแบบเหล่านั้นและไหนจะพนักงาน การทำงานอย่างหนักในช่วงนี้ก็นับว่าลงแรงไปอย่างเสียเปล่า
คิดถึงตรงนี้ เธอตัดสินใจออกแบบรถยนต์ใหม่ ให้ละเอียดสวยงามกว่าต้นแบบที่ให้ตระกูลวัชโรทัย แถมยังนำไปใช้ได้จริง อาจจะสามารถทำกำไรให้แก่ตระกูลโตเล็ก
นรมนสงบนิ่ง ทันใดนั้นในสมองก็ปรากฏสไตล์การวาดภาพของชินทร
ในความเป็นจริงสไตล์การวาดภาพของเธอแตกต่างกับชินทร แต่ภาพวาดของเขามักให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่เธอ
เมื่อนึกถึงชินทร นรมนคิดถึงภาพวาดนั้นที่เอามาจากตระกูลทวีทรัพย์ธาดาอีกครั้ง
รเมศเอาภาพนั้นไป แต่นรมนยังสามารถจำใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นบนรูปได้ดี แม้แต่สีหน้าที่ปรากฏยังติดอยู่ในภาพจำของเธอ
ทำไมถึงได้คล้ายแบบนั้น?
เธอสาบานว่าไม่เคยเจอผู้หญิงคนนั้นมาก่อน และเห็นได้ชัดเจนว่า พวกเธอเกิดกันคนละยุคสมัย แต่ทำไมถึงได้คล้ายแบบนั้น?
บนโลกใบนี้มีที่คนที่คล้ายคลึงกันแบบนี้จริงหรือ?
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?
มีความเกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า?
โดยไม่รู้ตัว ภาพเหมือนก็ปรากฏภายใต้พู่กันของนรมน คล้ายกับภาพเหมือนของผู้หญิงคนนั้น เหมือนกับที่เธอเคยเป็นมาก่อน
นรมนมองไปที่ภาพเหมือนด้วยความงุนงงเล็กน้อย
เธอควรจะโทรไปถามธรณีหรือเปล่า ว่าผู้หญิงคนนี้แท้จริงแล้วมีสถานะอย่างไร?
นรมนสองจิตสองใจ แต่ในที่สุดก็ไม่ได้โทรไป เพราะรู้สึกว่าตนเองนำของจากห้องภาพของชินทรไปโดยพลการไม่มีมารยาทสุดๆ
เธอเก็บงำความรู้สึกสงสัยของตนเอง เก็บภาพวาดคนรูปนั้น และบังคับตนเองให้มีสมาธิเพื่อจินตนาการถึงรถยนต์รุ่นใหม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ออก กลับจะคิดถึงใบหน้าที่มีเมตตาและอ่อนโยนของพ่อแทน
พ่อ!
นรมนกระวนกระวายใจ ไม่สามารถทำอะไรได้ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พ่อกับแม่ต้องเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างไร ความรู้สึกที่ไร้ความสามารถทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
และดวงตาในความมืดก็ติดตามเหมือนเป็นเงา ทำให้นรมนจิตใจไม่สงบ
เธอลุกขึ้นเปิดประตู ด้านนอกไม่มีใคร แต่เธอกลับรู้สึกว่าด้านนอกมีคนกำลังเฝ้าติดตามเธออย่างใกล้ชิด
ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นรมนไม่สบายใจอย่างยิ่ง เธอต้องออกมาข้างนอกพร้อมกับกระดานวาดภาพ แต่ในขณะนี้ มีคนๆหนึ่งเดินตรงมาหาเธออย่างกะทันหัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...