ใต้ร่มยาใจ นิยาย บท 525

โหลชีเม้มปากยิ้ม กระโดดขึ้นหลังเขาราวกับลิงตัวหนึ่ง โอบรัดคอเขาไว้ พอรัดนี่ก็ไม่ได้รัดเบาเลย แต่เฉินซ่ากลับไม่ปริปากบ่น ยังคงจับหลังนางไว้ ยอมให้นางเล่นไป

โหลชีนึกถึงตอนเขาตาแดงเรื่อเมื่อกี้ ใจพลันอ่อนยวบ พาดหน้าลงบนไหล่กว้างของเขา พูดเสียงเบาว่า "ไม่ต้องโทษตัวเองแล้ว ไม่ว่าเมื่อไหร่ข้าก็สามารถคุ้มครองตนเองได้" พูดจบ นางพลันโผไปข้างหน้าอย่างแรง สองแขนรั้งคอเขา จูบข้างแก้มเขาอย่างแรงหนึ่งฟอด เฉินซ่าเบี่ยงหน้ามา ใช้ริมฝีปากรับจุมพิตนาง และจูบกลับโดยแรงจากนั้นปล่อยนางออก

เฉินซ่าเงียบไปอยู่นาน จากนั้นพูดเสียงต่ำว่า "ชีชี ขอบใจเจ้านักที่เจ้ามีความสามารถเยี่ยงนี้"

ขอบคุณที่เจ้าสามารถปกป้องตนเองได้ ถึงทำให้ข้ามีโอกาสตามหาเจ้ากลับมา ขอบคุณที่เจ้ามีฝีมือเยี่ยงนี้ ถึงทำให้ข้าไม่ต้องเสียใจคับแค้นใจจนสิ้นชีวิตนี้

โหลชีชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ค่อยคุ้นชินโหมดเซนซิทีฟของเขาจริงๆเลย กลอกตาไปมา ยกมือขึ้นตบบ่าเขา "ย่าส์! ม้ารีบวิ่งเร็ว!"

ก่อนหน้านี้พวกเขาพูดคุยกันซุบซิบเสียงเบา ตอนนี้นางอยู่ดีๆพูดเสียงสูงรัวเร็ว ทำเอาทุกคนตกตะลึงไปตามๆกัน

นี่เอาฝ่าบาทเป็นม้าขี่รึ?

เฉินซ่าสะอึกในใจเล็กน้อย จากนั้นอดไม่อยู่ยิ้มมุมปากออกมา "ขอรับ จักรพรรดินีนั่งให้ดีล่ะ!" เขาไม่ได้ใช้วิชาตัวเบา แบกนางขึ้นหลังแกล้งเอียงตัว จากนั้นก้าวเท้ายาวไปทางลับที่โดนเถาวัลย์ปกคลุมนั่น

อวิ๋นรีบก้าวขึ้นหน้า ยกกระบี่ขึ้นฟันเถาวัลย์พวกนั้นออก เผยให้เห็นทางเข้าถ้ำที่ดำมืด

ใต้เท้าน้ำยังคงไหลเข้าไปทางนั้น จากนั้นสิ่งที่ปะทะเข้าหน้ากลับเป็นกลิ่นที่ทำให้อยากอาเจียน

โหลชีกดไหล่เฉินซ่าไว้ "ระวังหน่อย ในนี้มีพิษศพ"

โหลวซิ่นและเฉิงสิบก้าวเข้ามาแล้ว เฉิงสิบเดินนำทางอยู่หน้าสุด โหลวซิ่นป้องกันด้านข้าง ได้ยินดังนั้นทนไม่ไหวถามว่า "ฮองเฮารู้ได้อย่างไรกัน?"

โหลชีไม่ได้ตอบคำถามเขา กลับย้อนถามกลับว่า "พวกเจ้าเห็นวู๊วูกันไหม?" ก่อนหน้านี้นางตกลงมาอย่างเร่งรีบ เลยไม่รู้ว่าวู๊วูไปไหน

เฉินซ่าบอก "ข้าให้เทียนยีตี้เอ้อร์ไปตามหามันแล้ว" ก่อนลงน้ำ เขาก็สั่งการกับเทียนยีตี้เอ้อร์ ดังนั้นพวกเขาสองคนเลยไม่ได้ตามลงมา

พอพูดจบ ก็มีเสียงคนหล่นลงมา ในเวลาเดียวกัน ลำแสงหนึ่งก็ลอยเข้ามาหา ตกลงบนไหล่เฉินซ่า วู๊วูกับโหลชีไม่หยุด ดวงตากลมโตนั่นมีประกายน้ำตาคลอเบ้า

โหลชีถอนหายใจโล่งอก ตบหัวมันเบาๆ "ห้ามร้อง! ลูกผู้ชาย...จิ้งจอกตัวผู้น่ะ..." เทียนยีและตี้เอ้อร์รีบตามมา พอเห็นพวกโหลชีก็ดีใจนัก "จักรพรรดินีมิเป็นอะไรช่างดียิ่ง!"

"พวกเจ้าไปเจออะไรมา?" โหลชีหันไปมองพวกเขา และสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย สองมือจับไหล่เฉินซ่าหมับ ทำให้เขาทนไม่ไหวหันมามอง

ในที่ที่แสงสว่างน้อยและมืดมิด เทียนยีและตี้เอ้อร์ทั้งสองคนต่างมีรอยขาดบนเสื้อผ้าต่างๆกันไป แต่ในความมืดเช่นนี้ จุดที่ขาดวิ่นกลับเรืองแสงสีชมพูจางๆ เหมือนกับโดนคนพ่นผงเรืองแสงใส่เลยทีเดียว

อันที่จริงฉากนี้มันไม่น่ากลัว แต่พอทุกคนเห็นสีหน้าเปลี่ยนของโหลชีแต่ละคนก็หวั่นใจขึ้นมาทันที บัดนี้พวกเขาเชื่อมั่นในฝีมือนางยิ่งนัก สิ่งที่สามารถทำให้นางเปลี่ยนสีหน้าได้ ต้องไม่ใช่ของดีอะไรแน่

เทียนยีและตี้เอ้อร์มองสบตากัน จากนั้นก็ไม่กล้าปิดบังอะไร ชี้ไปที่วู๊วูพลางว่า "รอจนข้าน้อยหาจิ้งจอกม่วงเจอ มันกำลังโดนตาข่ายครอบอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งในป่า ต้นไม้ต้นนั้นสูงมาก พวกข้าน้อยต้องปีนขึ้นไปแกะตาข่ายออก เพียงแต่ต้นไม้นั้นออกจะแปลกประหลาด ด้านบนเต็มไปด้วยหนามแหลม เสื้อผ้าของข้าน้อยโดนหนามเหล่านั้นปาดขาด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร"

ตี้เอ้อร์เสริมว่า "จุดที่มีรอยผิวต้นไม้ขาดบนต้นไม้นั้นจะมีของเหลวบางอย่างไหลออกมา ข้าน้อยโดนเข้าไปหน่อย"

ถึงพวกเขาจะดูเละเทะ แต่ก็แค่เสื้อผ้าขาดเท่านั้น บางจุดมีรอยแผลบาดเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอะไรมาก แผลเล็กน้อยแบบนี้สำหรับพวกเขามันไม่เท่าไหร่เลย แต่พอตอนนี้ดูสีหน้าโหลชี---

"จักรพรรดินี มีสิ่งใดไม่ถูกต้องกันรึ?" ตั้งแต่เทียนอิ่งตายไป ในฐานะองครักษ์ลับข้างกายเฉินซ่า อวิ๋นก็ยิ่งให้ความสำคัญกับเทียนยีตี้เอ้อร์สองคนมากขึ้น เขาไม่อยากให้ทั้งสองคนเกิดเรื่องอะไรอีก

โหลชีตบบ่าเฉินซ่า "วางข้าลง"

เวลานี้เฉินซ่าก็เริ่มหวั่น เขาอยากปกป้องนางรักนางเตรียมตัวไม่ให้นางแตะพื้นตลอดทางแล้ว แต่พอแบกไปได้ไม่นาน คนของเขาก็เกิดเรื่องต้องให้นางลงมืออีก

เขากำแขนนางแน่นขึ้นฉับพลัน

โหลชีสังเกตได้ในทันที พอคิดดูก็เข้าใจความรู้สึกเขา ถึงนางจะโดนลักพาตัว แต่บาดแผลในใจของเฉินซ่าดูจะมากกว่านางมากนัก

"เฉิงสิบ โหลวซิ่น" นางไม่ได้บอกจะลงพื้นอีก แต่นอนพิงหลังเขาเหมือนเดิม

"ขอฮองเฮาสั่งการมาได้เลย" เฉิงสิบพอเห็นนางทำอย่างนั้นก็เข้าใจแล้ว ขึ้นหน้าในทันที โหลวซิ่นเองก็ไม่ได้ลังเลเช่นกัน

โหลชีหรี่ตาลงเล็กน้อย บอกว่า "ไปแล่เนื้อหนังพวกเขาออก"

"อะไรนะ?" ซวนหยวนฉงโจวทนไม่ไหวหวีดร้องออกมา

แล่เนื้อหนัง?

พอได้ยินคำพูดนาง ทุกคนสีหน้าเขียวเข้ม อยากอาเจียนแต่อาเจียนไม่ออก เฉิงสิบกับโหลวซิ่นกระชากเสื้อผ้าพวกเขาทั้งสองออกมา เดิมก็ขาดวิ่นเละเทะแล้ว พอกระชากออกก็หล่นลงมาหมดเลย

"องครักษ์อวิ๋นจุดไฟเผาเสื้อผ้าซะ"

อวิ๋นไม่กล้าสงสัยอีก รีบใช้กระบี่ไปยกเสื้อผ้าสองชุดนั้น พลางจุดไฟเผาพวกมันทิ้ง เดิมเขายังสงสัยว่า เสื้อผ้าเปียกชื้นไปหมด จะเผาได้ยังไง? แต่พอจุดไฟ ประกายไฟโดนเสื้อผ้าปุ๊บ ก็เผาไหม้ขึ้นมาทันที

"ยางไม้มีนิดหน่อย มันเป็นเชื้อเพลิงเผาไหม้ได้ดี" โหลชีบอก ต้นไม้ชนิดนี้ เดิมนางนึกว่าจะเห็นที่แผ่นดินใหญ่หลงหยิน เพราะนักพรตเลวเคยบอกว่า มันมีแค่ที่แผ่นดินใหญ่หลงหยินเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมาเจอที่หุบเขาติดตรึงของตงชิงนี่

ตอนนี้นางเริ่มสงสัยว่า หญิงขนขาวนั่นไม่ใช่คนตงชิง แต่มาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน แบบนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมนางถึงมีพรสวรรค์เหนือคนธรรมดา และทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางไม่เคยมีใครได้ยินชื่อนางมาก่อน

เทียนยีตี้เอ้อร์ทั้งสองคนยืนเปลือยร่าง เหลือแค่กางเกงตัวในหนึ่งตัว มีดเฉิงสิบสะบัดไปมา ตัดกางเกงขาดลงด้วย

ทั้งสองฝึกยุทธ์แต่เล็ก ร่างกายกำยำแข็งแรงมาก ดูกำยำงดงามมาก แน่นอน เวลานี้โหลชีไม่มีแก่ใจมาชื่นชม ขนาดฝ่าบาทที่ขี้หึงเป็นนิจเวลานี้ยังไม่มีแก่ใจมาห้ามนางดูร่างกายชายอื่นเลย

เฉิงสิบขยับมีดก่อน เขาได้ยินคำพูดโหลชีก็เข้าใจแล้ว เลยพุ่งเข้าไปลงมือกับจุดที่สำคัญก่อน

มีดแรกที่หน้าอก เขากัดฟันกรอด ลงมีดลงไปและตวัดแล่ออกมา พริบตาเดียวก็แล่เนื้อออกมาชิ้นหนึ่ง เทียนยีแค่นเสียงอึกออกมา เขากัดฟันทน

"องครักษ์อวิ๋น หล่นมาหนึ่งชิ้นก็เผาหนึ่งชิ้น" โหลชีสีหน้าไร้อารมณ์

"ขอรับ"

มีชิ้นแรก ต่อมาพวกเขายิ่งลงมือเร็วขึ้น ลงมีด แล่เนื้อ กระโดดหลบ จุดไฟเผา ทั้งสามคนเร็วมาก แต่เป็นการบอกว่าบนร่างเทียนยีตี้เอ้อร์ปรากฏหลุมเลือดขึ้นเป็นหย่อมๆเต็มไปหมด

บนพื้นมีแต่น้ำ และยังเป็นน้ำแข็ง ความหนาวเย็นพอเดาได้เลย ทั้งโดนแช่แข็ง ทั้งเจ็บปวด ยังห้ามใช้ยา เรียกได้ว่าทุกข์ทรมานแสนสาหัสเลย

เฉินซ่าและโหลชียืนมองนิ่งเงียบ มองตลอดทุกขั้นตอน ความเจ็บปวดของคนพวกนี้เพื่อพวกเขา มันต้องจำไว้ในใจให้มั่น ต่อไปไม่ว่าพวกเขาจะไปนั่งอยู่ในตำแหน่งไหน ก็จะได้ไม่ลืมความตั้งใจเดิม

ถึงตอนสุดท้าย เทียนยีตี้เอ้อร์เต็มไปด้วยเลือด พวกเขาสั่นเทาไปทั้งร่าง สีหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ