แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง นิยาย บท 588

“เจ้าได้ยินหรือไม่ว่าทางตะวันตกของเมืองมีโรงหมอมาเปิด”

“มีโรงหมอมาเปิดทางตะวันตกของเมืองแล้วแปลกตรงไหน จะมีสักกี่คนกันที่ไปหาหมอที่นั่น”

“เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย โรงหมอนี่ไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาด แต่ที่แปลกประหลาดคือใบประกาศที่หน้าโรงหมอ”

“ใบประกาศรึ แล้วใบประกาศนี่มีอะไรแปลก”

“ได้ยินมาว่าโรงหมอแห่งนี้ชื่อเหรินยี่ถัง ที่เหรินยี่ถังแห่งนี้ ขอเพียงแค่เป็นคนยากจน เจ้าก็จ่ายเงินปีละยี่สิบเหวิน ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาทางนั้นจะเก็บค่ารักษาร้อยละยี่สิบ แต่ถ้ายากจนมากจริงๆ ก็จะได้รับการรักษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย”

“เถ้าแก่เหรินยี่ถังหัวไม่ดีงั้นหรือ ดูอย่างไรก็เป็นการค้าที่ขาดทุนชัดๆ”

“ข้าคิดว่าต้องเป็นการเล่นตลกแน่ๆ พวกเจ้าคิดว่าใครจะมาทำการค้าที่ขาดทุนเช่นนี้? ก็แค่เรียกร้องความสนใจเท่านั้นแหละน่า”

"....."

ในเวลาเพียงไม่นาน ข่าวลือเกี่ยวกับเหรินยี่ถังก็ถูกกล่าวถึงไปทั่วทุกตรอกซอกซอย

บางคนบอกว่าเจ้าของเหรินยี่ถังคงสมองขึ้นสนิมไปแล้วจึงได้ทำการค้าที่ขาดทุน

บางคนบอกว่าเจ้าของเหรินยี่ถังแค่คิดจะเล่นตลกเรียกร้องความสนใจจากผู้คน

บางคนบอกว่าเจ้าของเหรินยี่ถังกำลังวางแผนรวบรวมและโกงเงิน

แต่ก็มีคนบอกว่าเจ้าของเหรินยี่ถังตั้งใจจะทำการกุศล

กล่าวก็คือ ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ เรื่องของเหรินยี่ถังก็กลายเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งเมืองหลวง

และในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากก็มารวมตัวกันอยู่ที่เหรินยี่ถังแล้ว

มีทั้งผู้คนจากเขตยากจนทางตะวันตกของเมือง มีทั้งคนทั่วๆ ไป นอกจากนี้ยังมีคนร่ำรวย แน่นอนว่าต้องมีเจ้าของโรงหมอโรงอื่นมาดูเรื่องคึกคักที่เกิดขึ้นด้วย

คนเหล่านี้มารวมตัวกันจนหน้าเหรินยี่ถังแน่นขนัด

ซ่งฉงปิงที่มองดูอยู่ในมุมลับตารู้สึกพอใจมาก

เพราะเมื่อมีคนก็หมายความว่าทำสำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่นางต้องการก็คือการป่าวประกาศให้รู้กันโดยทั่ว เพราะถึงอย่างไรนางก็อยากจะทำให้สำเร็จตามเป้าหมายในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นหากไม่ป่าวประกาศให้ใหญ่โตก็คงไม่สำเร็จ

ในขณะเดียวกันนั้น หวู่เจียงซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงหมอคนปัจจุบันก็เดินเข้ามาหาซ่งฉงปิง

“เวลานี้ยังไม่มีใครจ่ายเงินเลยขอรับจวิ้นจู่” แม้หวู่เจียงจะไม่เข้าใจว่าทำไมซ่งฉงปิงจึงเขียนใบประกาศแบบนั้น แต่เมื่อเห็นว่ายังไม่มีคนเข้ามาในโรงหมอเพื่อจ่ายเงิน เขาก็อดกังวลไม่ได้

ซ่งฉงปิงรับรู้ ทว่าไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย “เจ้าไปแปะประกาศใบที่สอง...”

จากนั้นคนที่มามุงดูจึงเห็นคนหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาฉีกใบประกาศ

“อย่างที่ข้าว่าไหมล่ะ ก็แค่เรียกความสนใจ พอกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วก็มาฉีกประกาศ...”

ใครบางคนกำลังพูดขึ้นมา แต่ยังพูดไม่ทันจบก็เห็นชายหนุ่มที่ฉีกประกาศทิ้ง หยิบประกาศใบใหม่ออกมาแปะ

“เอ๊ะ เนื้อหาเหมือนกันเลยนี่!”

มีคนสงสัย

จะฉีกใบเก่าแล้วแปะใบใหม่ที่มีเนื้อหาเดียวกันไปเพื่ออะไร

ในไม่ช้าก็มีคนสังเกตเห็นความแตกต่าง

“มันเขียนว่ามีเวลาจำกัด หมดเขตภายในปีนี้ ผู้ที่เข้าร่วมการคุ้มครองนี้ในครั้งต่อไปจะต้องรอหลังเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีหน้า”

คำพูดของคนรู้หนังสือผู้นี้ ทำให้ผู้คนที่กำลังมุงดูเริ่มกังวลขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนนี้คือเดือนสิบ อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงปลายปีแล้ว

ดังนั้นใครบางคนจึงลุกขึ้นยืนและมองหวู่เจียง “น้องชาย ที่บอกว่าจ่ายเงินยี่สิบเหวิน พวกเจ้าคุ้มครองนานแค่ไหนรึ”

หวู่เจียง “ระยะเวลาคุ้มครองคือหนึ่งปี”

คนผู้นั้นถามต่ออีกว่า “พวกเจ้า... คงไม่ได้โกหกใช่หรือไม่”

ยี่สิบเหวินไม่ใช่เงินมากมาย

ไม่มีใครสังเกตเห็นเพราะว่าที่นี่มีคนอยู่มากมาย

บางคนยังไม่ค่อยวางใจ เมื่อเห็นซ่งฉงปิงมาปรากฏตัว พวกเขาจึงถามอีกว่า “จวิ้นจู่ สิ่งที่ท่านพูดเป็นความจริงงั้นหรือเจ้าคะ ท่านไม่ได้จะหลอกพวกข้าใช่หรือไม่”

ซ่งฉงปิงไม่ได้ตอบคำถามตรงๆ แต่นางบอกไปว่า “แม้ข้าจะบอกว่าไม่ได้โกหกหลอกลวง พวกเจ้าก็คงไม่เชื่อ และเงินยี่สิบเหวินก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร เหตุใดพวกเจ้าจึงไม่ลองดูล่ะ พวกเจ้าจ่ายเงินมายี่สิบเหวิน แค่โรงหมอของพวกข้ารักษาอาการป่วยให้พวกเจ้าครั้งเดียว พวกเจ้าก็ไม่ขาดทุนแล้วมิใช่หรือ”

คำพูดของซ่งฉงปิงทำให้ทุกคนหันไปมองหน้ากัน

ฟังดูก็เหมือนจะมีเหตุผล

เพราะถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ค่ารักษากับค่ายาที่ต้องจ่ายก็ไม่ใช่เงินแค่สองสามตำลึง

นอกจากนี้ค่ารักษาก็คิดแค่ร้อยละยี่สิบเท่านั้น น่าจะลดภาระค่าใช้จ่ายให้ชาวบ้านได้ไม่รู้ตั้งคนต่อกี่คน

เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะ

จากนั้นในไม่ช้าก็มีคนลองจ่ายเงินยี่สิบเหวิน “ลองก็ลอง ถ้าใบประกาศของจวิ้นจู่เป็นเรื่องโกหก เช่นนั้น... เช่นนั้นข้าก็จะนับว่าข้าโชคร้ายเอง”

ว่าแล้วคนผู้นี้จึงก้าวเข้าไปหาหวู่เจียง สอบถามเขาว่าต้องจ่ายเงินอย่างไร

หลังจากยืนยันจนแน่ใจแล้วว่าเข้าไปจ่ายเงินได้ทันที โดยต้องเข้าไปหาชายชราที่อยู่ข้างในเพื่อลงทะเบียนข้อมูล คนผู้นั้นก็เดินเข้าไปในเหรินยี่ถังทันที

เมื่อมีคนแรกก็ย่อมมีคนที่สอง

ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม ผู้คนก็เข้ามาลงทะเบียนแล้วมากกว่าสองร้อยคน

แม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่ใช่จำนวนที่มากนัก แต่คนจำนวนเพียงแค่นี้ก็ทำให้โรงหมออื่นๆ นึกอิจฉาได้แล้ว

แม้ว่าเงินยี่สิบเหวินจากคนสองร้อยคนจะไม่ใช่เงินจำนวนมากมาย แต่ต้องรู้ว่าถ้าทั้งสองร้อยคนนี้ไปหาหมอที่โรงหมอทั่วๆ ไป เงินนั้นก็จะกลายเป็นเงินจำนวนมหาศาล

แล้วแบบนี้จะไม่ให้คนพวกนั้นอิจฉาได้อย่างไร

“หลีกทาง ทุกคนหลีกทางให้หมด รีบหลีกทางเร็วเข้า”

ในเวลานั้นเอง จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง