เมืองหลวงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ชาวบ้านธรรมดาไม่กล้าออกจากบ้านเลย
ตอนที่คนของฮ่องเต้เตรียมจะโจมตีอ๋องเซ่อเจิ้ง ก็มีองครักษ์ใส่ชุดสู้รบสีดำกลุ่มนี้โอบล้อมพระราชวังโดยเร็วที่สุด
คือกองทัพเสวียนอู่
ใครๆล้วนรู้ว่า กองทัพเสวียนอู่เป็นกองทัพของอ๋องเซ่อเจิ้งที่มีความลึกลับและแข็งแกร่ง
เก้าปีก่อน ตอนที่ศัตรูบุกรุกเข้ามา
เมืองซีหรงและเมืองเป่ยอันบุกรุกเข้ามา แถมปีนั้นอ๋องเฉิงซ่งหยุนหลินก็คิดจะก่อกบฏ อยากจะตั้งตัวเป็นใหญ่ที่ตะวันออกเฉียงใต้
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ราชบัลลังก์อันตรายมาก
ถึงแม้ตอนนั้นฮ่องเต้ให้ซ่งหยุนดาเป็นผู้นำกองทัพ ไปจัดการแคว้นซีหรงที่แข็งแกร่งในตะวันตก ตอนนั้นเป่ยอันยังมีจีซิงยี่ป้องกันอยู่ แต่อ๋องเฉิงบุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ ไม่มีใครห้ามได้ ไม่ถึงหนึ่งเดือนก็ครอบครองสามเมือง แต่งตั้งตัวเองเป็นฮ่องเต้ แถมยังโจมตีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงนั่นเอง
ตอนนั้นฮ่องเต้ไม่มีคนที่ใช้ได้ คนที่ส่งไปปราบปรามอ๋องเฉิง ไม่ใช่ถูกปลุกระดมจนเป็นกบฎร่วม ก็ถูกยิงฆ่า ไม่มีใครรอดพ้นได้
ไม่มีวิธีอื่นใด เพื่อปกป้องราชบัลลังก์ ซ่งหยุนจางก็ตั้งสัญญา : ใครสามารถทำสงครามชนะ ก็จะให้อำนาจที่เหนือสุดแก่เขา ให้คนนั้นอยู่ใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่น
เห็นได้ว่า สถานการณ์ตอนนั้นอันตรายขนาดไหน ไม่อย่างงั้นฮ่องเต้คนหนึ่งจะไม่ตั้งสัญญาแบบนี้หรอก
แต่ถึงแม้ผู้กล้าหาญมีเยอะ แต่ไม่มีใครที่สามารถเอาชนะอ๋องเฉิงได้
และในเวลานี้ ฉีเทียนเห้าพาทหารและกองทัพเสวียนอู่ของเขา ใช้เวลาเพียงครึ่งเดือน ก็เอาชนะอ๋องเฉิงที่คนอื่นใช้เวลาหลายเดือนยังเอาชนะไม่ได้จนได้
ไม่มีใครรู้ว่าฉีเทียนเห้ามาจากไหน
กองทัพของเขามาจากไหนก็ยิ่งไม่มีใครรู้
จากนั้นฉีเทียนเห้าก็ได้พาผลสำเร็จของตัวเอง อ๋องเฉิงเข้าเมืองหลวง
ตอนนั้นเหล่าชาวบ้านเห็นว่าฉีเทียนเห้าพาทหารม้ากลุ่มหนึ่งเข้าเมือง สถานการณ์อลังการมาก หลายๆปีผ่านไปยังไม่อาจลืมได้
โดยเฉพาะตอนนั้นฉีเทียนเห้าอายุเพียงสิบเจ็ดปีเอง มีความสามารถตั้งแต่วัยหนุ่ม มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนที่ชอบเขา
จากนั้น ไม่มีใครรู้ว่าฉีเทียนเห้าได้ขึ้นเป็นอ๋องเซ่อเจิ้งในอายุที่สามารถเป็นลูกชายของฮ่องเต้ได้อย่างไร
แต่วิธีการของอ๋องเซ่อเจิ้ง ได้ทำให้ทุกคนยอมรับอย่างสุดจิตสุดใจ
โดยเฉพาะหลังจากที่อ๋องเซ่อเจิ้งมีส่วนร่วมทางการเมือง สถานการณ์ต่างๆของเมืองหลวงก็ดีขึ้นเยอะ ขุนนางที่ทุจริตบางคนก็ได้รับโทษ
ดังนั้นทุกคนก็ค่อยๆยอมรับอ๋องเซ่อเจิ้ง
แต่ชาวบ้านในเมืองหลวงก็ไม่ได้เห็นกองทัพเสวียนอู่กองนั้นอีก
ตอนนี้กองทัพเสวียนอู่ปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง ทรงพลังอย่างเช่นเคย เหล่าชาวบ้านล้วนรู้อย่างชัดเจนว่า จะเกิดเหตุใหญ่ยิ่งขึ้น
แต่ชาวบ้านธรรมดาไม่กล้ามาดูสนุก ดังนั้น บนถนนไม่เห็นชาวบ้านธรรมดาเลย ผู้คนกล้าแต่แอบดูผ่านช่องว่างประตู
แต่ถึงแม้เห็นแต่ร่างที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วของกองทัพเสวียนอู่ เหล่าชาวบ้านก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
และก่อนที่พระราชวังก็ถูกโอบล้อม ซ่งหยุนจางก็ได้รับข่าวจากนอกเมือง"ฝ่าบาท ทหารที่เฝ้าอยู่นอกเมืองล้วนถูกทหารกลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ชื่อควบคุมไว้"
ซ่งหยุนจางลึกขึ้นมา ทำหน้าตกใจ"อะไรนะ?"
หลังจากตกใจแล้ว ก็เป็นความกระวนกระวายใจ
แต่ยังคิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ข้างนอกก็มีเสียงแจ้งเตือนขององครักษ์ส่งมา
"ฝ่าบาท แย่แล้ว!"
คำพูดนี้ทำให้ซ่งหยุนจางตัวสั่น เกือบจะล้มลงไปกับพื้น
เพื่อที่จะซ่อนความเก้อเขินของตัวเอง ซ่งหยุนจางทำหน้าโกรธขรึม หาเรื่องคนที่มา"ไอ้สารเลว!เจ้าว่าใครแย่แล้ว?มาคนที"
คนนั้นคุกเข่าลงพื้น"ฝ่าบาท ข้าน้อย......"
"ลากออกไปประหารชีวิตเลย"ไม่ทันรอให้องครักษ์คนนั้นพูดเสร็จ ซ่งหยุนจางก็ขัดจังหวะพูดทันที
องครักษ์ได้ยินเช่นนี้ อยากจะขอร้อง แต่ถูกยัดปากทันที และลากออกไป
ซ่งหยุนดาไม่สนใจความสิ้นหวังในสายตาขององครักษ์เลย
ไม่นานลูกน้องก็มาแจ้งว่า องครักษ์คนนั้นจัดการเสร็จแล้ว
แต่สีหน้าของซ่งหยุนจางไม่ได้ดีขึ้นเพราะสิ่งนี้เลย
ในมุมมองของเขา เด็กที่ไม่รู้มาจากไหมนั้น ให้ผลประโยชน์บางอย่างก็พอ
ดังนั้น หลังจากรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเข้ามาในเมืองหลวง เขาก็เลยสั่งให้เขาเข้าเฝ้าโดยไม่มีการป้องกันใดๆ
"ฝ่าบาท"
ชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดทำความเคารพต่อซ่งหยุนจาง แต่ไม่ได้คิดจะคุกเข่ากราบไหว้
รอบข้างของชายหนุ่มมีลมปราณที่เย็นชา ทรงพลังมาก แม้เผชิญกับซ่งหยุนจางที่เป็นผู้นำของประเทศ ก็ไม่มีความหวาดกลัวเลย
หากคนอื่นยังจะรู้สึกชื่นชมหน่อย แต่ซ่งหยุนจางไม่รู้สึกอะไรเลย
เขารู้สึกแต่ว่า อำนาจจักรพรรดิของเขาถูกท้าทาย ดังนั้นสีหน้าเลยบึ้งตึง พูดอย่างเย็นชา"นี่คือมารยาทที่เจ้าควรมีต่อข้าหรือ?"
ชายหนุ่มเงยหน้า มองไปทางซ่งหยุนจางอย่างเย็นชา"ฝ่าบาทอยากให้ข้ามีมารยาทอะไร?"
วินาทีที่สบตากัน ซ่งหยุนจางรู้สึกแต่ว่าเลือดในตัวแข็งตัวขึ้นมา ความโกรธทั้งหมดล้วนติดอยู่ในลำคอ
ในทันใดนั้น เขารู้สึกว่าตัวเองมีความหวาดกลัวแต่ชายหนุ่มคนนั้นโดยสัญชาตญาณ เหมือนกับว่าชายหนุ่มถึงเป็นราชาที่มาแต่เกิด
แต่ความคิดแบบนี้ ทำให้ซ่งหยุนจางตกใจมาก
หากคนอื่นเป็นราชา แล้วเขาในฐานะที่เป็นฮ่องเต้ถือเป็นอะไรล่ะ?
ยิ่งคิดสีหน้าของซ่งหยุนจางก็ยิ่งมืดทึบ
ยังไม่ทันรอซ่งหยุนจางหาเรื่อง ชายหนุ่มคนนั้นก็พูดว่า"คำมั่นสัญญาที่ว่าอยู่ภายใต้คนๆเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่นที่ฝ่าบาทสัญญาไว้นั้น ยังเป็นจริงอยู่หรือเปล่า?"
ซ่งหยุนจางคิดไม่ถึงว่า ชายหนุ่มจะถามเช่นนี้
ใครกล้ามาถามเขาในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศเช่นนี้ล่ะ?
เขาในฐานะที่เป็นฮ่องเต้อยากจะให้รางวัลอะไรก็ต้องรับไว้ไม่ใช่หรือ?
ใครกล้ามาถามเขาตรงๆเช่นนี้ล่ะ?ไม่ไว้เขาที่เป็นฮ่องเต้ในสายตาเลย
คิดอยู่แบบนี้ ซ่งหยุนจางก็ทำหน้าบึ้งตึง มองชายหนุ่มโดยใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมด"ถึงแม้ไม่จริง เจ้าจะทำอะไรได้ล่ะ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แม่หญิงปรุงยามือปราบกับลูกลิงทั้งสอง
สนุกแต่ทำไมคุยกับคนอายุเยอะกว่า เรียกเจ้า ๆ ข้า กับเจ้า ทำไม่ใช่ ท่าน เหมือนอันอัน อานอาน คุยกับพ่อ กับผู้ใหญ่ เรียกเจ้าอยู่เลย...
เนื่องนี้สนุกดี..ถึงแม้จะมีบางตอนที่เขียนเนือยไปหน่อย แต่ก็ตบกลับมาได้ 👍👍👍 คือ โอเคดีเลย...
ตอนที่ 19 - 20 หาย...
เรื่องนี้เคยลงจนจบแล้วหายไปไหนหมด เคยลงในreaderaz...