แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 383

เมื่อเห็นว่าในที่สุดคนตระกูลจูก็ถามถึงหัวข้อหลัก ลั่วเสี่ยวปิงก็หันสายตาไปมองทางจูเหวินรุ่ยอีกครั้ง

จูเหวินรุ่ยหรี่ตาลง มือกำหมัดไว้แน่น

คนตระกูลจูคนอื่นๆก็หันตามสายตาของลั่วเสี่ยวปิงมองไปทางจูเหวินรุ่ย สายตาของแต่ละคนที่มองไปทางจูเหวินรุ่ยแฝงไปด้วยความไม่หวังดี

หรือว่า ยังเกี่ยวข้องกับเขาอีกด้วย?

และในตอนนี้เอง ได้ยินลั่วเสี่ยวปิงกล่าวเพียงแค่ว่า“ง่ายมาก!”

ทุกคนต่างหันไปมองลั่วเสี่ยวปิง

“เขาติดหนี้ข้าหนึ่งหมื่นตำลึง พวกเจ้าคืนมันให้ข้า ข้าก็จะปล่อยตาแก่นี่ไป”

พูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็เตะนายท่านใหญ่จูที่อยู่ใต้เท้า

จูซิ่วเต๋อเห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบุตรชายคนที่สองของเขาจริงๆ สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก จ้องเขม็งไปทางจูเหวินรุ่ย“เจ้าติดหนี้นางหรือ?”

คนอื่นๆในตระกูลจูก็หันไปมองจูเหวินรุ่ย โดยเฉพาะพี่น้องที่เกิดจากบ้านรองและเหล่าลูกพี่ลูกน้อง ในสายตาของทุกคนต่างก็แฝงไปด้วยเจตนาที่ไม่ดี

ถูกคนมากมายเช่นนี้จ้องมอง บวกกับฝั่งตรงข้ามยังมีลั่วเสี่ยวปิงมองอยู่ แม้ว่าจูเหวินรุ่ยจะรู้ว่าการยอมรับมันน่าขายหน้ามาก แต่ก็ไม่กล้าที่จะไม่ยอมรับ

กัดฟัน จูเหวินรุ่ยพยักหน้า “ขอรับ”

“เพียะ——”

จูซิ่วเต๋อตบเข้าที่หน้าของจูเหวินรุ่ย ดุด่าว่า“เจ้าโง่”

ให้คนมาทวงหนี้ถึงตระกูลจู แล้วยังทำให้นายท่านใหญ่เดือดร้อนอีก นี่เป็นเรื่องเล็กหรือ?

เรื่องนี้สามารถทำให้บ้านสองและบ้านสามล้มบ้านใหญ่อย่างพวกเขาได้ ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์พูดในบ้านหลังนี้!

นายสามจูซิ่วหยวนเห็นเช่นนี้ ในสายตาก็มีความรู้สึกยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นวาบผ่านเข้ามา แต่ปากกลับเอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า“พี่ใหญ่ บางทีเหวินรุ่ยอาจมีความลำบากของเขา เหตุใดเจ้าถึงได้ลงมือล่ะ?”

จูซิ่วเต๋อได้ยิน สีหน้าก็นิ่งลง รู้ว่าน้องชายของตัวเองไม่มีเจตนาดี กล่าวเสียงเย็นว่า“ไม่ต้องไปสนใจว่าจะมีความลำบากอะไร ในเมื่อเรื่องนี้เขาทำผิด ก็สมควรโดนตี”

จูเหวินรุ่ยเองก็รู้ว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อบ้านใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่โต้เถียงในเวลานี้ แต่กลับคุกเข่าลง“เรื่องนี้ข้าผิดไปจริงๆ ท่านพ่อสั่งสอนได้ถูกแล้ว ข้าจะไปนำเงินออกมาคืนนางเดี๋ยวนี้”

จูซิ่วเต๋อเห็นเช่นนี้ ความโกรธจึงได้เบาลงมาบ้าง กล่าวว่า“เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ”

ตระกูลจูอยากจะหยิบเงินออกมาสักหนึ่งหมื่นตำลึงนั่นไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นเพียงไม่นานจูเหวินรุ่ยก็หยิบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงรับตั๋วเงินมา เมื่อแน่ใจว่าถูกต้องแล้ว ก็ก้าวออกไปด้านข้างสองก้าว

“เอาล่ะ พวกเจ้าพาตาแก่นี่ไปเถอะ”

นางพูดคำไหนคำนั้น มีความน่าเชื่อถือมาก

ทุกคนในตระกูลจูได้ยิน แต่กลับลังเล ไม่มีใครกล้าเข้าไป

นายท่านใหญ่จูโมโห“พวกเจ้าจะยืนบื้อกันทำไม? ยังไม่รีบพยุงข้าไปอีก?”

จูซิ่วเต๋อได้ยินเช่นนั้น ก็สั่งคนคุ้มกัน“ยืนบื้อกันอยู่ทำไม? ยังไม่รีบไปพยุงนายท่านใหญ่มาอีก?”

คนคุ้มกันมีความลังเลเล็กน้อย กลัวว่าหากเดินเข้าไปจะกลายเป็นกุ้งเท้าอ่อน

แต่นายใหญ่ออกคำสั่ง พวกเขาไม่กล้าขัดคำสั่ง

ดังนั้นจึงได้มีคนคุ้มกันสองคน เดินเข้าไปใกล้นายท่านใหญ่ด้วยสีหน้าประหม่า

ทุกย่างก้าว ราวกับเป็นการทดสอบ กลัวว่าก้าวต่อไปจะอ่อนแรงจนล้มลง

กระทั่ง ในที่สุดคนคุ้มกันทั้งสองคนก็เข้าไปถึงตัวนายท่านใหญ่ ถึงได้โล่งอก

ทั้งสองคนพยุงนายท่านใหญ่ ไม่กล้ายืนอยู่ที่เดิมนาน พยุงนายท่านใหญ่ออกไปทางประตูโดยตรง

เมื่อเห็นว่านายท่านใหญ่ถูกพากลับมาอย่างปลอดภัย สายตาของคนตระกูลจูที่มองลั่วเสี่ยวปิงอย่างไม่หวังดีก็ถูกปลดปล่อยออกมา

ลั่วเสี่ยวปิงกลับยิ้ม“ถ้าหากข้าเป็นพวกเจ้า จะไม่เคลื่อนไหวตามอำเภอใจ”

สีหน้าของคนตระกูลจูชะงัก

ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวต่อ“ข้าขอแนะนำ พวกเจ้าตามหมอให้นายท่านใหญ่ก่อนดีกว่า”

นายท่านใหญ่จูได้ยิน ก็ระเบิดขึ้นมาทันที“ยังไม่รีบไปตามหมอมาให้ข้าอีก? แต่ละคนไม่รู้จักกตัญญู ยังยืนบื้อกันอยู่ทำไม?”

ตอนนี้ร่างกายของนายท่านใหญ่จูยังคงไม่สามารถขยับได้ ตอนนี้ในใจยังคงกลัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของลั่วเสี่ยวปิง ก็กังวลว่าตัวเองจะเป็นอะไรไป

จูซิ่วเต๋อกลับไม่รอให้จูซิ่วจื้อกล่าวจนจบ เขาถามกลับไปตรงๆ“น้องสองมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือ?”

จูซิ่วจื้อ:“……” 

จูซิ่วจื้อหันมองไปทางจูซิ่วหยวนโดยไม่รู้ตัว จูซิ่วหยวนหลบสายตาไปมองทางอื่น

จูซิ่วจื้อก็หันไปมองทางบุตรชายของตัวเองจูจุ้นฟาและจูเจิ่งเย่ และเห็นว่าบุตรชายทั้งสองคนต่างก็ส่ายหน้า

เห็นได้ชัด นอกจากการปล่อยให้ลั่วเสี่ยวปิงอยู่ที่นี่อีกสักพักแล้ว ทุกคนต่างก็ไม่มีวิธีอื่น

เมื่อไม่มีหนทาง จูซิ่วจื้อทำได้เพียงแค่กล่าวว่า“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเพียงคิดว่าความคิดของพี่ใหญ่นั้นไม่เลว”

จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็เดินออกไปภายใต้สายตาของคนตระกูลจูทุกคน

ทุกคนในตระกูลจูทำได้เพียงโกรธแต่ไม่กล้าพูดอะไร

ทันทีที่ลั่วเสี่ยวปิงออกจากสายตาของคนตระกูลจู คนตระกูลจูก็รีบสั่งคนให้ไปตามหมอมาทันที แล้วรวดไปสืบตัวตนของลั่วเสี่ยวปิงไปในตัว

แต่ลั่วเสี่ยวปิงเป็นคนเมืองซีเหอ ห่างจากเมืองหลัวไกลขนาดนั้น ให้คนไปสืบที่เมืองซีเหอก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนในตอนนี้ได้หรอก

แต่ยังโชคดีที่ก่อนหน้านี้จูเหวินรุ่ยเคยให้คนไปสืบมา ดังนั้นคนตระกูลจูจึงไม่ได้ไม่รู้เรื่องของลั่วเสี่ยวปิงเลย

เพียงแต่ข้อมูลที่จูเหวินรุ่ยสืบมาไม่ได้มีประโยชน์มากนัก

หญิงสาวชาวนา หมอเทวดา

ตัวตนทั้งสองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กลับตกอยู่บนตัวของคนคนหนึ่ง

เพียงแต่ หากมีเพียงแค่สองตัวตนนี้จริงๆ หญิงสาวผู้นั้นจะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

ภายในใจของคนตระกูลจูทุกคนต่างก็รู้สึกว่า จะต้องมีคนอยู่เบื้องหลังของลั่วเสี่ยวปิงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคนอยู่เบื้องหลังของลั่วเสี่ยวปิง แต่ยังจะมีคนเหนือกว่าตระกูลจูที่อยู่ในท้องพระโรงได้หรือ?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ คนตระกูลจูก็เบาใจลงไม่น้อย ต่างก็ตัดสินใจว่า ตราบใดที่นายท่านใหญ่ไม่เป็นอะไร เช่นนั้นลั่วเสี่ยวปิงผู้นั้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยเอาไว้แน่

คนตระกูลจูกำลังคิดได้ดีๆ จนกระทั่ง หมอที่คนตระกูลจูไปเชิญมาได้มาถึงแล้ว หลังจากที่ตรวจดูอาการของนายท่านใหญ่และคนคุ้มกัน ในใจของคนตระกูลจู ก็อยู่ไม่สุขขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง......

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง