“พวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้า?” ลั่วเสี่ยวปิงกวาดมองทุกคนและในที่สุดก็มองไปที่หวังจินเสีย
“ใช่แล้ว พวกเรา…”
“ในเมื่อพวกเจ้ามีเรื่องอะไรกับข้า อย่างนั้นก็ต้องขอร้องข้า ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คนที่ต้องการขอความช่วยเหลือจะเอาแต่ใจได้เช่นนี้ แล้วคนที่จะขอความช่วยเหลือยังต้องยอมพวกเขาอีก” ลั่วเสี่ยวปิงไม่รอให้หวังจินเสียพูดจบ ก็เยาะเย้ย
หากตอนนี้นางยังไม่ปรากฏตัว คนพวกนี้จะยังไม่ตามไปที่ประตูบ้านนางเหมือนเดิมหรือ?
แค่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวแล้วไม่ได้หยุดรอพวกเขา พวกเขาก็อ้างศีลธรรมพวกนั้นว่าลั่วเสี่ยวปิงดูถูกคนจน คิดว่านางรังแกได้ง่ายๆจริงหรือ?
หากนางได้ชื่อว่าดูถูกคนจนจริงๆ ไม่รู้ว่านางจะต้องเจอปัญหาอีกมากแค่ไหนในอนาคต
ไม่ว่าจะยุคไหน คนที่เกลียดคนรวยก็ไม่เคยหมดไป ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นคนที่เปลี่ยนจากคนจนเป็นคนรวย คนก็จะยิ่งอิจฉาง่ายขึ้นไปอีก
ทำไมกัน?
เพราะนางไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพล จึงรังแกง่ายกว่าคนที่มีภูมิหลังร่ำรวยหรือ
อย่างน้อยภายนอกก็เป็นอย่างนั้น
ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ในเวลานี้นางจึงต้องเข้มแข็ง
เมื่อชาวบ้านเห็นว่าสีหน้าของลั่วเสี่ยวปิงไม่สู้ดี ก็กลัวว่าจะเป็นการทำลายแผนการในวันนี้
ของพวกเขา จึงมีคนตะโกนใส่หวังจินเสียในทันทีว่า “หวังจินเสีย เจ้าเป็นอะไรของเจ้า? ก็แค่เดินอีกนิดหน่อย เจ้าจะเหนื่อยตายหรือยังไง?”
“นั่นสิ ทุกครั้งเจ้าก็เรื่องเยอะที่สุด แน่จริงก็อย่ามาสิ”
“หากเจ้าทำลายเรื่องดีๆของเรา ข้าจะให้จางต้าโถวเลิกกับเจ้า”
เดิมทีหวังจินเสียยังเจ็บใจยังคิดจะพูดอย่างอื่นอีก แต่คำพูดสุดท้ายนั่นก็ทำให้หวังจินเสียหุบปากฉับ
แค่สายตาที่มองลั่วเสี่ยวปิงมีความประสงค์ร้ายอยู่บางส่วน
ลั่วเสี่ยวปิงเคลื่อนเส้นสายตาออกจากหวังจินเสีย สีหน้าเรียบ ไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางประสงค์ร้ายของหวังจินเสีย
แน่นอนว่าลั่วเสี่ยวปิงเองก็ไม่ได้ถามว่าที่ชาวบ้านมาหานางมีอะไรกันแน่?
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเงียบลงเล็กน้อย และชาวบ้านก็ยังไม่พูดอะไร ลั่วเสี่ยวปิงจึงหันไปเคาะประตู
ในตอนนั้นเอง อันอันและเล่อเล่อเมื่อพวกเขาได้ยินการเคลื่อนไหว พอเปิดประตู ก็เห็นคนจำนวนมากยืนอยู่ที่ประตู เด็กสองคนก็ไม่ขยับ ทำเพียงแค่ยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วมองไปยังมารดาของตน
“เสี่ยวปิง ช้าก่อน!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีคนเอ่ยปากเรียกลั่วเสี่ยวปิง
ทุกคนมองไปที่คนนั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นจึงมองดูลั่วเสี่ยวปิงด้วยตาปริบๆอีก
ลั่วเสี่ยวปิงหยุดแล้วมองไปยังคนพูด
สิ่งที่ทำให้ลั่วเสี่ยวปิงแปลกใจก็คือ คนที่พูดคือแม่หม้ายหลี่ แม่ของเหยียนขวน ที่ไม่ปรากฏตัวต่อหน้านางเป็นเวลานาน
แต่หลังจากแปลกใจครู่หนุ่งแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็กลับคืนสู่ความสงบ ราวกับไม่เคยมีเรื่องกับแม่หม้ายหลี่มาก่อน
แม่ม่ายหลี่รู้สึกโล่งใจอย่างมากเมื่อเห็นท่าทางปกติของลั่วเสี่ยวปิง แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “นี่เสี่ยวปิง คืออย่างนี้ ได้ยินมาว่าผักที่เจ้าให้พวกคนหมู่บ้านเฉินเจียปลูกขายได้ราคาสูงหรือ?”
ลั่วเสี่ยวปิงเดาจุดประสงค์การมาของทุกคนออกแต่แรกแล้ว ดังนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงไม่แปลกใจสักนิดเกี่ยวกับคำถามของแม่ม่ายหลี่ นางจึงเพียงแค่พูดเรียบ ๆ “พอขายได้”
คำพูดนี้ค่อนข้างสงวน ไม่ได้บอกว่าขายได้ราคาสูง
แต่ช่วงนี้ชาวบ้านเองก็เข้าไปในเมืองด้วย ย่อมรู้สถานการณ์ปัจจุบันในเมืองเป็นอย่างดี ดังนั้นที่ลั่วเสี่ยวปิงบอกว่า “พอขายได้” จึงถูกพวกเขาเข้าใจว่า “ขายได้ราคาสูง” อัตโนมัติ
เมื่อฉันได้ยินว่าชาวบ้านมาล้องอยู่ที่ลั่วเสี่ยวปิงที่นี่ จางเต๋อหวั่งก็รีบมาทางด้านนี้อย่างรีบร้อน
ตอนนี้เขาเห็นได้ชัดเจน เสี่ยวปิงเป็นเด็กที่มีความสามารถ และในอนาคต
การพัฒนาของหมู่บ้านต้องอาศัยเสี่ยวปิง
เพียงแต่คนในหมู่บ้านไม่มองการไกล อย่าอื่นเขาไม่กลัว แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือลั่วเสี่ยวปิงจะถูกคนเหล่านี้ล่วงเกิน ถ้าถึงเวลานั้นลั่วเสี่ยวปิงย้ายออกจากหมู่บ้าน นั่นจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่จางเต๋อหวั่งพูดออกมา ก็มีคนพูดอย่างหน้าด้านว่า “ผู้ใหญ่บ้านท่านพูดอะไรน่ะ ทำไมบ้านของพวกเราจะไม่มีที่อยู่กัน?ไม่ใช่เพราะได้ยินว่าเสี่ยวปิงเพาะปลูกผักในโรงเรือนกระจกอยู่หมู่บ้านเฉินเจียข้างๆเราแล้วทำเงินได้มากมาย ถึงได้มาขอร้องให้เสี่ยวปิงพาทุกคนร่ำรวยไปด้วยกันไม่ใช่หรือ?”
“ใช่แล้วผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวของท่านทำโรงเรือนกระจกตามเสี่ยวปิงไป นั่นเป็นหนึ่งเดียวในหมู่บ้าน ประโยชน์อะไรคงให้บ้านท่านเอาไปหมดไม่ได้กระมัง?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ก็ไม่น่าฟังบ้างแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำพูดเหล่านี้ยังระบุโดยตรงว่าครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านครอบครองของดีไปหมด ทำให้สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านจางเต๋อหวั่งมืดลงทันที
อย่างไรก็ตามในเวลานั้น แม่ม่ายหลี่ก็พูดกับลั่วเสี่ยวปิงอีกครั้ง “เสี่ยวปิง เจ้าเกิดและเติบโตในหมู่บ้านของพวกเรา เจ้าจะช่วยหมู่บ้านอื่นไม่ช่วยหมู่บ้านของตัวเองไม่ได้นะ อาจจะถูกด่าว่าอกกตัญญูได้”
ในตอนแรกคำพูดข้างต้นลั่วเสี่ยวปิงฟังแล้วก็ไม่ได้อะไร
อย่างไรก็ตามทุกคนก็เป็นคนธรรมดาๆ ใครจะไม่อยากสร้างผลประโยชน์ให้ครอบครัวตัวเอง?
แต่ ไม่ควรก็คือไม่ควร คนพวกนี้ไม่เข้าใจสถานการณ์ อ้างศีลธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามบังคับให้นางจัดหาทักษะสำหรับปลูกผักให้พวกเขา
แต่พวกเขากลับลืมไป ตอนแรกเพื่อตอบแทนชาวบ้านนางได้ให้โอกาสพวกเขาแล้ว แต่พวกเขาไม่ไว้วางใจในตัวนางและปฏิเสธไป
ไม่เชื่อใจนางก็ช่างเถอะ แต่คำถากถางในตอนนั้น นางก็ได้ยินมาไม่น้อย
พอตอนนี้รู้แล้วว่าโรงเรือนกระจกของนางทำเงินได้ ก็จะทำเป็นว่าเรื่องนี้มันไม่มีอยู่จริงงั้นหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...