หลังจากฉีเทียนเห้าจากไป ลั่วเสี่ยวปิงก็ยุ่งมากขึ้น
นางให้คนรอบข้างซื้อเมล็ดพันธุ์ธัญพืชหลากหลายชนิด และเริ่มปลูกในสเพซทุกวัน และเก็บเกี่ยวในทุกๆกลางคืน
นอกจากนี้ นางยังเปิดโรงงานสบู่แห่งหนึ่ง และเปิดหอเหมยเซียงอีก
เกือบทุกครัวเรือนในหมู่บ้านต่างก็มีคนมาทํางานในโรงงานสบู่ แน่นอนว่าต้องลงนามข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูลก่อน หากความลับถูกเปิดเผย ก็แจ้งศาลโดยตรงเลย
ประชาชนต่างก็กลัวข้าราชการกัน ดังนั้นทุกคนต่างก็ซื่อสัตย์กันหมด
ฤดูหนาวที่เหน็บหนาว ชาวบ้านมีงานที่สร้างรายได้ ทุกคนต่างก็ซาบซึ้งต่อลั่วเสี่ยวปิงมากยิ่งขึ้น
ทันทีที่สบู่เปิดตัวในหอเหมยเซียง ก็ขายได้ดีมาก
ลั่วเสี่ยวปิงจึงให้เงินให้จางเอ้อหลาง ให้จางเอ้อหลางไปเปิดโรงงานสบู่ใหม่ที่ทางใต้ และถือโอกาสให้จางเอ้อหลางไปซื้อบ้านที่ทางใต้เพื่อปลูกเมล็ดธัญพืช
เพราะถ้าหากจะสู้รบจริง ของกินก็จะกลายเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด เก็บเมล็ดพืชไว้เยอะๆไม่ผิดแน่นอน
ให้จางเอ้อหลางไปเองลั่วเสี่ยวปิงไม่ไว้ใจแน่นอน ดังนั้นจึงให้อั้นปาไปปกป้องเขาโดยเฉพาะ
หลังจากจัดการสิ่งเหล่านี้เสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็ได้เชิญเด็กสาวอายุสิบกว่าปีมาอีกสองสามคน สอนให้พวกเขาทําผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทําขึ้นด้วยมือ ซึ่งก็นำออกขายในหอเหมยเซียงด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าผู้หญิงเหล่านี้ก็ต้องลงนามในข้อตกลงการรักษาความลับด้วย
ในเวลาเพียงครึ่งเดือน หอเหมยเซียงของลั่วเสี่ยวปิงก็ขายจนได้รับคำชมมากมาย ลั่วเสี่ยวปิงก็ขายได้กำไรเยอะมาก
เพียงแต่ว่าพึ่งได้กำไรมา ไม่นานลั่วเสี่ยวปิงก็ใช้มันไปแล้ว หาเงินเหมือนน้ำไหล และการใช้จ่ายเงินก็ยิ่งเหมือนดั่งน้ำไหล
หลังจากกังวลไปครึ่งเดือน ลั่วเสี่ยวปิงก็ผอมลงอย่างเยอะ ซึ่งทําให้ลูกทั้งสองสงสารยิ่งนัก
ในวันนี้ ลั่วเสี่ยวปิงกําลังจะออกไป ลูกทั้งสองก็หยุดลั่วเสี่ยวปิงเอาไว้
"ท่านแม่ ท่านรอก่อน" เล่อเล่อเอ่ยปาก
ลั่วเสี่ยวปิงมองดูลูกทั้งสองคนด้วยใบหน้าที่งุนงง "มีอะไรเหรอ?"
"ท่านไม่ทานอาหารเช้า" อานอานเอ่ยด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
เล่อเล่อก็เดินไปดึงมือของลั่วเสี่ยวปิงไว้ "ท่านแม่ ท่านไม่ได้ทานข้าวกับพวกข้ามานานแล้ว พวกข้าไปทานอาหารเช้าด้วยกันดีไหม"
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง หลังจากการเตือนของเล่อเล่อ นางจึงค่อยนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้นางยุ่งเกินไปจริง หลายครั้งก็ออกเช้ากลับค่ำ แม้แต่เวลาคุยกับลูกสองคนดีๆยังไม่มีเลย ยิ่งอย่าพูดถึงทานข้าวด้วยเลย
ทันใดนั้นในใจของลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกผิดทันที "ได้จ้ะ แม่จะทานอาหารเช้ากับพวกเจ้า"
จากนั้นอานอานกับเล่อเล่อก็จูงลั่วเสี่ยวปิงไปที่ห้องอาหาร และให้ลั่วเสี่ยวปิงนั่งลงโดยตรง โดยบอกว่าพวกเขาจะมายกอาหารมา
จากนั้นเมื่อลูกสองคนปรากฏตัว ในมือของอานอานก็ถือชามบะหมี่เอาไว้ และในมือของเล่อเล่อก็ถือชามเกี๊ยวเอาไว้
แต่เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเห็นบะหมี่และเกี๊ยวนั้น คนทั้งคนก็อึ้งไปหมด
"ท่านแม่ ข้าทำราเม็งไม่เป็น จึงใช้มีดตัดมัน" อานอานเอ่ยปากแล้วหันมองเล่อเล่อ "บะหมี่เป็นข้ากับน้องทำเอง และเกี๊ยวก็เป็นพวกข้าห่อเอง"
ในใจของลั่วเสี่ยวปิงก็ยิ่งรู้สึกทึ่งไปอีก
เด็กสองคนนี้ อายุเพียงห้าขวบ กลับทำบะหมี่และเกี๊ยวเพื่อนาง?
นางเองก็รู้สึกไม่น่าเชื่อเลย
แต่นอกเหนือจากการไม่น่าเชื่อแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือน่าประทับใจมากกว่า
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาทันที "แม่ขอโทษ……"
นางเองที่เป็นคนมัวแต่หาเงินจนลืมลูกสองคนไป
มันเป็นเพราะนางกังวลเกี่ยวกับเรื่องสงคราม ดังนั้นนางจึงพยายามหาแต่เงิน เพื่อเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าทั้งหมด
แต่นางกลับเมินลูกไป และยิ่งเมินสิ่งที่ฉีเทียนเห้าได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ สักพักครึ่งนี้ยังจะไม่มีสงครามแน่นอน นางยังมีเวลาเตรียมตัวสําหรับสิ่งเหล่านี้ นางสามารถทำมันอย่างช้าๆได้
หลังจากมาถึงโลกนี้ นางทำอะไรก็พึ่งพาตัวเอง นางทําคิดเสมอว่าจะค่อยๆฝึกฝนคนเก่งออกมาแล้วค่อยๆ ปล่อยมือไป เช่นจางเอ้อหลาง
แต่หลักการแรกนั้นก็คือ ในตอนแรกนางไม่คิดเลยว่าอาณาเขตธุรกิจของนางจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ เร็วมากจนนางยุ่งไม่ได้พักเลย
เพราะการเตือนของเด็กสองคน นางจึงพึ่งได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน ดังนั้นจึงอยากให้หนานซิงรีบช่วยหาคน
แต่ทำไมถึงให้หนานซิงหาคน?
ฉีเทียนเห้าให้หนานซิงอยู่ไว้ที่นี่ ก็เพื่อให้นางเรียกใช้งานไม่ใช่เหรอ?
และตัวตนของฉีเทียนเห้าก็ไม่ธรรมดา หนานซิงที่อยู่ข้างกายเขานั้นก็ต้องไม่เลวแน่ ให้เขาไปหาคน นางเชื่อว่าจะหาคนที่ทำให้นางพอใจได้แน่นอน
หนานซิงตกตะลึงแล้วพูดทันทีว่า "มีขอรับ ข้าน้อยจะไปหาคนเหล่านั้นมาเดี๋ยวนี้เลยขอรับ"
ประสิทธิภาพของหนานซิงนั้นเร็วมาก และในเวลาเพียงไม่กี่วัน หนานซิงก็พาคนมาแล้ว
นอกจากสองคนที่เป็นวัยกลาง อีกสามคนล้วนอยู่ในช่วงอายุสามสิบกลางๆ
หนึ่งในนั้นคนี่ชื่อว่าหร่วนซื่อนั้นบังเอิญเป็นคนทำแป้งทาหน้าพอดี ลั่วเสี่ยวปิงจึงมอบเรื่องแป้งนี้ให้เขาดูแล
ส่วนคนอื่นๆ คนหนึ่งชื่อฟานรุ่ย คนหนึ่งชื่อหลี่ต้า คนหนึ่งชื่อฮันหลิน และอีกคนหนึ่งชื่อเผยชาน
หลี่ต้าที่มีอายุมากหน่อยนั้นเคยจัดการบ้านเรือน เผยชานรู้จักเภสัชวิทยาบาง ลั่วเสี่ยวปิงจึงเอาสองคนนี้ไว้ก่อน
ส่วนอีกสองคนนั้น ฟานรุ่ยเคยเป็นนักบัญชี ความสามารถก็ไม่เลวและยังเคยเดินทางไปที่ต่างๆอีก ลั่วเสี่ยวปิงจึงให้เขาทำการบัญชีแยกประเภททั่วไป
ส่วนจางต้าฉวน เพราะมีความรู้น้อย และมีความสามารถจํากัด จึงสามารถทําได้เพียงการแยกบัญชีเท่านั้น ซับซ้อนเกินไปก็ไม่สามารถทําได้
ส่วนฮันหลินก็รับตำแหน่งพ่อบ้าน ดูแลจัดการเรื่องทุกอย่างทั้งภายในและภายนอก
หลังจากจัดเรื่องเหล่านี้เสร็จ ลั่วเสี่ยวปิงก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ก่อนตัวเองจะได้พักผ่อนก็ไม่ง่าย จึงไม่วิ่งออกไปข้างนอกทุกวันอีกต่อไป มากที่สุดก็แค่พาอานอานและเล่อเล่อไปที่หุบเขาหรือไปเดินเล่นที่โรงงาน แม้ชีวิตจะน่าเบื่อ แต่ก็สบายในมากนัก
วันนี้ลั่วเสี่ยวปิงเพิ่งพาลูกสองคนไปเด็ดผลไม้ในหุบเขากลับมา และในระยะไกลก็เห็นพ่อบ้านฮันหลินกำลังพูดคุยกับคนที่หน้าประตูอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...