เดิมทีดอกเมฆเป็นสีขาว เป็นกลุ่มดอกไม้ที่ประกอบจากเกสรดอกไม้เส้นๆ เล็กๆ มากมาย ไอหมอกตอนแรกก็เป็นสีขาวเหมือนกัน ระหว่างนี้ก็มีเกสรดอกไม้ล่องลอยอยู่บ้างมากบ้านน้อย แต่ครั้นนางเพ่งพินิจดู เจ้าสิ่งที่มีรูปร่างเป็นเส้นๆ ไหนเลยจะเป็นดอกไม้?
นั่นเป็นหนอนสีขาวตัวเล็กๆ ขนาดเท่าเส้นผมต่างหาก!
หนอนเหล่านี้พ่นใยเล็กๆ ยาวๆ ออกมา ทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ ห้อยโตงเตงอยู่กลางอากาศเบาๆ ที่อยู่ตรงหน้านางก็เห็นมีสิบกว่ายี่สิบตัวแล้ว!
นางเดินไปก้าวหนึ่ง เนื่องจากกินดีจิ้งจอกมารลงไป สามารถขับไล่สารพันแมลงได้ หนอนเหล่านี้จึงแหวกตัวหลบหลีกนาง แต่พวกเฉิงสิบเล่า? พวกเขาไม่ได้กินดีจิ้งจอกมารลงไป จะทำอย่างไรดี?
นางแทบจินตนาการออก ครั้นเข้าป่าดอกเมฆ พวกเขาก็ต้องติดอยู่ท่ามกลางดงหนอน! หนอนเหล่านั้นจะหล่นอยู่บนศีรษะพวกเขา มุดเข้าเส้นผม แล้วร่วงอยู่ในคอเสื้อ มุดเข้าร่างกาย หนอนตัวบางเช่นนี้ แทบจะมุดเข้ารูขุมขนที่ใหญ่หน่อยได้เลย
เมื่อร่างกายมีหนอนตัวเล็กยิบๆ ยับๆ มุดเข้าไปนับไม่ถ้วน และหลอมรวมกับเลือดแล้วก็จะทำให้หาไม่พบ จะขับก็ขับไม่ออก
ส่วนหนอนพวกนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเป็นอย่างไร โหลชีก็หารู้ไม่ แต่ที่พอจินตนาการออกได้ ย่อมไม่สบายอยู่แล้ว!
โหลชีตื่นตระหนก นี่เป็นครั้งแรกที่นางตื่นตระหนกตั้งแต่หุบเทพมาร
"เฉิงสิบ!"
"โหลวซิ่น!"
ตัวนางมิเป็นไร แต่หากเฉิงสิบกับโหลวซิ่นเกิดเรื่อง เช่นนั้นจะต่างอะไรกับนางเกิดเรื่องเอง?!
"เวิ่นเจี้ยน? เวิ่นซู?"
โดยรอบยังคงเงียบสงัดเคว้งคว้าง ไม่มีใครตอบคำนาง
ไม่ว่าโหลชีจะฉลาด จะมีสติมากเพียงไร แต่เวลานี้ก็รู้สึกว่าหัวใจจะหลุดออกมาแล้ว ความอ่อนแรงเริ่มคืบคลานในจิตใจ
จะลนลานไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด ยิ่งในเวลาเช่นนี้ก็ต้องยิ่งใจเย็น มิเช่นนั้นนางจะช่วยเฉิงสิบกับโหลวซิ่นไม่ได้ ตอนนี้ไม่ว่าจะนึกย้อนเสียใจที่ไม่ควรเข้าป่าดอกเมฆนี้อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ นางจะไม่เสียเวลากับเรื่องเช่นนี้
ไฟ
ใช่! ใช้ไฟสิ
ดอกไม้มากมายนี้เหมือนกับดอกฝ้าย หากจะจุดไฟก็ต้องง่ายมาก หนอนเหล่านี้เล็กขนาดนี้ คบไฟอันเดียวก็เผาไปได้เยอะแล้ว
โหลชีหยิบหินจุดไฟออกมาทันที จุดไปกับต้นดอกไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง
แต่ที่ทำให้นางตกใจก็คือ ไฟกลับไม่ติด!
โหลชีตบหน้าผากโบ๊ะ ดอกเมฆเหล่านี้ดูดซับน้ำค้างมากอย่างนั้น น้ำค้างยังสามารถผันตัวไปเป็นหมอกได้ นี่หมายถึงดอกไม้ทั้งหมดเปียก! คิดดูสิ ดอกฝ้ายชื้นที่ดูดซับน้ำจนชุ่มจะติดไฟง่ายๆ ขนาดนั้นเชียวหรือ?
"ให้ตายสิ!"
จุดไฟเผาทำไม่ได้ นางเหาะผ่านกิ่งต้นดอกขึ้นไป ยืนมองอยู่ด้านบน หมอกด้านบนเบาบางกว่าเล็กน้อย แต่ก็มองไม่เห็นเบื้องล่างอยู่ดี
พวกเฉิงสิบจะพลัดหลงกับนางแบบไม่ได้ส่งเสียงสักนิดได้อย่างไร? และเป็นไปไม่ได้ที่พวกเจี้ยนฉินซูโม่ทั้งสี่ก็ไม่มีเสียงสักแอะด้วย
นอกเสียจาก...ป่าดอกไม้นี้จะมีค่ายกล เข้าป่าได้ไม่นานพวกเขาก็เข้าสู่ค่ายกลแล้ว ค่ายกลกั้นทุกคนให้แยกออกจากกัน โหลชีทิ้งตัวลงสู่พื้น พยายามให้ตัวเองใจเย็นลงหน่อย ใจเย็นอีกนิด
คาถาวาโย
นางนึกถึงคาถาที่เมื่อก่อนนางไม่เคยทำสำเร็จ คาถาวาโย จะว่าไปแล้วก็เป็นคาถาที่ผลาญพลังภายใน เพราะลมมิใช่มีขึ้นได้เอง แต่เป็นการแปลงกำลังภายในของตนให้เป็นลม บังคับทิศทางลมและขนาดของลมด้วยตนเอง ตอนที่นางปฏิบัติภารกิจอยู่บนภูเขาไฟร้อนแทบแย่ คิดอยากลองคาถาวาโยนี้ แต่กำลังภายในของนางไม่เพียงพอ จึงร่ายคาถาไม่สำเร็จ
แต่เวลานี้นางกลับอยากลองสักตั้ง เพราะหลังจากกินไขหินพันปีไปแล้ว กำลังภายในของนางก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ เทียบกับเมื่อก่อนไม่ติด สิบนิ้วโหลชีรีบทำมุทรา ต้องควบคุมกำลังภายในแต่ละนิ้วให้ดี ให้เข้ากับท่ามือแต่ละท่า นางรู้สึกได้ถึงกำลังภายในที่ซัดโหมขึ้นมา พื้นราบเกิดลม พัดเส้นผมของดรุณี
สำเร็จ!
ดวงตาโหลชีเผยความยินดี ครั้นสองมือวาดออก วายุโหมก็กวาดออกไปทุกทิศโดยมีนางเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกแห่งที่ลมคลั่งพัดผ่าน หนอนเส้นก็ร่วงหล่น ไอหมอกสลายไป กระทั่งว่าต้นดอกไม้โดยรอบยังล้มระเนระนาด ยึดนางเป็นใจกลาง ต้นดอกไม้ล้มราบเป็นวง ทันใดนั้นทัศนะการมองเห็นก็กว้างมากขึ้น และเห็นสภาพการณ์โดยรอบอย่างชัดเจน
ชายเสื้อหนึ่งแวบเข้าหลังต้นไม้ที่ไม่ไกลจากที่นี่ทันที
สีหน้าโหลชีเย็นชา ด้วยวิชาตัวเบาและทิศทางลม ทำให้นางแล่นไปยังข้างต้นไม้ต้นนั้นด้วยความเร็วน่าสะพรึง นางยื่นมือออกไปจับ ฉุดคนที่หลบอยู่ข้างหลังต้นไม้ แล้วกระชากลงพื้นอย่างฉับพลัน
ใบหน้าแปลกตา ไม่ใช่เจี้ยนฉินซูโม่ทั้งสี่ ยิ่งไม่ใช่เฉิงสิบและโหลวซิ่น
แต่เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นเป็นชุดองครักษ์ของเขาเวิ่นเทียน
"พูดมา! องครักษ์สองคนของข้าอยู่ที่ไหน?" เพียงแสงขาวแวบเดียว พิชิตวันก็กดอยู่ที่ลำคอของคนผู้นั้นแล้ว
"ไม่รู้"
"ข้าว่าเจ้าคงอยากตาย..."
นางยังไม่ทันพูดจบ ที่มุมปากของคนผู้นั้นก็มีเลือดทะลักออกมาเป็นทาง โหลชีพูดในใจว่าแย่ล่ะ แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่ง เขากัดยาพิษฆ่าตัวตายแล้ว
"ปัดโถ่!"
โหลชีไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน หากบอกว่าตอนนี้ยังไม่รู้ว่านี่เป็นกับดักที่น่าหลานฮั่วซินทำไว้กับนางอีกครั้ง เช่นนั้นนางก็อยู่เสียเปล่ามาหลายปี!
แล้วยังพวกเจี้ยนฉินซูโม่ทั้งสี่คนนั้นอีก ก็แค่ต้องการล่อให้นางเข้าป่าดอกเมฆ และคอยดูนางกับเฉิงสิบตาย ส่วนอีกสองคนก็ปกป้องโหลวซิ่น ถึงตอนนั้นโหลวซิ่นก็จะเชื่อพวกเขาสนิทใจ เพราะในป่าพวกเขาช่วยเขาอย่างสุดชีวิต! หากนางกับเฉิงสิบตาย เฉินซ่าก็ต้องให้โหลวซิ่นกลับตำหนักจิ่วเซียวแน่ และถึงตอนนั้น ทั้งสองคนก็ต้องได้อยู่ที่นั่นด้วย กลายเป็นสายลับที่น่าหลานฮั่วซินแทรกซึมให้อยู่ในตำหนักจิ่วเซียว
ไม่สิ! เช่นนั้นเรื่องที่น่าหลานฮั่วซินร่วมมือกับเจ้าสำนักเดือนหยินจะว่าอย่างไรล่ะ?
โหลชีใจเต้นตุบ คาดว่าหลังจากให้โหลวซิ่นเป็นพยานว่านางตายอยู่ในหุบเทพมารแล้ว โหลวซิ่นก็ต้องตายด้วย! น่าหลานฮั่วซินไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสพูดเรื่องร้ายของนางแน่!
เวลานี้นางยังถึงกับสงสัย ว่าเจ้าสำนักเดือนหยินตายไปแล้วจริงหรือ หรือว่าร่วมมือกับพวกเขาแสดงละครฉากหนึ่ง!
โหลชีกัดฟัน ดี ดีมาก
ทีแรกนางก็ไม่เชื่อพวกเจี้ยนฉินซูโม่ทั้งสี่สนิทใจ กระทั่งพวกเขานำทาง ตามมาพบร่องรอยของน่าหลานฮั่วซินจริงๆ แล้วนางถึงยอมตามพวกเขาเข้าป่าดอกเมฆ และตอนที่เพิ่งเข้ามานางก็ไม่รู้สึกว่าป่าดอกเมฆมีความผิดปกติอะไรจริง
นางประเมินน่าหลานฮั่วซินต่ำเกินไป
"ยาเม็ดสีขาวนั้นมีฤทธิ์อะไร?" โหลชีน้านิ่งดุจสายน้ำ โหลชีด้านมืดที่ถูกนางกดไว้ใกล้จะโผล่ออกมาอีก
"นั่น นั่นเป็น..." ชายผู้นั้นมองนางด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว "หลังจากกินผลึกน้ำหวานที่หนอนดอกเมฆชอบที่สุดเข้าไปแล้วก็จะดึงดูดหนอนดอกเมฆให้มุดเข้าร่างกาย..."
ดี ดีมาก
"หนอนดอกเมฆเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเป็นอย่างไร? มีวิธีกำจัดหรือไม่?" นางจำต้องถามเรื่องนี้ เพราะนางไม่รู้จักเจ้าสิ่งนี้ เวลานี้นางไม่กล้าเชื่อว่าโหลวซิ่นยังปลอดภัย เขาน่าจะตายช้ากว่าเฉิงสิบนิดหน่อยเท่านั้น
"เมื่อหนอนดอกเมฆเจอเลือดก็จะกลายเป็นหนอนเลือด สามวันให้หลังก็จะกลายเป็นใยหนอนเลือด ใยหนอนจะผุดออกมาจากรูขุมขน จากพันเป็นหมื่น ใช้มนุษย์เป็นรัง ร้อยวันให้หลัง..."
"ร้อยวันให้หลังจะเป็นอย่างไร?" โหลชีกดพิชิตวันอยู่ตรงท้องน้อยชายคนนั้น ถามอย่างเย็นชา
อีกฝ่ายสั่นเทิ้มทั้งตัว เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ "ร้อยวันให้หลังใยหนอนพวกนี้ก็จะรุมทึ้งเนื้อหนังเลือดของมนุษย์ เหลือแต่โคลงกระดูก... "
เจ้าสำนักเดือนหยิน!
โหลชีพลันเข้าใจ นี่แหละคือสิ่งที่น่าหลานฮั่วซินรับปากมอบให้เจ้าสำนักเดือนหยิน! โคลงกระดูกของนางกับเฉิงสิบ! เมื่อคืนนางก็เห็นแล้ว ฝีมือทหารโคลงกระดูกเหล่านั้นบ้างเก่งกาจ บ้างอ่อนด้อย แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เท่าไร นี่อาจเป็นเพราะก่อนตายคนพวกนี้ฝึกฝนมาไม่มากพอ! แต่ที่ฝีมือดี เจ้าสำนักเดือนหยินก็สยบมาทำเป็นทหารโคลงกระดูกได้ไม่ง่ายขนาดนั้น!
นางกับเฉิงสิบ อย่างน้อยทั้งสองยังฆ่ากลุ่มทหารโคลงกระดูกของเจ้าสำนักเดือนหยินเมื่อก่อนหน้านั้นได้ในเสี้ยววินาทีกระมัง!
หากทำพวกเขาให้เป็นทหารโคลงกระดูก มิกล้าพูดว่าหนึ่งต่อร้อย แต่หนึ่งต่อสิบก็ยังไหว!
หลังจากเข้าใจความซับซ้อนในนั้นแล้ว โหลชีก็เกิดความคิดอยากเอาชีวิตน่าหลานฮั่วซินขึ้นจริงๆ
นางผู้นั้นงดงามหาที่เปรียบไม่ได้ แต่กลับมีใจเป็นอสรพิษ! โหดเหี้ยมนัก! เดิมพวกนางไร้ความแค้นต่อกัน แต่เพราะผู้ชายคนเดียว เพียงเพราะความริษยา กลับทำให้นางต้องลงเอยเช่นนั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ