ได้ยินเสียงของลั่วเสี่ยวปิง แววตาของเว่ยเจ๋อฉีและจีเหวินจุนก็เป็นประกาย
"พี่สาว"
"พี่เสี่ยวปิง"
คนทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน
จากนั้น จีเหวินจุนก็มองเว่ยเจ๋อฉีด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ "เจ้าเรียกพี่เสี่ยวปิงทำไมกัน?"
เว่นเจ๋อฉีแปลกใจต่อปฏิกิริยาของจีเหวินจุน จึงกล่าวว่า "ก็พี่สาวนี่"
ลั่วเสี่ยวปิงและฉีเทียนเห้าคนทั้งสองเดินมายังตรงหน้าเว่ยเจ๋อฉีพร้อมกัน ครั้งนี้ที่ฉีเทียนเห้าปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนก็แฝงไปด้วยรอยแผลเป็น ฉะนั้นเว่ยเจ๋อฉีเห็นฉีเทียนเห้าแล้วก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างมาก แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
"พี่สาว ท่านนี้คือ....." เว่ยเจ๋อฉีพิจารณาฉีเทียนเห้า
"เขาคือพี่เขยของเจ้า" ลั่วเสี่ยวปิงแนะนำ
จากนั้น ลั่วเสี่ยวปิงก็แนะนำต่อจีเหวินจุนและฉีเทียนเห้าว่า "นี่คือเว่ยเจ๋อฉี เป็น......น้องข้า
ฉีเทียนเห้ารู้จักเว่ยเจ๋อฉี แต่ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน ฉะนั้นลั่วเสี่ยวปิงจึงแนะนำสักหน่อย
ส่วนจีเหวินจุน เพียงได้ยินว่าเว่ยเจ๋อฉีเป็นน้องชายของลั่วเสี่ยวปิง หน้าก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
"ขอโทษ...." จีเหวินจุนกล่าวขอโทษด้วยเสียงเบาๆ
การกระทำของตนเองที่พาลใส่เขาเมื่อครู่นี้มันไม่สมควรจริงๆ คิดๆ แล้วก็รู้สึกละอายใจ
เห็นว่าจีเหวินจุนมีท่าทีละอายใจ เว่ยเจ๋อฉีก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อว่า "ครั้งหน้าอย่าพาลใส่ข้าตามอำเภอใจก็พอ"
เพียงจีเหวินจุนได้ยิน ก็ยิ่งอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ลั่วเสี่ยวปิงเห็นคนทั้งสองก็สงสัยเล็กน้อย "พวกเจ้านี่คือ?"
จีเหวินจุนเป็นกังวล กลัวว่าเรื่องน่าอับอายที่ตนเองทำก่อนหน้าจะถูกพี่เสี่ยวปิงล่วงรู้เข้า
โชคดีที่เว่ยเจ๋อฉีกู้หย้าให้นาง "ไม่มีอะไรหรอก"
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่ได้ถามให้มากความ มองไปยังเว่ยเจ๋อฉี "เจ้ามามีเรื่องอะไรหรือ?"
"ได้ยินท่านปู่บอกว่าพี่สาวจะเข้าเมืองหลวงไปกับพวกเราด้วย ข้าจึงเข้ามาดูว่าทางด้านนี้ของพี่สาวต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรหรือไม่"
ต้องเข้าใจว่าโอกาสนี้ เขายังแย่งชิงมาจากในมือของพี่ชายหลายคนด้วย ถึงอย่างไรพี่ชายทุกคนต่างก็อยากเข้ามา
ลั่วเสี่ยวปิงได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายหน้า "ก็ไม่มีอะไรที่ต้องการให้เจ้าช่วยหรอก เพียงแต่หากเจ้าอยากอยู่เที่ยวสักหน่อยก็ได้ ข้าจัดการธุระเรียบร้อยแล้วก็สามารถไปกันได้เลย"
ในเมื่อต้องการเข้าเมือง นางไม่สามารถไม่เตรียมพร้อมได้
ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น อย่างน้อยเมืองหลวงก็จะต้องมีทรัพย์สินของนาง
ตอนนี้หอเหมยเซียงได้เปิดดำเนินการในเมืองหลวงด้วยความช่วยเหลือของพี่ชิงหย่า และก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเถ้าแก่ฉิน อุตสาหกรรมของโอหยางฉี่หยู่ก็เคลื่อนเข้าใกล้เมืองหลวงมากขึ้น
และตัวนางเองที่มีเพียงหอเหมยเซียงก็ไม่เพียงพอ ต่อให้หอเหมยเซียงอยู่ในเมืองหลวงก็จะต้องเข้ากลุ่มตระกูลผู้สูงศักดิ์ แต่ทว่า นางยังต้องมีศักยภาพของตนเองให้มากกว่านี้
ตอนแรกคิดวางแผนที่จะเปิดร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปในเมืองหลวง
อีกทั้งร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปในครั้งนี้ นางก็เตรียมที่จะทำยี่ห้อของตนเอง และพาจางซิ่งฮวาไปช่วยจัดการด้วยกัน
ส่วนคู่สามีภรรยาตระกูลอู๋ ถ้าหากพวกเขาต้องการตามตนเองไปก็ได้ ถ้าหากต้องการอยู่ทางนี้ ตอนนี้ร้านค้าทั้งสามทางด้านนี้บริหารจัดการโดยคนทั้งสองหรือตามกระแสความนิยมของเมืองหลวง ทำสินค้าตัวที่สองก็สามารถทำได้
ส่วนร้านค้าตุ๊กตา ทางด้านเมืองหลวงนั้นสามารถทำกับร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปได้อย่างแน่นอน และทางด้านนี้ก็จะไม่มีผลกระทบ
ทางด้านเมืองหลวงนางได้มาสายหรูหรา แต่ในเมืองชิงเหอใช้เส้นทางที่เป็นมิตร ยิ่งกว่านั้น เหตุผลที่นางนึกถึงธุรกิจตุ๊กตา อันที่จริงแล้วเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของหมู่บ้านที่นี่ ส่งเสริมการจ้างงานของประชาชนในหมู่บ้านโดยรอบ ด้วยวิธีนี้หมู่บ้านต้าซิงก็ไม่ถึงกับว่าโอ้อวดเกินไป ฉะนั้นนั้นผลกำไรของสองสามีภรรยาในส่วนของตุ๊กตาจะไม่ลดลงอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า บัดนี้ผลกระทบของจางซิ่งฮวาต่อร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปนั้นค่อนข้างมาก แล้วจู่ๆ นางพาจางซิ่งฮวาไปเช่นนี้ สำหรับด้านนี้แล้วก็ดูไม่ค่อยมีจรรยาบรรณเท่าไรนัก
ฉะนั้น นางก็เลยตัดสินใจที่จะสร้างแบบแปลนหนึ่งปีสำหรับเสื้อผ้าสำเร็จรูป เมื่อเป็นเช่นนี้ สองสามีภรรยาก็จะสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ประการแรก คือหารายได้จากตระกูลผู้สูงศักดิ์
ประการที่สอง โรงน้ำชาเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการรับข้อมูล
แน่นอนว่า อันดับแรกโรงน้ำชาแบบนี้จะต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ต่อมาด้านในจะต้องมีของว่างและน้ำชา การตกแต่งจะต้องทันสมัย
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาอะไร ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ นางต้องการคนที่คอยสนับสนุนเบื้องหลัง
แต่คนที่คอยสนับสนุนเบื้องหลังนาง ก็ไม่ใช่คนตรงหน้าคนนี้หรือ?
ฉีเทียนเห้าพยักหน้า "นำความคิดของเจ้ามาให้ข้า ข้าจะส่งคนไปจัดการ"
ลั่วเสี่ยวปิงคิดๆ แล้ว ก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย "ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับข้าตอนนี้ไม่สามารถเผยแพร่ออกไปได้ เช่นนั้นทางด้านโรงน้ำชา.........."
ฉีเทียนเห้า: "วางใจเถิด เรื่องนี้ข้าจัดการเอง"
ลั่วเสี่ยวปิงเห็นท่าทีที่เตรียมพร้อมเป็นอย่างดีของฉีเทียนเห้า จึงไม่ได้มีความกังวล และเริ่มกำหนดแผนการของตนเองให้เสร็จสมบูรณ์
ส่วนฉีเทียนเห้า ก็มองดูท่าทีที่ตั้งใจทำงานของลั่วเสี่ยวปิง
ไม่พูดไม่ได้ว่า ผู้หญิงที่ตั้งใจทำงานช่างมีเสน่ห์อย่างมาก เพียงฉีเทียนเห้าได้เห็นก็หลงใหลทันที
และในเวลานี้ ด้านนอกห้อง
เพราะอานอานและเล่อเล่อตามอวี้หนิงไปบนภูเขาหลังอาหารเย็น ฉะนั้นบรรยากาศระหว่างจีเหวินจุนและเว่ยเจ๋อฉีก็หยุดนิ่งไม่ไหวติง
ก็ไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่น เพียงเพราะไม่มีลั่วเสี่ยวปิงอยู่ จีเว่ยจุนรู้สึกอับอายต่อการกระทำของตนเองอย่างมาก ฉะนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับเว่ยเจ๋อฉีจึงรู้สึกว่าไม่ลงรอยกันอย่างชัดเจน
เห็นเช่นนี้ เว่ยเจ๋อฉีคิดๆ แล้ว จึงกล่าวว่า "ข้ารีบเดินทางมาหลายชั่วยาม ยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน ถ้าหากเจ้ารู้สึกอับอายจริงๆ ทำไมถึงไม่ทำอาหารให้ข้าเพื่อเป็นการชดใช้ล่ะ?"
เพียงได้ยินว่าทำอาหาร การแสดงออกของจีเหวินจุนก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่เมื่อคิดถึงว่าเว่ยเจ๋อฉียังไม่ได้กินข้าว จีเหวินจุนก็กัดฟัน "ได้ ข้าจะทำอาหารให้เจ้า"
ก็แค่ทำอาหารไม่ใช่หรือ? ก็คงจะไม่ยากมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...