ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 193

"พรืด!"

"พรืด!"

คำพูดนั้นของโหลชีประหนึ่งทำลายคำสาปลง ทำให้ทุกคนที่ชะงักตะลึงมองสาวงามผู้ปรากฏกายราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์นั้นได้สติกลับมา และยังทนไม่ไหวหัวเราะออกมาอีก

ฮะฮะ ฮะฮะ! มนุษย์นก ไม่ใช่มนุษย์นกหรือไง? หนึ่งคนหนึ่งนก มนุษย์นก!

เดิมการปรากฏกายที่งดงามไร้ที่ติ เพราะคำพูดนี้กลายเป็นเรื่องตลก โหลวซิ่นหัวเราะอย่างหยุดไม่อยู่

เดิมน่าหลานจื่อหลินมองอย่างหลงใหล อาจารย์เขาไม่ได้พูดผิด เขาชอบศิษย์พี่หญิงคนนี้มาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าอายุนางในเขาเวิ่นเทียนจะน้อยกว่าศิษย์มากมาย แต่นางเข้ารับการเรียนวิทยายุทธเร็วที่สุด ที่เขาเวิ่นเทียนของพวกเขามีกฎข้อหนึ่งว่า ใครที่เข้ารับการถ่ายทอดวิทยายุทธเร็วที่สุด ใครที่สามารถผ่านการทดสอบจากสำนักเร็วที่สุด ก็จะถือเป็นอันดับใหญ่ที่สุด

น่าหลานฮั่วซินเป็นอัจฉริยะวิทยายุทธคนหนึ่ง สามปี อายุแค่สามปีนางก็ผ่านการทดสอบของสำนัก กลายเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาเวิ่นเทียน คนต่อมาไม่ว่าอายุมากน้อยเพียงใด ต่างเป็นศิษย์น้องชายศิษย์น้องหญิงของนางทั้งหมด และนางไม่เพียงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในด้านการต่อสู้ ในด้านจังหวะดนตรี วรรณกรรม ค่ายกล กับดักและการควบคุมสัตว์ยิ่งแสดงการรับรู้ที่น่าตกใจออกมา ดังนั้นในตอนที่น่าหลานฮั่วซินอายุเพียงสิบสองปีก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพธิดา มีอำนาจเป็นรองแต่เพียงผู้ครองเขา แต่อยู่เหนือผู้อื่นทั้งหมด รวมถึงผู้อาวุโสล้วนต้องฟังนาง

นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมฟ่านฉางจื่อเป็นอาจารย์อาของนางแต่กลับต้องเชื่อฟังนาง

พรสวรรค์กับความรู้ของนางทำให้คนริษยา แต่ไม่คิดเลยว่าน่าหลานฮั่วซินกลับมีใบหน้างดงามยิ่ง และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในรายชื่อสาวงามทั่วทั้งใต้หล้า

บนรายชื่อสาวงามทั่วทั้งใต้หล้านั่นยังมีซู่หลิวอวิ๋น ฉายานางฟ้าหลิวอวิ๋นแห่งเขาเฉินอวิ๋น และมีเป่ยฝูหรง องค์หญิงใหญ่แห่งเป่ยชาง ทั้งหมดนี่คือสามอันดับแรก คนอื่นโหลชีจำไม่ได้แล้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเจอน่าหลานฮั่วซิน ก่อนหน้านี้ชื่อของน่าหลานฮั่วซินคุ้นหูมาตลอด คนในตำหนักจิ่วเซียวต่างพูดกันว่า จักรพรรดินีในอนาคตของเฉินซ่า เป็นไปได้เจ็ดส่วนว่าจะเป็นน่าหลานฮั่วซิน ถ้าซู่หลิวอวิ๋นจะแย่งชิง ก็อาจจะพอเป็นไปได้ แต่โดยรวมแล้ว น่าหลานฮั่วซินน่าจะชนะ

สาวงามบนหลังอินทรีมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ ลอยตัวลงมาจากการบินวนของอินทรี กระโดดอย่างแผ่วเบาลงมา ร่างงามในชุดแดงเหาะลงมาดั่งเซียน

ถึงจะมาถึงบนระเบียงนี้แล้ว แต่การกระโดดลงมากลางอากาศด้วยตนเองแบบนี้ ความกล้าหาญมั่นใจและวิทยายุทธล้วนทำให้คนชื่นชมได้ บวกกับชุดแดงนั่น เรือนร่างอันงดงาม ขลุ่ยหยกม่วงและยังความประณีต บวกกับความงามของที่นี่ น้ำตกตระการตาอันแสนไกลนั่น ทำให้คนตกใจมากพอดูแล้ว

พื้นรองเท้าสีทองของน่าหลานฮั่วซินลอยลงมาเหยียบบนพื้นหญ้าอย่างแผ่วเบา ดวงตาเรียวยาวที่งดงามมองมาทางโหลชี

ในใจน่าหลานจื่อหลินอดเปรียบเทียบทั้งคู่ไม่ได้

เทียบกับน่าหลานฮั่วซินที่เขาเคยคิดว่าไร้เทียบเคียงได้ ไม่ว่าเปรียบยังไงก็เท่ากับเป็นการลบหลู่น่าหลานฮั่วซิน แต่ตอนนี้เขากลับเอาโหลชีกับน่าหลานฮั่วซินมาเทียบกัน

โหลชีในชุดบุรุษสีดำแดง ผูกผมม้าไว้สูง ใช้ผ้ารัดผมสีดำแดง เผยให้เห็นใบหน้าดุจหยกขาวนั่น หว่างคิ้วมิได้มีแววเย็นเยียบ แต่แฝงไปด้วยความมั่นใจ

มิได้ทำให้คนตกตะลึงเท่าน่าหลานฮั่วซิน แต่มิรู้ทำไมถึงทำให้คนอดไม่ได้เบนสายตาไปมอง

"ฮั่วซิน โหลชีมาแล้ว อาจารย์อาทำหน้าที่สำเร็จแล้วนะ"

น่าหลานฮั่วซินจริงๆ

"ขอบคุณอาจารย์อามาก อาจารย์อาลำบากแล้ว ไว้รอแม่นางโหลหาเถาทองม่วงเจอ ตันเอ๋อร์ต้องขอบคุณอาจารย์อาแน่" น้ำเสียงน่าหลานฮั่วซินไม่ได้อ่อนหวานแน่งน้อย กลับเย็นชาเล็กน้อย พูดจาชัดถ้อยชัดคำ

โหลชีอดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางไปหาเถาทองม่วง ไม่ควรขอบคุณนางหรือไง?

ฟ่านฉางจื่ออยากรีบจากไป จึงถามทันทีว่า "อาจารย์อายังมีธุระ ขอไปก่อนได้หรือไม่?" ถึงน่าหลานฮั่วซินจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมเขารีบร้อนเยี่ยงนี้ แต่ก็พยักหน้า "อาจารย์อาสามเชิญเถิด"

"จื่อหลิน ไป!"

น่าหลานจื่อหลินมองน่าหลานฮั่วซิน และมองโหลชี แต่กลับไม่อยากเบนสายตาออก โหลชีเลิกคิ้วงง หมอนี่โดนนางยั่วโมโหจนแทบกระอักเลือดมาตามทางไม่น้อย นี่ยังไม่อยากแยกจากนางอีก?

"จื่อหลิน" ฟ่านฉางจื่อต้องการให้น่าหลานจื่อหลินไปช่วย มีหรือจะยอมอนุญาตให้เขาอยู่ที่นี่? น่าหลานจื่อหลินได้แต่ตามเขาจากไปตามทางที่มา ก่อนเข้าถ้ำเขาหันมาบอกโหลชีอย่างรีบร้อนคำหนึ่งว่า "โหลชี ระวังตัวให้มาก!"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมองดูเขาเข้าถ้ำไปราวกับจะหนี มีเส้นสีดำเล็กน้อยบนหน้าผาก น่าหลานฮั่วซินหันมองโหลชี โหลชีก็มองนาง ทั้งสองปะทะสายตากัน

ผ่านไปสักครู่ น่าหลานฮั่วซินเอ่ยปากก่อน "แม่นางโหลคงมิใช่เกิดความผูกพันกับศิษย์น้องชายจื่อหลินของข้ากระมัง? ทำให้เขาอาลัยอาวรณ์เพียงนี้ ยังออกปากตักเตือน เห็นได้ชัดถึงความห่วงใย"

โหลชียิ้มบอก "แม่นางน่าหลาน นี่ท่านคิดว่าตนเป็นแม่สื่อเพราะใส่ชุดแดงรึ?"

โหลวซิ่นหลุดหัวเราะพรืดออกมา

ชิ้ว!

แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น พุ่งไปด้านหน้าโหลวซิ่น เสียงเพี๊ยะดังขึ้น และพริ้วกลับมาในมือน่าหลานฮั่วซิน

มันคือผ้าปิดหน้าสีแดงผืนหนึ่ง!

น่าหลานฮั่วซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "คนรับใช้ตำหนักจิ่วเซียวมิรู้ขนบธรรมเนียมเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?"

ใบหน้าด้านหนึ่งของโหลวซิ่นบวมขึ้นมา

โหลชีสายตาเย็นชา

เมื่อก่อนในจิตใจพวกเขาเทพธิดาแห่งเขาเวิ่นเทียนแทบจะเปรียบเสมือนกับเทพธิดาก็ไม่ปาน เล่าลือกันว่านางงดงาม เฉลียวฉลาด อ่อนโยน ใจกว้างยิ่ง วิทยายุทธสูงส่ง แทบจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ มีเพียงข้อติข้อเดียวคือ เขาเวิ่นเทียนโอหังกร่างตน พวกเขากังวลว่าต่อไปฐานะของฝ่าบาทเมื่ออยู่ต่อหน้าน่าหลานฮั่วซินจะด้อยลงไป แต่ฐานะเบื้องหลังแข็งกล้าก็เป็นข้อดี พวกเขาเชื่อมาตลอดว่า น่าหลานฮั่วซินจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับจักรพรรดินี

แต่ ตัวจริงมิสู้ข่าวลือจริงรึ?

ตอนนี้พวกเขาได้เจอน่าหลานฮั่วซินแล้ว งดงามก็จริง การปรากฏกายทำให้คนตกตะลึงก็จริง แต่เหตุใดพอมาคิดดูแล้ว เหมือนกับนางกำลังเลียนแบบการปรากฏกายของแม่นางโหลวตอนที่บังคับอินทรีร่อนลงมาอยู่? อีกอย่าง ไหนเล่าความอ่อนโยนใจกว้าง?

อย่าพึ่งพูดว่าตอนนี้พวกเขามิใช่คนรับใช้ตำหนักจิ่วเซียวแล้ว ต่อให้ใช่ นางยังมิได้เป็นจักรพรรดินีของตำหนักจิ่วเซียวเลยด้วยซ้ำ เมื่อใดกันที่เป็นหน้าที่นางต้องมาสั่งสอนพวกเขา?

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นเดิมเป็นองครักษ์ขั้นหนึ่งหน่วยเจี่ยที่ติดตามเฉินซ่า ตอนเฉินซ่าไปตามหาตัวยาก็พาพวกเขาไป มิใช่องครักษ์ธรรมดา แน่นอนว่าต้องมีความหยิ่งทระนงไม่น้อย การตบและคำพูดเมื่อครู่ของน่าหลานฮั่วซินเท่ากับเป็นการลากนางลงจากตำแหน่งที่พวกเขาเลื่อมใสลงมาเลย

กลับเป็นโหลวซี เพื่อล้างแค้นให้โหลวซิ่น ถึงกับลงมือฆ่าอินทรีของอีกฝ่าย ช่างสง่างามยิ่ง!

ตอนนี้น่าหลานฮั่วซินกลับพูดจาในฐานะภรรยาฝ่าบาท ทำให้พวกเขาทำหน้าราวกับกินแมลงวันเข้าไปก็มิปาน ทั้งๆที่ฝ่าบาทกับแม่นางของพวกเขา--

โหลชียับยั้งมิให้พวกเขาพูด

นางเพียงมองดูน่าหลานฮั่วซินยิ้มๆ ปล่อยให้นางพล่ามต่อไป

"แม่นางโหลเหตุใดมิพูดอันใดเลย?" เดิมน่าหลานฮั่วซินรอนางสีหน้าเปลี่ยน รอดูนางริษยาโกรธขึ้ง แต่พอดู จิตใจนางก็ขรึมลง โหลชีผู้นี้ยากจะรับมือมากกว่าที่นางคิดไว้

ความคิดจะฆ่าพวยพุ่งหนักขึ้น

นางต้องตาย

โหลชีหัวเราะบอก "กว่าแม่นางน่าหลานจะมีโอกาสได้คุยโวโอ้อวด ข้าคงมิอาจไม่ไว้หน้าได้"

"พรืด!"

เฉิงสิบกับโหลวซิ่นมีหรือจะทนไหว หัวเราะพรืดออกมา

ฮะฮะฮะฮะฮะ!

แม่นางโหลเหตุใดปากร้ายเยี่ยงนี้ กล้าบอกว่าน่าหลานฮั่วซินกำลังคุยโว!

น่าหลานฮั่วซินแทบจะทนไม่ไหวสะบัดฝ่ามือตบโหลชีตกเขาไป นางไม่คิดเลยจริงๆว่าโหลชีจะมีนิสัยเช่นนี้!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ