หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว เธอเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด เธอเอนกายพักผ่อน เธอรู้ตัวเองดีกว่ากระทำของตัวเองไม่ได้น่าภูมิใจมากนัก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมันอีกแล้ว
พักอยู่ครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงแม่นมฉีบ่นด้วยความกังวลใจ “พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเพคะ?”
หยวน ชิงหลิง ดันตัวเองขึ้นจากโต๊ะอย่างช้า ๆ แล้วยืนให้เรียบร้อย ก่อนเรียกแม่นมฉี “เข้ามาเถอะ”
เสียงผลักประตูดังขึ้น แม่นมฉีกับลวี่หยาเมา ทั้งสองคนรีบวิ่งไปดูฮั่วเกอเอ๋อร์ พบว่าลมหายใจสม่ำเสมอดี แม่นมฉีจึงถอนหายใจได้อย่างโล่งอก
หยวน ชิงหลิง ยกกล่องยาขึ้นแล้วพกกับทั้งคู้ว่า “เรื่องในคืนนี้ พวกเจ้าทั้งสองจงเก็บเป็นความลับ อย่าได้บอกอ๋องฉู่หรือคนในจวนแม้แต่คนเดียว”
แม่นมฉีและลวี่หยามองหน้ากันและคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
ลวี่หยาเข้าไปพยุง หยวน ชิงหลิง “พระชายา หม่อมฉันพยุงพระองค์กลับไปนะเพคะ”
“ไม่เป็นไร เจ้าเฝ้าเขาเถอะ ที่หัวเตียงข้าวางยาเอาไว้ สองชั่วยามให้เขากินหนึ่งครั้ง ถ้ากินหมดแล้ว ค่อยมาหาข้า” หยวน ชิงหลิง ปล่อยมือลวี่หยาแล้วเดินออกไปข้างนอกอย่างยากลำบาก
“พระชายาเพคะ!” จริง ๆ แล้วนางอยากพูดขอบคุณสักคำ แต่พอนึกเรื่องเมื่อก่อนที่ หยวน ชิงหลิง เคยก่อมา จึงไม่อาจเอ่ยคำขอบคุณออกมาได้ จึงทำแค่พูดอีกเล็กน้อย “ทางเดินตอนยามค่ำคืนมันมืด ถือตะเกียงกลับไปเถอะเพคะ”
นางถือตะเกียงไปให้ หยวน ชิงหลิง ยื่นมือไปรับมา “ขอบคุณ!”
แม่นมฉีตกใจ!
ขอบคุณ? นางพูดว่าขอบคุณ?
หยวน ชิงหลิง กลับถึงตำหนักเฝิงอี๋ ฉีดยาให้ตัวเองสักเข็มและพักผ่อนบนเตียง
อาการบาดเจ็บของนางแม้จะยังไม่อักเสบ แต่บาดแผลที่ได้รับเป็นบริเวณกว้างบวกกับผลของยาปฏิชีวนะ ทำให้เธออ่อนล้ามาก
หลังจากเธอไข้ขึ้นสูง เรี่ยวแรงทั้งหมดได้หายไป เธอขดตัวพักผ่อนเป็นก้อนกลม อ่อนล้าจนลืมตาแทบไม่ขึ้น
ไม่นาน ความมืดที่คืบคลานเข้ามาเธอก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอได้ยินเสียงผลักกประตูเข้ามาได้ยินเสียงพูดอย่างเร่งรีบ “พระชายา รีบตื่นเถอะเพคะ”
หยวน ชิงหลิง ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก มองเห็นลวี่หยามองดูด้วยความเป็นห่วง มองดูแล้ว ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นมา “ฮั่วเกอเอ๋อร์ไข้ขึ้นอีกแล้วหรือ?”
สองมือของเธอไม่สามารถจับพยุงตัวเองได้ จึงล้มลงกับเตียง
ลวี่หยาเห็นอย่างงั้นจึงพูดว่า “หม่อมฉันจะกลับไปทูลท่านอ๋องว่าพระองค์ยังไม่สามารถขยับได้นะเพคะ”
อาการ หยวน ชิงหลิง ทำให้ข้ารับใช้ถึงกับปวดหัว เธอนอนพักอยู่บนเตียงฟังเสียงฝีเท้าของลวี่หยาวิ่งออกไป ในสมองเธอคิดอย่างสับสน อาการเป็นอย่างนี้ อ๋องฉู่คงไม่อยากพาเธอเข้าวังในสภาพแบบนี้แน่?
เธอลุกขึ้นมาอย่างอ่อนแรงและกินยาลดไข้สักเม็ดนึง แล้วปิดกล่องยาลงทันใดนั้นเธอมองเห็นขวดยาแอสไพรินที่วางอยู่ด้านใน
ในกล่องยาของเธอไม่เคยมียาแอสไพริน
เธอหยิบมันขึ้นมา เธอยังพบว่าข้างในยังมีโดพามีนและยังมีกระบอกฉีดยาเข้าเส้นเลือดดำที่เธอเคยออกแบบเอง
เป็นไปไม่ได้
โดพามีนกับแอสไพรินเป็นของที่มีในห้องทดลอง มันเป็นยาใช้สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เธอมักจะสำรองไว้ในห้องทดลอง แต่ทว่าในกล่องยานี้ อย่างเครื่องวัดความดันชีพจรและอุปกรณ์ยึดตรึงกระดูก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในกล่องยาแบบนี้
ไม่เพียงแค่มีกล่องยาในยุคปัจจุบัน เมื่อตรวจดูตัวยาด้านในกล่องยา กลับไม่พบอะไรเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้หล้าสยบรัก