แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 285

ยามเซิน กับข้าวทุกอย่างทำเสร็จแล้ว

ลั่วเสี่ยวปิงสามแม่ลูก ซ่งหลิงหลิง อู้เจิน พวกหนานซิงสองสามคนและท่านเว่ยโต๊ะหนึ่ง คนอื่นอีกโต๊ะหนึ่ง

อาหารหลักล้วนเป็นลั่วเสี่ยวปิงเป็นคนทำ ดังนั้นคนทั้งสองโต๊ะจึงสำเริงสำราญกับการกินมาก

แน่นอนว่านอกเหนือจากหลี่อิงและอู้เจิน

หลี่อิงอยู่ข้างนอกประมาณเวลาหนึ่งถ้วยชา(ประมาณ15 นาที)แล้วถึงกลับเข้าห้อง ขอขมาต่อลั่วเสี่ยวปิงแล้วก็นิ่งเงียบมาตลอด แม้ทุกคนจะเข้าสู่บรรยากาศฉลองปีใหม่ล่วงหน้าแล้ว แต่หลี่อิงยังคงเงียบ

สำหรับอู้เจิน เดิมทีเขาค่อนข้างไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่ต้นจนจบใบหน้าพกพารอยยิ้มเล็กๆ ดูไม่ออกว่าที่แท้เขาดีใจหรือไม่ หากไม่ใช่เพราะซ่งหลิงหลิงชอบเจื้อยแจ้วอยู่ข้างตัวอู้เจินบ่อยๆ บางทีอู้เจินที่เป็นเช่นนี้อาจถูกลืมไปเลยก็เป็นได้

กินอาหารมื้อหนึ่งเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงพาเด็กทั้งสองกลับเรือนหลัก

อย่างครึ้มอกครึ้มใจ ลั่วเสี่ยวปิงเล่าเรื่องไซอิ๋วให้เด็กทั้งสองฟัง

อานอานที่เงียบมาตลอด “พอเจ้าจ๋อซุนเป็นคนเลี้ยงม้าแล้วล่ะ?”

เล่อเล่อ “ฉีเทียนต้าเซิ่งสุดยอดขนาดนั้น ทำไมเง็กเซียนฮ่องเต้ถึงให้เขาไปเลี้ยงม้าล่ะ?”

เล่อเล่อฉงนใจนัก รู้สึกว่าฉีเทียนต้าเซิ่งควรได้เป็นแม่ทัพใหญ่

เห็นเด็กทั้งสองสนอกสนใจมาก ลั่วเสี่ยวปิงจึงเล่าเรื่องถล่มสวรรค์ไปรอบหนึ่ง กว่าจะเล่าจบก็ดึกแล้ว เด็กทั้งสองง่วงแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงจึงกลับห้องพักผ่อน

ราตรีคล้อยไปเรื่อยๆ

ขณะจันทราแทรกออกมาจากชั้นเมฆสาดส่องลานบ้าน เงาดำหนึ่งกลับข้ามกำแพงเข้ามากะทันหัน เดินตรงดิ่งเข้าเรือนหลัก

แต่รอจนเงาดำนั้นเพิ่งเปิดประตูใหญ่เรือนหลักออก ก็มีร่างเงาเฒ่าชราแต่คล่องแคล่วจู่โจมเงาดำนั้นอย่างปราดเปรียวดุดัน

ฉีเทียนเห้าที่เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนกำลังคิดจะเข้าห้อง แม้จะถูกจู่โจมกะทันหัน แต่กลับไม่ลนลานสักนิด สลายกระบวนท่าที่จู่โจมเขาได้โดยง่ายดาย จากนั้นก็หลอกล่อ บีบให้คนผู้นั้นมาอยู่กลางลานบ้านตามด้วยลวงไปอยู่นอกเรือนฉี

ผู้ที่จู่โจมฉีเทียนเห้าคือเว่ยหยาง ยามนี้เขาแค่อยากบีบผู้ร้ายล่าถอย ไม่ทันสนใจว่าผู้ร้ายหน้าตาเป็นอย่างไร และไม่ได้คิดว่าทำไมพวกหนานซิงที่พักอยู่เรือนข้างจึงไม่มีความเคลื่อนไหวสักนิด

ครั้นรู้สึกว่าฝีมือผู้ที่มาแกร่งกล้าแล้ว จิตใจเว่ยหยางก็แทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม

ทั้งที่รู้ว่าอีกผ่านลวงเขาออกไปข้างนอก แต่เว่ยหยางกลับไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อความปลอดภัยของคนในบ้าน เขาจึงออกไปโดยไม่คิดถอย

เงาร่างคนทั้งสองเข้าใกล้ตีนเขาเรื่อยๆ ตอนนี้เพิ่งหิมะตก คืนนี้แสงจันทร์กลับไม่เลว ฉะนั้นที่จริงแสงจันทร์ตรงตีนเขาสว่างกว่าในห้องมาก

ดังนั้นขณะที่เว่ยหยางถูกตีล่าถอยสองสามก้าวแล้วกำลังจะขึ้นหน้านั้น จู่ๆ ด้วยแสงจันทร์ก็เห็นใบหน้าฉีเทียนเห้าชัดเจน

ถึงใบหน้าฉีเทียนเห้าจะมีรอยแผล แต่เว่ยหยางยังคงนิ่งค้างตอนที่เห็นฉีเทียนเห้า

แม้ความตะลึงจะแวบออกมาเพียงชั่วเดี๋ยวเดียว แต่ยังถูกฉีเทียนเห้าที่สังเกตเว่ยหยางตลอดเห็นเข้า

“เจ้ารู้จักข้าได้?” ฉีเทียนเห้าไต่ถามด้วยเสียงเย็น

เว่ยหยางผู้นี้ เขารู้จากจดหมายนานแล้ว

ส่วนเบื้องหลังของเขา เขาก็ไปตรวจสอบมาหมดแล้ว มิเช่นนั้นเขาจะไม่วางใจให้คนที่มาที่ไปไม่แน่ชัดอยู่ข้างกายลั่วเสี่ยวปิง

แต่อดีตของคนผู้นี้แปลกมาก ถูกจงใจลบล้างมากมาย ส่วนเขาเพื่อตรวจสอบตัวตนคนผู้นี้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ยังต้องทุ่มเทมากโข

แม้เรื่องที่ตรวจสอบจะไม่ครบรอบด้าน แต่พินิจวิเคราะห์แล้วก็พอรู้อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงแน่ชัดในฐานะคนผู้นี้

เพียงแต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาไม่เข้าใจ ดังนั้นวันนี้กลับมาจึงจงใจหยั่งเชิง

“ไม่...” เว่ยหยางอยากแย้ง แต่เมื่อสบกับสายตาที่มากทะลุทุกสิ่งของฉีเทียนเห้า ถ้อยคำที่จะออกจากปากก็กลืนกลับลงไป

คนผู้นี้คืออ๋องเซ่อเจิ้งในปัจจุบัน กลัวแต่ไม่มีผู้ใดปกปิดต่อหน้าเขาได้

ชุดเกราะเย็นเฉียบบนตัวเขา กลับทำให้นางหนาวจนสั่นพั่บ...

เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่ความฝันหรือ? ทำไมหนาวขนาดนี้?

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกถึงความผิดปกติ ลืมตาขึ้นพึ่บ

เวลานี้ ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่ามีคนกำลังกอดตนอยู่ ตกใจจนนางไม่ทันคิด ในมือเพิ่มเข็มเงินมาหนึ่งเข็ม ทิ่มตัวเจ้าคนมากตัณหาที่กำลังกอดตัวเองอยู่ฉับพลัน

พร้อมกันนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็ยกขาขึ้น เป้าหมายคือกลางเป้าของอีกฝ่าย การเคลื่อนไหวรวดเร็ว แม่นยำ หนักหน่วง ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดตั้งแต่เรียนวิชายุทธ์

“อ้า...”

เท้าลั่วเสี่ยวปิงเหยียบพลาด แต่อีกฝ่ายกลับส่งเสียงโอดโอยด้วยเพราะกลิ้งหลบลงจากเตียง

เดี๋ยวๆ!

เสียงนี้...

ลั่วเสี่ยวปิงทั้งตกใจทั้งดีใจ พลิกตัวลงเตียงทันที อยากดูให้แน่ชัด

สรุป เท้าเพิ่งถึงพื้นก็ถูกมือใหญ่ดึงตกลงไป ล้มใส่ทรวงอกแข็งทั้งอย่างนั้น

กลิ่นอันคุ้นเคยพุ่งเข้าโพรงจมูก ลั่วเสี่ยวปิงยังไม่ทันได้รู้ตัวก็ได้ยินเสียงแหบแห้งทุ่มหนืดหนึ่งดังขึ้น “คนเขาว่าจากกันชั่วเดียวหวานยิ่งกว่าแต่งงาน ข้าเพิ่งกลับมาเจ้าก็ทำเช่นนี้กับข้าแล้ว ไม่กลัวส่งผลกับชีวิตความสุขในอนาคตของเจ้าหรือ?”

เห็นชัดว่ามีความหมายแฝง แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงเพียงนึกถึงเข็มที่ทิ่มใส่ตัวฉีเทียนเห้าเมื่อครู่จึงร้อนรนทันที คิดว่าในห้องมืด จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นมาก และไม่มีเวลาปิดบังก็เอายาขวดหนึ่งออกมาจากอากาศ กล่าวด้วยน้ำเสียงเจือความร้อนใจ “เจ้ารีบกินยาถอนพิษเร็วเข้า”

แต่หารู้ไม่ว่า แม้ในความมืดมิด ฉีเทียนเห้ากลับเห็นท่าทางของนางได้ชัดเจน รวมถึงเห็นขวดในมือนางที่แวบออกมาจากอากาศด้วย...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง