ในไม่ช้า ความโกลาหลก็เข้ามาใกล้เหรินยี่ถังมากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากนั้นชายร่างใหญ่ซึ่งสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งคนหนึ่งก็แบกเด็กที่หน้าผากแตกเป็นรูขนาดใหญ่เข้ามา เด็กคนนั้นมาถึงหน้าประตูเหรินยี่ถังด้วยสภาพเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งไม่ต่างกัน
แต่เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้น่าจะเพิ่งมาถึงที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบถึงฐานะของซ่งฉงปิง และยิ่งไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นที่นี่
สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ แค่จ่ายเงินยี่สิบเหวินเขาก็จะสามารถมาหาหมอที่นี่ได้
และเงินยี่สิบเหวินนี้ก็เป็นเงินเพียงก้อนเดียวที่ครอบครัวของเขาจะหามาได้
ดังนั้นชายร่างใหญ่ซึ่งแบกเด็กไว้บนหลังจึงเตรียมจะวิ่งผ่านซ่งฉงปิงเข้าไปในเหรินยี่ถัง เขาวิ่งไปพลางตะโกนไปด้วยว่า “หมอ หมอ หมอที่อยู่ข้างในน่ะ! รีบมาช่วยหน่อย! ข้าจะลงทะเบียน ข้าจะจ่ายเงิน ข้ามีเงินยี่สิบเหวิน ขอแค่พวกเจ้าช่วยลูกของข้าด้วย ได้โปรดช่วยลูกของข้าด้วย”
น้ำเสียงของชายร่างใหญ่เต็มไปด้วยความร้อนรน ท่าทางเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“หัวของเด็กเป็นรูใหญ่มาก เกรงว่าคงไม่รอดแน่แล้ว แบบนี้ยังคิดจะจ่ายเงินยี่สิบเหวินขอให้คนอื่นช่วยชีวิต นี่มันเป็นเรื่องเพ้อฝันชัดๆ”
แต่ทันทีที่สิ้นเสียงของคนผู้นั้น หวู่เจียงก็ได้รับสัญญาณจากซ่งฉงปิงและรีบเดินนำชายร่างใหญ่เข้าไปในเหรินยี่ถังทันที
ทุกคน “.....”
คะ... คิดจะช่วยเด็กคนนั้นจริงๆ หรือ
ด้วยเงินยี่สิบเหวินเนี่ยนะ
ชั่วขณะนั้น แม้แต่คนที่จ่ายเงินไปแล้วก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
ตราบใดที่ไม่เกิดเหตุการณ์จริงๆ ขึ้นมาก่อน ต่อให้อยากเชื่อก็ยากจะเชื่อ แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ ทุกคนกลับไม่อยากจะเชื่อเหมือนเดิม
ซ่งฉงปิงไม่ได้รีรออยู่ข้างนอกนานนัก ในตอนนั้นนางไม่ได้สนใจคนที่อยู่ข้างนอก หลังจากชายร่างใหญ่หายเข้าไป นางก็ตามเข้าไปทันที
อาการของเด็กคนนั้นอยู่ในขั้นวิกฤติ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าเด็กเสียเลือดไปมากแค่ไหนระหว่างที่ชายร่างใหญ่คนนี้กำลังวิ่งวุ่น หากไม่รีบรักษา ต่อให้บาดแผลไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ก็อาจจะเสียชีวิตได้เพราะเสียเลือดมาก
ตอนที่ซ่งฉงปิงเข้าไปในเหรินยี่ถัง ชายร่างใหญ่กำลังอยู่ในสภาพฟุ้งซ่านและกวาดตามองไปรอบๆ ห้องโถงที่วุ่นวาย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและสิ้นหวัง ตอนนี้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครคือหมอ ทั้งยังไม่รู้ว่าเขาควรจะไปขอความช่วยเหลือจากใคร
“ตามข้ามา”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่เยือกเย็นเสียงหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลังของเขา
ชายร่างใหญ่หันกลับไปมอง เมื่อเห็นหน้าซ่งฉงปิงเขาก็ชะงักไปทันที
แต่ชีวิตของลูกกำลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นชายร่างใหญ่จึงไม่คิดอะไรมากและเดินตามซ่งฉงปิงไปโดยไม่รู้ตัว
ซ่งฉงปิงพาชายร่างใหญ่เข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของนาง จากนั้นจึงสั่งให้ชายร่างใหญ่วางเด็กลงบนเตียงและบอกกับเขาว่า “เจ้าออกไปลงทะเบียนก่อน ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
ปล่อยให้เป็นหน้าที่นาง?
ชายร่างใหญ่ชะงัก สีหน้าเต็มไปด้วยความลังเลอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนนี้อาการของลูกเจ้าอันตรายมาก ถ้าไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับเขา เจ้าก็จงทำตามที่ข้าบอก” น้ำเสียงของซ่งฉงปิงเยียบเย็นและไร้ซึ่งอารมณ์
แต่น้ำเสียงที่ไร้ซึ่งอารมณ์เช่นนี้กลับยิ่งทำให้คำพูดเต็มไปด้วยพลังอำนาจ ชายร่างใหญ่รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของซ่งฉงปิง เขาไม่กล้าชักช้าและทำได้เพียงรีบถอยออกไป
ทันทีที่เขาออกไป ประตูก็ถูกปิดลงต่อหน้า
ชายร่างใหญ่รู้สึกไร้หนทาง ทันใดนั้นหวู่เจียงก็เดินเข้ามาและบอกว่า “ตามข้าไปลงทะเบียนเถิด!”
แม้ว่าจะไม่อยากไปเพราะอยากคอยเฝ้าอยู่ที่ประตู แต่ชายร่างใหญ่ก็ทำได้เพียงต้องตามหวู่เจียงออกไป
ที่ด้านใน อาการของเด็กคนนี้ร้ายแรงกว่าที่ซ่งฉงปิงคิดเล็กน้อย เวลานี้เด็กเสียเลือดมากและหมดสติไปเพราะบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการถ่ายเลือด
แต่การถ่ายเลือดไม่ใช่สิ่งที่นางจะทำได้ง่ายๆ ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องใช้วิธีอื่น
ซ่งฉงปิงคิดจะใช้น้ำแร่วิญญาณดึงชีวิตของเด็กเอาไว้ แต่เด็กหมดสติไปแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะป้อนน้ำให้เขาดื่ม
เมื่อไม่มีทางอื่น ซ่งฉงปิงจึงต้องหยิบเข็มเงินออกมา นางช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจของเด็กไว้ก่อน จากนั้นจึงเริ่มห้ามเลือดและใช้เข็มเย็บ
หลังจากทำตรงนี้เสร็จ ซ่งฉงปิงก็รู้ว่าเด็กคนนี้จะยังไม่เป็นอะไรไปชั่วระยะหนึ่ง และหลอดเลือดหัวใจของเด็กก็จะปลอดภัยแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก้านธูปเท่านั้น นางต้องทำยาเสริมเลือดออกมาให้เร็วที่สุดเพื่อป้อนให้เด็กคนนี้กิน
ซ่งฉงปิงเข้าไปในสเพซจากนั้นจึงเลือกสมุนไพรปรุงยาอย่างรวดเร็วและเริ่มสกัดยาออกมา
นอกจากนี้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ นั้น หวู่เจียงยังได้ยินเรื่องที่จวิ้นจู่เคยช่วยคนเอาไว้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
ดังนั้นในสายตาของหวู่เจียง ซ่งฉงปิงจึงเป็นประหนึ่งเทพธิดาที่จุติลงมาจากสวรรค์
แต่ชายร่างใหญ่กลับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำกล่าวของหวู่เจียง
“จวิ้นจู่? จวิ้นจู่อะไร”
ในเขตยากจนเช่นนี้มีจวิ้นจู่ที่ไหนกัน
หวู่เจียงเห็นดังนั้นจึงรู้ทันทีว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้ไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นเขาจึงอธิบายเรื่องฐานะของซ่งฉงปิงให้ฟัง
ทันทีที่หวู่เจียงอธิบายจบ ประตูห้องก็เปิดออกมาอย่างพอดิบพอดี
ซ่งฉงปิงเดินออกมา
ไม่รอให้ชายร่างใหญ่ถาม ซ่งฉงปิงก็บอกว่า “เด็กไม่เป็นไรแล้ว”
ชายร่างใหญ่ไม่ได้เข้าไปดูลูก แต่กลับคุกเข่าลงตรงหน้าซ่งฉงปิงจนเกิดเสียงดัง ‘ปึง’ จากนั้นจึงมีเสียงดัง ‘ตุบ’ สามครั้งเพราะเขาก้มลงคำนับซ่งฉงปิง
เขาเคยได้ยินเรื่องของเจียเล่อจวิ้นจู่มาก่อน
ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกว่าต่อให้เขาไม่เข้าไปดูลูก ลูกของเขาก็คงไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ
หลังจากคำนับนางแล้ว ชายร่างใหญ่จึงเข้าไปดูลูก เมื่อเห็นว่าลูกอาการดีขึ้นเขาจึงคุกเข่าร้องไห้และก้มกราบเทพยดาฟ้าดินอย่างมีความสุข
ในไม่ช้าทุกคนก็รับรู้เรื่องที่เด็กซึ่งมีรูขนาดใหญ่อยู่บนหัวได้รับการรักษาจนหายดี
คราวนี้ทักษะทางการแพทย์ของซ่งฉงปิงได้รับการพิสูจน์อีกครั้ง
จากนั้นจึงมีคนมาจ่ายเงินมากขึ้น
ทันใดนั้นเอง ใครบางคนก็เริ่มก่อปัญหา...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...