แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 435

คนที่กล้าปรากฏตัวออกมาต่อสู้ล้วนเป็นคนที่มีความสามารถ และตอนที่พวกเขาเลือกศัตรู ก็จะเลือกคนที่รูปร่างคล้ายๆกัน ดังนั้นรอบแรกทั้งสองฝ่ายจึงไม่มีฝ่ายใดชนะ

แต่ทหารที่อยู่ในค่ายทหารล้วนเป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อ เมื่อเผชิญกับการประลองยุทธแบบนี้ ทุกคนก็ล้วนรู้สึกตื่นเต้น ตะโกนกันมากมาย

ในเวลานี้ ลั่วเสี่ยวปิงรู้สึกว่ามีความรู้สึกกล้าหาญชาญชัย

รอบแรกจบสิ้น รอบที่สองมาถึง

การจำลองสงครามสองพันคน ฉากนั้นไม่ใช่การประลองยุทธยี่สิบคนจะเทียบได้ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกคนหรือจับค่ายกลล้วนต้องใช้เวลา

แน่นอนว่า ทุกคนล้วนเคยสู้รบแล้ว ก็เลยไม่ใช่เรื่องยากอะไร

จีซิงยี่และฉีเทียนเห้าสองคนล้วนไม่ได้ลงสนามจริง คนหนึ่งสั่งให้ทหารของตัวเองไปเลือกทหารหนึ่งพันคน ส่วนอีกคนหนึ่งให้หนานเฉินไปเลือก ส่วนสองคนก็นั่งอยู่ตอนนั้นอย่างนิ่ง เหมือนทั้งสองล้วนไม่สนใจว่าจะชนะหรือแพ้

ตามจริงแล้วก็เป็นเช่นนี้ สิ่งที่พวกเขาซีเรียสนั้นไม่ใช่ว่าจะชนะหรือแพ้

ที่จีซิงยี่สนใจคือระดับของเหล่าทหาร ส่วนสาเหตุ ที่ฉีเทียนเห้าจะให้ประลองยุทธต่อ ก็เพื่อที่จะให้ทุกคนมีความมั่นใจกลับมาใหม่

ถึงแม้เรื่องครั้งนี้ปิดบังได้ดี แต่ยังไงก็มีบางอย่างรั่วไหลออกไป

ถึงแม้เหล่าทหารไม่ได้แสดงออกมา แต่ในใจต้องมีความคิดบางอย่างแน่นอน

ผ่านการประลองยุทธในครั้งนี้ สามารถทำให้เหล่าทหารวางใจลง ทำให้ทุกคนล้วนมีความมั่นใจขึ้น

สามารถกล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นจีซิงยี่หรือฉีเทียนเห้า ล้วนเป็นคนที่มองในภาพรวม

ไม่นาน ทั้งสองฝ่ายก็เลือกออกมาสองพันคน

พอยืนอยู่ท่ามกลางสนามที่กว้างใหญ่ สองพันคนก็ยังดูน้อยมาก เพราะปกติสนามนี้สามารถรองรับได้หลายหมื่นคน

ตามด้วยเสียงกลอง ก็เริ่มประลองยุทธ

ทั้งสองฝ่ายเพื่อที่จะแยกแยะทีม ได้ผูกเชือกสีแดงและสีดำบนหัว และตามด้วยเสียง'สู้ตาย' 'ไป' เหล่าทหารก็รวมตัวกันราวกับลูกปัดจานหนึ่ง

ที่นั่งของคนพวกลั่วเสี่ยวปิง อยู่ในที่สูงของสนาม สามารถมองสถานการณ์ได้ครบถ้วน

เดิมทีลั่วเสี่ยวปิงนึกว่าเป็นการสู้รบที่ปั่นป่วนมาก แต่พอดูชัดๆแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงกลับสังเกตได้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายโจมตีหรือเป็นฝ่ายปกป้อง ล้วนมีความรู้มากมาย

หากเปรียบสนามรบเป็นกระดานหมากรุก งั้นทหารในสนามรบก็เป็นหมากรุกในกระดาน หมากรุกสีแดงและดำ เดินหน้าตามกฎเกณฑ์ จากนั้นหมากรุกสีดำถูกล้อมรอบบ้าง หมากรุกสีแดงถูกกินบ้าง หมากรุกใดถูกกินก็จะมีหมากรุกอีกตัวหนึ่งขึ้นไปแทนที่

เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ ลั่วเสี่ยวปิงก็เกิดความสนใจ

แต่ในเวลานี้ มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามา

"แจ้งข่าวขอรับ"

สายตาของจีซิงยี่และฉีเทียนเห้าล้วนมองไปที่ทหารคนนั้น และลั่วเสี่ยวปิงก็มองมา

"ทีมราดตระเวนของค่ายทหารเราถูกทีมของแคว้นซีหรงซุ่มโจมตี บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก"

"อะไร?"จีซิงยี่ลุกขึ้น โมโหมาก

ฉีเทียนเห้าก็ขมวดคิ้ว

จากนั้นฉีเทียนเห้าพูดว่า"แม่ทัพจีนั่งดูการแข่งขันดีกว่า"

จีซิงยี่กำลังคิดจะเถียง แต่คิดสักครู่หนึ่ง ในที่สุดก็นั่งลง

ตอนนี้กำลังประลองยุทธอยู่ เขาเป็นไม่ได้

หากเขาไป จะทำให้ทหารผิดหวัง ทำลายความกระตือรือร้นของเหล่าทหาร

ไม่เพียงแต่จีซิงยี่ แม้กระทั่งฉีเทียนเห้าก็ไปไม่ได้

ได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวปิง หมอทหารบางคนหยุดมือลงสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำต่อ ไม่ได้เงยหน้าขึ้น และก็ไม่คิดจะตอบคำถามของลั่วเสี่ยวปิง

ลั่วเสี่ยวปิงขมวดคิ้ว นึกว่าไม่มีใครตอบคำถามของนางได้ เลยเดินไปถึงคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักคนหนึ่ง

คนนี้โดนธนูแทงลูกหนึ่ง และขาข้างหนึ่งโดนตัดทิ้งด้วย ขามีการพันอย่างเรียบง่ายเท่านั้น เลือดยังไหลออกอยู่ ถ้าไม่ห้ามเลือดทันที คนนี้จะตาย

ยังมีอีกหลายคนที่เป็นอย่างเขา ตอนนี้ล้วนนอนอยู่ตอนนั้น มีคนสลบไปแล้ว สีหน้าซีดขาว ไม่มีการขยับใดๆ ไม่ทราบว่าคสามตายกำลังล้อมรอบอยู่

คนที่มีสติอยู่ก็ร้องเจ็บอยู่ แต่สายตาไม่มีความหวังแม้แต่นิด เหมือนรอตายอยู่

ลั่วเสี่ยวปิงเห็นเช่นนี้ ก็หยิบขวดเซรามิคออกมาจากแขนเสื้อ แล้วเทยาเม็ดเม็ดหนึ่งออกมา ป้อนให้ทหารที่บาดเจ็บหนักที่อยู่ข้างๆ

"หมอลั่ว เจ้าอย่าเปลืองยาเลย พวกเขาไม่รอดแล้ว"

ในเวลานี้ มีหมอทหารแก่คนหนึ่งออกเสียงเตือน

ลั่วเสี่ยวปิงเงยหน้าขึ้น เห็นความสงสารและจนปัญญาในสายตาของหมอทหารแก่ รู้ว่าเขาไม่ได้หวังร้าย

แต่อะไรคืออยู่ไม่รอด?

"พวกเจ้าไม่ช่วยเขา รู้ยังไงว่าเขาอยู่ไม่รอด?"ลั่วเสี่ยวปิงถาม

ไม่ช่วย มีแต่ต้องรอตาย แน่นอนว่าอยู่ไม่รอดหรอก

แต่ถ้าช่วย จะไม่รอดได้อย่างไร?

ถึงแม้บาดเจ็บหนักไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ช่วยไม่ได้

เมื่อได้ยินการสอบถามของลั่วเสี่ยวปิง หมอทหารแก่ถอนหายใจออกมา"คนที่เป็นเหมือนเขามีมากมาย เมื่อก่อนพวกข้าก็คิดจะช่วย แต่ในที่สุดก็เปลืองสติและยาเปล่าๆ โดยทั่วไปแล้วอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง