แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 231

“ในเมื่อเจ้าอยากเรียนทำชานม ก็เรียนไปก่อน ส่วนหน้าของเจ้า ข้าจะคิดหาวิธีเอง ไม่ต้องทาของพวกนั้นแล้ว มันทำร้ายผิว”

ในที่สุด ลั่วเสี่ยวปิงก็พูดเช่นนั้น 

ที่นางพูดเช่นนี้ ก็เพราะในใจของนางมีความคิดอยู่ตั้งนานแล้ว

สี่เวทมนต์ใหญ่ของเอเชียไม่ใช่ว่ามีวิชาแต่งหน้าหรือ? จะทำให้คนที่หน้าตาดีคนหนึ่งเปลี่ยนเป็นธรรมดาหน่อยเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว

ในฐานะที่นางเป็นหมอปรุงยา แน่นอนว่าต้องเคยลองทำผลิตภัณฑ์เสริมความงามอยู่แล้ว และในเมื่อเคยทำผลิตภัณฑ์เสริมความงาม นางจะต้องค้นหาเครื่องสำอางค์อะไรทำนองนี้ได้แน่นอน

สิ่งที่ซับซ้อนนั้นลั่วเสี่ยวปิงทำไม่ได้ แต่ของง่ายๆอย่างแป้งฝุ่น ผงเขียนคิ้วนั้นนางจะทำไม่ได้เชียวหรือ?

แต่ในเมื่อมีชุยอินฮวาเป็นคนเริ่มต้น นางจึงรู้สึกว่าตัวเองก็สามารถเปิดร้านเสริมสวยได้

อื้ม…แน่นอน รอให้นางจัดการเรื่องในมือก่อนค่อยว่ากัน

แล้วก็สามวันติดต่อกันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงต้องดูแลทั้งร้านหม้อไฟ แล้วยังต้องสอนทำชานม อบขนม ทำซาลาเปาใส้ซุป สรุปคือยุ่งจนหัวหมุนไปหมด

โชคดีที่ผลิตภัณฑ์จากการสอนของลั่วเสี่ยวปิงที่ยังไม่สมบูรณ์มากนักได้รับการตอบรับที่ดี หลังจากที่ได้ลองกินในร้านหม้อไฟ และพวกเขายังได้ประชาสัมพันธ์ร้านขนมและร้านชานมที่อยู่ด้านหลัง จนลูกค้าถามทุกวันว่าร้านชานมและร้านขนมเปิดได้เมื่อไหร่

ในช่วงสามวันนี้ เรื่องทำน้ำซุป ลั่วเสี่ยวปิงสามารถมอบหมายให้พานหยิงหยิงจัดการได้ทั้งหมดแล้ว และระหว่างที่ยุ่ง สีหน้าของพานหยิงหยิงก็เหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ

เกี่ยวกับทุกอย่างในร้าน ลั่วเสี่ยวปิงมอบหมายให้ชุนวังจัดการ

หลังจากสังเกตมาหลายวัน ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกว่าความสามารถของชุนวังนั้นไม่เลว ดังนั้นจึงตั้งเขาเป็นผู้จัดการร้าน

ด้านหนึ่งดำเนินธุรกิจ อีกด้านหนึ่งลั่วเสี่ยวปิงก็ได้ปลูกฝังแนวคิดของร้านบุฟเฟ่ต์สมัยใหม่บางอย่างให้กับชุนวังด้วย แล้วให้ชุนวังไปฝึกลูกน้องอีกที หลังจากปิดร้านทุกวัน จะใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเพื่อฝึกพนักงานในร้าน แล้วผลลัพธ์ก็ไม่เลว

ช่วงเวลาสามวัน ทุกอย่างก็นับว่าเริ่มเข้าที่เข้าทาง สิ่งต่อไปที่ลั่วเสี่ยว

ปิงกังวลก็มีแต่เครื่องปรุงและเรื่องบัญชี

บัญชีของร้านเมืองแห่งอาหารลั่วเสี่ยวปิงวางแผนเอาไว้นานแล้ว คิดจะให้จางต้าฉวนช่วย อย่างไรเสียจางต้าฉวนก็ตกงานเพราะนาง นางควรจะชดเชยให้เขา

แน่นอนว่ารวมถึงท่าทางที่น่าเชื่อถือของลุงต้าฉวน และประสบการณ์หลายปี

แต่ก็เพราะเรื่องของจางเสี่ยวเหม่ย ลุงต้าฉวนจึงตัดสินใจจะอยู่ในหมู่บ้านกับป้าเฉิน ไม่เข้ามาหางานในเมืองอีก

แน่นอน ลุงต้าฉวนก็รู้ดีว่าถึงแม้ว่าเขาจะหางานทำในเมืองก็ไม่ได้ เพราะสาเหตุคือไม่มีใครกล้าใช้งานเขา

ถึงแม้ว่านางจะกล้าใช้งานเขา แต่เนื่องจากลุงต้าฉวนตัดสินใจกลับไปที่หมู่บ้าน นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ ทำได้แต่เตรียมการอย่างอื่น

นางกำลังจะตั้งโรงงานเครื่องปรุงรสในหมู่บ้าน เพราะนางนางเป็นคนที่ทำเครื่องปรุงต้องทำจนตัวเองเหนื่อยตายให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคตปริมาณความต้องการของเครื่องปรุงหม้อไฟ ปิ้งย่าง และหมาล่าทังคงจะเพิ่มมากขึ้น การทำโรงงานเครื่องปรุงจึงเป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น

ในเมื่อลุงต้าฉวนกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว ถ้าอย่างนั้นบัญชีของโรงงานนางย่อมให้เขาช่วย

สำหรับบัญชีของร้านเมืองแห่งอาหาร ลั่วเสี่ยวปิงจะให้ชุยฮุยทำหน้าที่แทน

เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงก็เตรียมพาชุยฮุยกลับหมู่บ้าน เพราะนางอยากจะทำโรงงานเครื่องปรุง เครื่องปรุงก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก ในโรงงานย่อมขาดแคลนคนของตัวเองไม่ได้

แต่ในเวลานั้นชุยฮุยกลับบอกว่าเขาเคยทำงานบัญชี ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงคิดจะใช้ประโยชน์จากเขา ให้ชุยฮุยทำบัญชีของร้านเมืองแห่งอาหาร

ดังนั้นจึงทำให้ลั่วเสี่ยวปิงตัดสินใจให้หลินหย่งเฟิงและเจิ้งติงหลานทั้งคู่ดูแลเรื่องเครื่องปรุง เมื่อถึงเวลาเปิดโรงงานก็จะให้คนในหมู่บ้านมาทำงาน และกระบวนการสำคัญของเครื่องปรุงก็ให้หลินหย่งเฟิงทั้งสองคนคอยดูแล

อย่างไรก็ตาม รถม้าไม่หยุดเพราะเสียงตะโกนของพวกเขา แล้วมุ่งหน้าไปยังบ้านของลั่วเสี่ยวปิง อย่างราบรื่นและสม่ำเสมอ ชาวบ้านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไล่ตามรถม้า

ทางเข้าหมู่บ้านอยู่ไม่ไกลจากประตูของลั่วเสี่ยวปิง เพียงไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น

เมื่อลั่วเสี่ยวปิงและพรรคพวกของนางทั้งหมดลงจากรถม้า ชาวบ้านก็มาถึงแล้ว

“พอหาเงินได้แล้วก็เป็นวัวลืมตีน เรียกยังไงก็ไม่หยุด”

ในตอนนั้นเอง ก็มีคนพูดอะไรแปลกๆออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงมองไปยังทิศทางของเสียง แต่กลับเห็นว่าผู้พูดคือหวังจินเสียพี่สะใภ้ของจางเสี่ยวหลิง เพื่อนบ้านของครอบครัวจางเอ้อหลาง

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับหวังจินเสียนี่เท่าใดนัก ดังนั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่หวังจินเสียพูดแบบนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็สวนกลับทันที “อะไรเรียกว่าวัวลืมตีน? ไม่ได้หยุดรถม้าที่ปากทางเข้าหมู่บ้านก็เป็นวัวลืมตีนแล้วหรือ?”

หวังจินเสียถูกลั่วเสี่ยวปิงสวน แต่ก็ไม่ได้คิดหยุดพูด กลับโต้กลับไปตรงๆ “ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ได้หยุดรถม้าที่ปากทางเข้าหมู่บ้านก็เป็นวัวลืมตีน แต่พวกเราทั้งหมดก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันมาหลายปี เจ้าได้ยินพวกเราหลายคนเรียกเจ้าเพราะมีเรื่อง แต่เจ้ากลับไม่หยุดรอเรา นี่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นคนจนอย่างพวกเราอยู่ในสายตาหรือ?เจ้าอย่าลืมสิว่าเราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน”

ตอนนี้หวังจินเสียลืมไปแล้วว่าลั่วเสี่ยวปิงไม่ใช่คนที่จะโดนรังแกง่ายๆเหมือนเมื่อก่อน

เป็นเพราะก่อนหน้านี้ปากมากไปสองสามหน ทำให้นางต้องโดนดีไปไม่น้อย จนตอนนี้นางไม่ได้ใช้วิชาฝีปากมานานแล้ว กลั้นจนใจสั่น ตอนนี้จับเรื่องผิดของลั่วเสี่ยวปิงได้ อย่างไรก็ต้องเอาใหหนำใจสักหน่อย

ลั่วเสี่ยวปิงฟังคำพูดของหวังจินเสีย จากนั้นก็เหลือบมองชาวบ้านคนอื่นๆและเห็นว่าในแววตาของหลายคนฉายแววไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วยกับคำพูดของหวังจินเสีย

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ดวงตาของลั่วเสี่ยวปิงก็ความเย็นชาขึ้นเล็กน้อย

ช่วงนี้นางยุ่งกับเรื่องต่างๆมากมาย คนพวกนี้ก็คิดว่านางรังแกง่ายจริงๆหรืออย่างไร?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง