ลั่วเสี่ยวปิงหยุดชะงักลง แต่ไม่ได้หันหน้ากลับมา และกล่าวอย่างนิ่งๆ ว่า: "ข้างนอก!"
ข้างนอก?
เพียงลั่วเสี่ยวปิงพูดคำนี้ออกมา สีหน้าทุกคนในตระกูลเว่ยก็เปลี่ยนไป
ขณะนี้ข้างนอกคือสถานการณ์อะไร?
เพราะการปิดเมืองอย่างกะทันหัน บวกกับการแพร่ของโรคระบาด อีกทั้งไม่สามารถรักษาได้ทันท่วงที จึงมีคนเสียชีวิตไม่น้อย
และคนตายเหล่านี้ ฝ่ายราชการเสนอให้เผาศพ แต่มวลชนไม่ยินยอม จึงเกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายราชการและประชาราษฎร์
บวกกับคนป่วยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อาหารก็ยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ กระทั่งคนจำนวนมากที่มาเที่ยวในเมืองยังถูกขังอยู่ในเมืองออกไปไม่ได้ และไม่มีที่ไปอีกด้วย
ความขัดแย้งระหว่างทหารกับมวลชนสามารถเห็นได้ทุกที่ และสามารถเห็นการต่อสู้ถึงขั้นลงไม้ลงมือเพื่อการกินได้ทุกหนทุกแห่ง
เวลานี้ เสี่ยวปิงหญิงผู้บอบบางคนนี้ จะไปข้างนอกได้อย่างไรกัน
"ไม่ได้นะ!"
การพูดในครั้งนี้ คือเว่ยเจ๋อฉาวที่ปกติแล้วจะพูดค่อนข้างน้อย
สำหรับน้องสาวคนนี้ ถึงแม้การแสดงออกของเว่ยเจ๋อฉาวจะค่อนข้างนิ่งเฉยกว่าคนอื่นๆ ในครอบครัวก็ตาม แต่ภายในใจของเขาก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
สถานการณ์ด้านนอกเขาก็รู้ชัดเจนดี ฉะนั้นจึงไม่เห็นด้วยที่ลั่วเสี่ยวปิงจะออกไป
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเสียงนี้ จึงหันหน้ากลับมา เมื่อสบตากับเว่ยเจ๋อฉี ก็หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า "ข้าเป็นหมอ ข้าจำเป็นต้องไป"
ในเมื่อเริ่มประกอบอาชีพเป็นหมอแล้ว เช่นนั้น สามารถเห็นคนชั่วตายโดยไม่ช่วยเหลือได้ แต่ไม่สามารถเห็นประชาราษฎร์ทั่วทั้งเมืองตายโดยไม่ช่วยเหลือได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากโรคระบาดในเมืองหลินอานไม่ถูกยับยั้งได้โดยเร็ว ก็จะกระทบกระเทือนไปโดยรอบ
และเมืองซีเหอที่อยู่ใกล้ที่สุดก็จะประสบความหายนะก่อน
ในเมืองซีเหอ ยังมีเด็กอีกสองคนที่รอให้นางกลับไป
อีกทั้ง ลางสังหรณ์ยังบอกนางอีกว่า โรคระบาดในครั้งนี้ไม่ง่ายเลย
ก่อนหน้านี้ในค่ายทหารมีโรคระบาดปลอมครั้งหนึ่ง ต่อมาในเมืองซีเหอก็ปรากฏโรคระบาดขึ้นจริง มันอาจจะบังเอิญเกินไปหน่อย
ถ้าหากเรื่องราวทั้งสองครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกันทั้งหมด เช่นนั้น โรคระบาดในครั้งนี้เป็นไปได้อย่างมากที่จะเกิดจากฝีมือมนุษย์
แต่จุดประสงค์ของอีกฝ่าย......
สรุปแล้ว เขาจะมีเหตุผลอะไร โรคระบาดในครั้งนี้นางก็จะต้องทำหน้าที่ให้ถึงที่สุด
ความแน่วแน่ภายใต้ดวงตาของลั่วเสี่ยวปิง ทำให้ใครก็ตามในตระกูลเว่ยจนปัญญาที่จะโน้มน้าวให้ลั่วเสี่ยวปิงไม่ไป
"พวกเจ้าห้ามใครคนใดออกจากตระกูลเว่ยเด็ดขาด" ก่อนที่ลั่วเสี่ยวปิงจะไป ยังพอมีเวลาพูดได้ประโยคหนึ่ง
หลังจากพูดจบ ลั่วเสี่ยวปิงก็ออกไปทันที
จนกระทั่งภาพด้านหลังของลั่วเสี่ยวปิงหายไปจากตรงทุกคนในตระกูลเว่ย คนตระกูลเว่ยจึงหันมองหน้ากัน และร้อนใจจนไม่สามารถทนได้
"ไม่ได้นะ น้องเสี่ยวปิงบอบบางเช่นนี้ จะปล่อยให้นางไปเพียงคนเดียวได้อย่างไรกัน?" เว่ยเจ๋ออี้เอ่ยปาก
เว่ยเจ๋ออี้ในเวลานี้ได้มองข้ามไป๋เสาที่อยู่ข้างกายลั่วเสี่ยวปิงไปโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่ได้มองข้าม ไป๋เสาก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงยิงเรือคนหนึ่ง พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าไป๋เสาคือองครักษ์ จึงไม่คิดว่าไป๋เสาจะสามารถปกป้องให้ลั่วเสี่ยวปิงปลอดภัยได้
"ข้าจะตามไป" เว่ยเจ๋อฉาวเอ่ยปาก
ทุกคนมองไปยังเว่ยเจ๋อฉาว
อวี้หนิงก็มองเว่ยเจ๋อฉาว
เว่ยเจ๋อฉีที่ดีกว่าไม่มากกล่าวว่า "พี่สาวบอกว่าไม่ให้ไป...."
น้ำเสียงค่อนข้างแผ่วเบา และขาดความมั่นใจอย่างมาก
เพราะเว่ยเจ๋อฉีรู้สึกว่าตนเองเป็นคนทำให้เกิดโรคระบาด ตนเองเป็นตัวการก่อหายนะ ฉะนั้นจึงไม่มีความมั่นใจอะไรนัก
เว่ยเจ๋อฉาวเพียงแค่มองเว่ยเจ๋อฉีอย่างนิ่งๆ แล้วกล่าวว่า "ไม่ต้องให้นางรู้ก็พอแล้ว"
และในจำนวนคนเหล่านี้ก็มีทั้งคนป่วย คนไม่ป่วย แม้กระทั่งคนที่เพิ่งจะเสียชีวิต
เมื่อลั่วเสี่ยวปิงเดินผ่านพวกเขาไป ถึงขนาดที่ไม่มีใครสักคนที่จะสบตานาง คนเหล่านั้น เหมือนกับซากศพที่เดินได้
ไม่นานนัก ลั่วเสี่ยวปิงก็พบมือปราบ พอสอบถามจึงรู้ว่า คนเหล่านี้ที่กำลังอยู่บนถนน ล้วนเป็นคนที่ไม่มีบ้านอยู่เมืองหลินอาน หลังจากปิดเมือง พวกเขาล้วนไม่มีที่ไป เพียงแค่อาศัยโจ๊กจากฝ่ายราชการเพื่อยังชีพ
เพราะไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาไม่มีเงิน คือพวกเขามีเงิน แต่ไม่อาจซื้อข้าวและที่อยู่ได้
เพราะทุกวันมีคนเข้าเมืองไปตลาดจำนวนมากจริงๆ ในขณะเดียวกันข้าวในร้านขายข้าวก็มีราคาพุ่งสูงขึ้น แล้วก็ไม่มีสินค้ากักตุนเอาไว้มากนัก
"แล้วทำไมถึงไม่ให้พวกเขาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมล่ะ? ลั่วเสี่ยวปิงกล่าวถาม
ทุกคนเบียดแทรกกันในโรงเตี๊ยม ไม่มีพื้นที่เหลือสักหน่อยหรือ?
มือปราบ: มีโรงเตี๊ยมมากขนาดนั้นเสียที่ไหนกันละ? ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของโรงเตี๊ยมก็ไม่ยินยอมอีกด้วย"
หลังจากลั่วเสี่ยวปิงฟังจบ ก็รู้สึกหนักใจ
เพราะว่า ตามที่นางรู้มา ในสังคมยุคปัจจุบันก็เคยมีโรคระบาดใหญ่ครั้งหนึ่ง ตามการบันทึกข่าวในศตวรรษที่ 21 การจัดการในเวลานั้นคือดีที่สุดแล้ว
ปิดเมืองคนถูกกักตัว โดยพื้นฐานมีการจัดการที่พัก อาหารก็เพียงพอ กระทั่งมีการจัดส่งอาสาสมัครพิเศษมาโดยเฉพาะ
เพียงแต่ไม่นานลั่วเสี่ยวปิงก็เห็นถึงความแตกต่าง เพราะข้าวปลาอาหารในเวลานั้นเพียงพอ ส่วนใหญ่เป็นการเพาะปลูกด้วยเครื่องจักรขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ปริมาณการผลิตเสบียงอาหารไม่สูง
"ยังมีเสบียงอาหารมากน้อยแค่ไหน พอให้ประชาราษฎร์ในเมืองกินได้นานแค่ไหน?" ลั่วเสี่ยวปิงถามต่อ
เพราะมือปราบรู้จักลั่วเสี่ยวปิง ฉะนั้นจึงไม่ได้ปิดบัง "ประชาชนเมืองหยุดการเคลื่อนไหวจำนวนมากจริงๆ เสบียงอาหารในยุ้งฉางเหลือน้อยมาก ขณะนี้เหลือโจ๊กแจกเพียงหนึ่งวันหนึ่งครั้ง เกรงว่าผ่านไปอีกสองวัน กระทั่งการแจกโจ๊กหนึ่งวันหนึ่งครั้งก็คงจะไม่ได้แล้ว"
นี่คือหมายความว่า ในยุ้งฉางถึงช่วงเข้าตาจนแล้ว
หลังจากถามว่าจุดรักษาโรคอยู่ตรงไหนของหยาเหมินแล้ว ลั่วเสี่ยวปิงก็ไม่ได้ไปที่จุดรักษาโรค แต่มุ่งหน้าไปยังบ้านของตนเองที่อยู่ในเมือง
ในเมืองขาข้าว เช่นนั้นเรื่องสำคัญอันเร่งด่วนก็คือการทำเสบียงอาหาร
"หมอลั่ว เจ้ารอก่อน——" เมื่อลั่วเสี่ยวปิงกำลังจะเดินข้ามถนน ก็ได้ยินเสียงที่รีบร้อนและค่อนข้างคุ้นเคย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...