แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 326

ในตอนท้าย ด้วยความช่วยเหลือของหมออู๋และไป๋เสา ครีมถูกแจกจ่ายให้กับผู้หญิงที่เสียโฉม และสอนวิธีการใช้ครีมด้วย

ท่ามกลางความซาบซึ้งของผู้หญิงเหล่านั้น ในที่สุดลั่วเสี่ยวปิงก็จากไป

เพิ่งกลับถึงจวนในเมือง ก็เห็นฉีเทียนเห้ารออยู่หน้าประตู ใบหน้าของฉีเทียนเห้ามีอาการตึงเครียด ราวกับกำลังอารมณ์ไม่ดี ดวงตาที่มองมายังตนก็ดูหงุดหงิดเหมือนมีอะไรในใจ

เห็นอย่างนี้แล้วใจลั่วเสี่ยวปิงก็เกิดความคิดหนึ่ง แต่กลับมองฉีเทียนเห้าและถามว่า “ท่านเป็นอะไรไป”

ฉีเทียนเห้าจับมือลั่วเสี่ยวปิงเข้าไป ลั่วเสี่ยวปิงมองซ้ายมองขวาครู่หนึ่งแต่ไม่เห็นเงาของเด็กทั้งสามคน

“ข้าให้หนานซิงพาพวกเขาออกไป” ฉีเทียนเห้าพูดบางเบา อธิบายกับลั่วเสี่ยวปิงว่าเด็กไปไหน

ได้ยินแล้วลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ถามต่อ เพียงให้ฉีเทียนเห้าจูงมือนางเดินไป บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง

จวนที่ฉีเทียนเห้าซื้อในเมืองนั้นไม่เล็ก มีสวนเล็กๆ แต่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ในสวนจึงรกร้าง

ฉีเทียนเห้าพาลั่วเสี่ยวปิงเข้าไปในสวน มองดูความรกร้างที่อยู่ตรงหน้า ฉีเทียนเห้าขมวดคิ้ว รู้สึกว่าทิวทัศน์ไม่ดี จึงเตรียมจะพาลั่วเสี่ยวปิงไปที่อื่น

ลั่วเสี่ยวปิงไม่ได้ขยับ ฉีเทียนเห้าจึงหยุดและมองไปที่ลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงก็มองฉีเทียนเห้าเงียบๆ “ท่านกำลังจะไปแล้วเหรอ”

ฉีเทียนเห้าเคยบอกว่าจะจากไปหลังจากเทศกาลโคมไฟ แต่นางคิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้

ฉีเทียนเห้าเห็นลั่วเสี่ยวปิงเดาได้ สายตาพลันเจือความซึมเศร้า รู้สึกอาลัยอาวรณ์อย่างแรงกล้า จากนั้นจึงเอาลั่วเสี่ยวปิงเข้าสู่อ้อมแขนและกอดเอาไว้แน่น “อยากพาเจ้าไปด้วย”

ไม่อยากจะแยกจากนางแม้วินาทีเดียว

ลั่วเสี่ยวปิงรู้ว่าฉีเทียนเห้าพูดแบบนี้เพราะไม่มีวิธีพาตัวเองไปได้

แต่นางไม่อยากตามไปด้วย เพราะปีต่อจากนี้นางมีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากทำ

ดังนั้นนางจึงไม่พูด ความจริงคือเวลานี้ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร

“เสี่ยวปิง ข้ามีเรื่องบอกเจ้า”

เวลานี้เสียงของฉีเทียนเห้าดังขึ้นเหนือหัวของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “หืม?”

“ข้า...” ฉีเทียนเห้านิ่งไป

มีหลายเรื่องที่เขาอยากบอกเสี่ยวปิง อย่างเช่น เมื่อหกปีที่แล้ว

และอย่างเช่น ภูมิหลังของนาง รวมทั้งภูมิหลังของเขา

สัญชาตญาณบอกเขาว่าสิ่งที่ควรพูดก็ต้องพูด ไม่อย่างนั้นหากนางรู้ในภายหลัง เกรงว่าจะเกิดการเปลี่ยนไป

หลังจากคิดแล้ว เสียงของฉีเทียนเห้าก็เปลี่ยนไป “เจ้าไม่เคยถามเกี่ยวกับตัวตนของข้า ไม่สงสัยจริงเหรอ”

เสี่ยวปิงรู้ว่าเขาเป็นแม่ทัพ แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขากลับไม่เคยถามเลย

แม้ว่าจะอิงจากความสัมพันธ์ในปัจจุบัน เมื่อนางถามเขาต้องตอบแน่นอน แต่เขาไม่รอจนนางถามเอง

ลั่วเสี่ยวปิง “เมื่อท่านอยากพูดย่อมพูดเอง”

ถ้าเขาไม่อยากพูด นางก็จะไม่ถาม

เพียงแต่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่ตลอดเวลา

ทันทีที่ฉีเทียนเห้าได้ยินก็ปล่อยลั่วเสี่ยวปิง เพื่อให้ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้าขึ้นมามองกับตัวเอง

ฉีเทียนเห้า “ถ้าข้าบอกว่า ข้าคือเชื้อพระวงศ์อ๋องเซ่อเจิ้ง เจ้าจะว่ายังไง”

ลั่วเสี่ยวปิงเงียบ สายตายังคงมองฉีเทียนเห้า โดยไม่มีสีหน้าใดๆ

เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวปิงเป็นอย่างนี้ ฉีเทียนเห้ารู้สึกประหม่ามาก

จากนั้นก็เห็นแววตาของลั่วเสี่ยวปิงที่เรียบเฉยในตอนแรกพลันสดใส มองฉีเทียนเห้าด้วยสายตาเป็นประกาย

“ท่านพูดจริงเหรอ” ลั่วเสี่ยวปิงถาม

ฉีเทียนเห้า “จริง”

ปฏิกิริยาของเสี่ยวปิงเหมือนจะผิดปกติไปนิดหน่อย

ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกยินดีในทันใด “เยี่ยมเลย ข้าจะมีที่พึ่งได้กอดแข้งกอดขาใหญ่ๆ แล้วสิ”

นี่คือความคิดที่แท้จริงของลั่วเสี่ยวปิง

อ๋องเซ่อเจิ้ง เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเสียอีก

นางมีที่พึ่งยิ่งใหญ่แบบนี้ ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ

ฉีเทียนเห้าได้ยินแล้วมองขาตัวเองโดยอัตโนมัติ

ขาของเขาใหญ่มากเลยเหรอ

เพราะหกปีที่ผ่าน สามแม่ลูกอยู่ที่นี่แต่เขาไม่เคยอยู่ด้วยเลย ซึ่งเขารู้สึกละอายใจ

แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ...

ท่าทางโล่งใจของฉีเทียนเห้าอยู่ในสายตาของลั่วเสี่ยวปิง แต่ลั่วเสี่ยวปิงหลับตา ปกปิดความรู้สึกของตัวเอง

ซ่งหลิงหลิงหายตัวไป เร่งการจากไปของฉีเทียนเห้า

เพียงแต่ก่อนออกเดินทาง ฉีเทียนเห้ากำชับว่า “ถ้าฮัวเว่ยกล้าทำอะไรไม่ดีอีก เจ้าจัดการเขาอย่างมั่นใจได้เลย ข่าวของเขาจะไม่ไปถึงหูตระกูลฮัวในเร็ววัน”

พูดถึงตรงนี้แล้วก็เสริมอีกว่า “ถึงตระกูลฮัวจะมา มีข้า...พวกหนานซิงอยู่ที่นี่ เจ้าก็ไม่ต้องกลัว”

เดิมทีอยากบอกว่ามีเขาอยู่ แต่จะสามารถกลับมาหานางได้อีกเมือไรเขาก็ไม่รู้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนคำพูด

ลั่วเสี่ยวปิงพยักหน้า หลังจากฉีเทียนเห้าจูบหน้าผากของลั่วเสี่ยวปิงแล้วจึงจากไป

กระทั่งเด็กๆ กลับมาและรู้ว่าฉีเทียนเห้าไปแล้ว เด็กทั้งสองไม่ได้มีอาการเศร้าเลย เพราะตอนที่อยู่กับลั่วเสี่ยวปิงที่ถงเหรินถัง เด็กทั้งสองได้บอกลาฉีเทียนเห้าแล้ว

เด็กทั้งสองเป็นห่วงว่าลั่วเสี่ยวปิงจะเศร้า ดังนั้นจึงพยายามเล่าสิ่งที่ได้เห็นบนถนนมาในวันนี้ให้ลั่วเสี่ยวปิงฟัง เพื่อทำให้ลั่วเสี่ยวปิงร่าเริง

“ท่านแม่ ทุกคนบอกว่าท่านเป็นหมอเทวดา ท่านแม่เก่งจังเลย” เล่อเล่อหน้าตาชื่นชม

มีท่านแม่เป็นหมอเทวดา นางรู้สึกตัวเองโชคดีมาก

อานอานก็เสริมว่า “ท่านแม่เก่งที่สุด”

จากนั้นเด็กสองคนก็พูดเรื่องอื่น ล้วนเป็นการพูดหยอกล้อลั่วเสี่ยวปิง

เห็นเด็กสองทำตัวน่ารักมาก ลั่วเสี่ยวปิงก็สบายใจ ในที่สุดก็ระงับความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในใจได้...

ทันทีที่ฉีเทียนเห้าไป วันรุ่งขึ้นลั่วเสี่ยวปิงกับไป๋เสาไปดูร้านเครื่องสำอางของนางด้วยกัน

ร้านเครื่องสำอางในเวลานี้กำลังยุ่งเหยิง กล่องเครื่องสำอางกระจัดกระจายอยู่บนพื้น เครื่องสำอางที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็ไม่มีใครเอาไป แต่ของปลอมทั้งหมดถูกทางการเอาไปทำลายแล้ว

หลังจากเดินวนไปรอบร้านเครื่องสำอางแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงพอใจมาก

ร้านเครื่องสำอางแห่งนี้ไม่เพียงมีสองชั้น แต่ยังมีลานเล็กๆ ด้านหลังด้วย และทำเลก็ดีมาก บวกกับรูปแบบ มันจึงเหมาะมากสำหรับการตกแต่งเป็นหอเหมยเซียงแห่งใหม่

แต่สิ่งนี้ต้องตัดสินใจหลังจากไปตระกูลกัวแล้ว เพราะถึงอย่างไรหราวชิงหย่าได้บอกก่อนหน้านี้ว่านางจะรับผิดชอบทุกอย่างในร้าน

เมื่อคิดอย่างนี้ ลั่วเสี่ยวปิงจึงเตรียมจะไปตระกูลกัว

เพียงแต่เพิ่งเดินออกจากร้านเครื่องสำอาง ก็เห็นกลุ่มคนมาขวางหน้าประตู เห็นได้ชัดว่าเล็งมาที่นาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง