"วู๊วู" ดวงตาวู๊วูเปียกชื้นตลอด มันร้องวู๊วูเสียงเบา ดูแล้วเศร้าโศกมาก ด้วยความฉลาดของวู๊วู มันรู้อยู่แล้วว่าเทียนยีและตี้เอ้อร์เป็นแบบนี้เพราะช่วยมัน ตอนนั้นมันแค่หาทางช่วยโหลชี มันเห็นต้นไม้ที่สูงที่สุดต้นนั้น เลยคิดจะชนต้นไม้นั้นให้ล้มจะได้ไปพาดลงในลำธารเล็ก ทำลายผืนน้ำแข็ง แต่ไม่คิดว่าพอมันพุ่งไปที่ใต้ต้นไม้ก็โดนกลไก สุดท้ายก็โดนตาข่ายฮุบเอาไว้
"วู๊วู"
โหลชีหันไปมอง เห็นดวงตาวู๊วูมีน้ำตาไหลลงมาสองสาย
จิ้งจอกม่วงนี่เฉลียวฉลาดนัก ดูท่าทางมันแล้ว นางเจ็บปวดใจขึ้นมา ลูบหัวมันพลางว่า "ไม่ต้องร้องไห้ ต่อไปเจ้าก็ตอบแทนพวกเขาสองคนก็ได้แล้ว"
วู๊วูร้องออกมาสองคำ จากนั้นเหาะพุ่งไปด้านหน้า
"วู๊วู!" โหลชีพึ่งร้องบอก มันก็วิ่งไปไม่เห็นเงาแล้ว เฉินซ่าหันไปมอง ทางเข้าดำมืดดุจปากใหญ่ของสัตว์ประหลาดกำลังอ้าอยู่ ไหนเลยจะมีเงาของวู๊วู
"วางใจเถอะ จิ้งจอกน้อยนั่นคงไปหาของแน่"
โหลชีถอนหายใจยาว เป็นไปได้อย่างมาก วู๊วูเฉลียวฉลาด แต่ไม่แน่ว่าฟังเข้าใจว่าทำไมนางถึงไม่สามารถใช้ยากับพวกเทียนยีได้ ดังนั้นพอเห็นพวกเขาเลือดไหลไม่หยุด คงจะไปหายาล่ะมั้ง
ถึงที่นี่จะอันตรายมาก แต่เมื่อครู่ที่วู๊วูโดนตาข่ายฮุบไว้น่าจะเป็นแค่เหตุบังเอิญ ด้วยความเร็วของมัน กลไกที่จะจับมันได้จริงๆมีไม่มากเลย
"ฮองเฮา แล่ออกมาครบหมดแล้วขอรับ" เสียงเฉิงสิบแหบพร่ามาก โหลวซิ่นช้ากว่าเขาก้าวหนึ่ง หลังจากเขาพูดจบก็หยุดมือลง ถึงทั้งสองคนจะไม่เจ็บปวด แต่ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่ สีหน้าก็ซีดเผือดเหมือนกัน
จิตใจที่เคร่งเครียดสุดๆของโหลวซิ่น ตอนนี้ทนไม่ไหวบอกว่า "แม่เจ้า นี่มันไม่ใช่แกะสลักดอกไม้บนหัวไชเท้า..." นี่มันแล่เนื้อคนน่ะ คนเป็นๆ ยังเป็นคนกันเอง มันเป็นการทรมานอย่างหนึ่ง
เมื่อก่อนซวนหยวนฉงโจวรู้สึกมาตลอดว่าองครักษ์ลับข้างกายเฉินซ่าไม่มีความสามารถมากอะไร บอกว่าเป็นองครักษ์ลับ อันที่จริงวิทยายุทธ์ของเฉินซ่าดีกว่าพวกเขามากมายนัก ใครคุ้มครองใครยังไม่แน่หรอก
แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้ว พวกเขาเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง!
ตลอดทุกขั้นตอน เทียนยีและตี้เอ้อร์แค่กัดฟันกรอดแค่นเสียงอึกเป็นบางครั้ง ไม่แม้แต่จะร้องออกมา และทั้งๆที่เจ็บปวดจนเกือบตายไป ทั้งๆที่น้ำแข็งใต้เท้าทิ่มแทงความเยียบเย็นขึ้นมาข้างบน ทั้งๆที่พวกเขาสั่นเทาไปทั้งตัว กลับยังคงยืนตัวตรง ไม่ได้ล้มลงไป
นี่คือคนที่ติดตามเฉินซ่า
ซวนหยวนฉงโจวกลับไม่รู้ว่า เทียนยีและตี้เอ้อร์ก็เห็นพิษกู่อของเฉินซ่ากำเริบมากครั้งที่สุด ความเจ็บปวดแบบนั้นเฉินซ่ายังทนได้ พวกเขาไม่มีทางร้องว่าเจ็บง่ายๆแน่
"เอาล่ะ เฉินซ่าวางข้าลงเถอะ ต่อไปพวกเฉิงสิบทำไม่ได้" เฉินซ่าวางโหลชีลง เห็นนางเหยียบลงในน้ำแข็ง สายตาทุ้มลึกอีก เขาเริ่มไม่อยากให้นางต้องลำบากมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ยิ่งอยากคุ้มครองนางรักใคร่นางมากขึ้น
"จักร...จักรพรรดินี"
เทียนยีและตี้เอ้อร์เริ่มร่างโอนเอน พวกเขาอาศัยจิตอันเข้มแข็งสุดท้ายยืนหยัดอยู่ เวลานี้ไม่มีแก่ใจจะไปคิดถึงความเหมาะสมว่าตนเองเปลือยร่างอยู่ต่อหน้าจักรพรรดินี ยังจำโหลชีได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
โหลชีมองดูบาดแผลบนร่างพวกเขา หันไปบอกเฉินซ่าว่า "ไม่ได้ กำลังข้าในตอนนี้ยังไม่ได้ฟื้นฟูเต็มที่ ต้องให้ท่านช่วยข้า"
เฉินซ่ามายืนข้างกายนางโดยไม่พูดสักคำ
"ถ่ายทอดกำลังภายในให้ข้า ถ้าข้าไม่บอกหยุดก็ถ่ายทอดต่อไปเรื่อยๆ" โหลชีมองเขา "บางทีอาจจะต้องเสียมาก ท่านเองก็ต้องระวังด้วย"
บนร่างเขายังไงก็มีพิษกู่อยู่ ในสถานที่แบบนี้ ใครก็ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร ถ้าเกิดเขาพิษกู่กำเริบล่ะ และทั้งสองคนใช้กำลังภายในจนหมด ต้องอันตรายมากแน่ๆ
"เจ้าทำแค่ส่วนของเจ้าก็พอ" เฉินซ่าวางฝ่ามือหนึ่งบนแผ่นหลังนาง
ซวนหยวนฉงโจวยิ้มมุมปากบอก "ลูกผู้น้องชาย ลูกผู้น้องสาว ยังมีพี่ชายอยู่นี่นะ"
สิ่งที่ได้รับกลับเป็นแววตามองเย็นชาสองคู่ เขาลูบจมูกแก้เก้อ
ที่แบบนี้อันที่จริงไม่ใช่ที่ที่เหมาะที่สุด แต่ก็ถือว่าปลอดภัยอยู่ พวกเขาไม่อาจถอยหลังไปได้ เพราะระหว่างทางมีแต่น้ำ เวลานี้เทียนยีตี้เอ้อร์ไม่เหมาะจะว่ายออกไป และทางข้างหน้าก็ยังไม่รู้ จะเสี่ยงไม่ได้
โหลชีวาดยันต์ทั้งสองมือ ในความมีด เสียงดังขึ้นเล็กน้อย บนนิ้วชี้ของมือซ้ายและมือขวาของนางเกิดประกายไฟสีน้ำเงินเข้มขึ้นสองลูกเล็ก
"ว้าว..แม่เจ้า" ซวนหยวนฉงโจวเกือบสะดุดล้มพื้นน้ำ เขาพยายามขยี้ตาอย่างสุดๆ คิดว่าตนเองมองผิดไป "ไม่ใช่ของจริงกระมัง? เกิดภาพหลอนรึ?"
นิ้วคนเราจะมีประกายไฟจุดขึ้นมาเองได้ยังไงกัน?
โหลวซิ่นกลับยืดอกบอก "ฉงอ๋อง ท่านไม่ได้ตาฝาด ฮองเฮาของเราเก่งกาจเช่นนี้เอง!"
"กระบวนท่านี้เรียกว่าอะไร?" ซวนหยวนฉงโจวสองตาเป็นประกาย "ถึงเวลานั้นต้องให้ฮองเฮาของพวกเจ้าสอนข้า"
เฉิงสิบพูดต่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า "ข้าน้อยคิดว่า ความสามารถอย่างนี้ของฮองเฮาจะสอนแค่ลูกศิษย์ หรือคนที่รักใคร่แบบลูกศิษย์เท่านั้น ฉงอ๋อง เมื่อครู่ท่านพึ่งเรียกลูกผู้น้องสาว"
ซวนหยวนฉงโจวสะอึก จากนั้นส่ายหัวหัวเราะออกมา "พวกเจ้านี่นะ"
โหลชีต้องช่วยทั้งสองคนพร้อมกัน ดังนั้นนางเลยต้องทำทั้งสองอย่าง มือซ้ายช่วยเทียนยี มือขวาช่วยตี้เอ้อร์ ประกายไฟชนิดนี้ของนางอันที่จริงก็แค่บีบเค้นกำลังภายในออกมาจุดไหม้ หนึ่งในนั้นยังเผาฤทธิ์ยาในตัวนางไปส่วนหนึ่งด้วย ประกายไฟเผาไหม้แผลของเทียนยีตี้เอ้อร์อย่างละเอียด และยังมีกลิ่นเผาไหม้ออกมาเป็นระยะ ถึงจะบางมาก แต่ก็เพียงพอให้คนอื่นดวงตาเบิกกว้าง
นี่มันช่างทดสอบความสามารถในการรองรับของคนจริงๆ
แต่จากการกระทำของนาง สีหน้าเทียนยีตี้เอ้อร์เริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สีหน้าโหลชีกลับซีดเผือดลงเรื่อยๆ
ความรู้สึกของเฉินซ่าแรงกล้าที่สุด เพราะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ ร่างกายโหลชีก็เหมือนมีพายุหมุนวน เริ่มดูดซึมกำลังภายในของเขาอย่างบ้าคลั่ง
เขายังพูดไม่ทันจบ ซวนหยวนฉงโจวก็อ้าปากค้างจนคางแทบจะลงถึงพื้นน้ำแล้ว! เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตันเถียนของตนเริ่มร้อนขึ้น กำลังภายในหนักอึ้งเหมือนสาดใส่มาเต็มสระ จากนั้นยังค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ....
พระเจ้า
เขาไม่สามารถพูดได้เลย กำลังภายในที่เพิ่มพูนไม่หยุดทำให้ตัวเขารู้สึกเหมือนเทพยดาโยนของล้ำค่าลงมาให้
เฉินซ่าอุ้มโหลชีก้มหัวลงแนบหน้าผากตนกับหน้าผากนาง ไม่ขยับเลย เหมือนกับกลายเป็นสิ่งแกะสลักในทางน้ำนี้
ส่วนบาดแผลที่ใส่ยาแล้วของเทียนยีตี้เอ้อร์ก็เริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ขยับเลยสักนิด และรับรู้ถึงการเพิ่มพูนของกำลังภายในเช่นกัน
อวิ๋นเฝ้าอยู่อีกด้านหนึ่ง เฉิงสิบเพียงยืนบังหน้าเฉินซ่าและโหลชี ขนาดซวนหยวนฉงโจวยังกันไว้ด้วย ฮองเฮาเคยบอก ยาชนิดนี้ใช้วัตถุดิบมากกว่าที่นางคิดไว้มากนัก นางเองทำออกมาได้แค่ห้าเม็ดเท่านั้น เดิมคิดจะใช้ในเวลาที่จำเป็น ตอนนี้ห้าเม็ดนางกับฝ่าบาทใช้เพียงคนละเม็ด อีกสามเม็ดส่งออกไปแล้ว
โหลชีลืมตาขึ้น นางรู้สึกถึงกำลังภายในที่เพิ่มพูนเต็มร่างกายอย่างไม่เคยเต็มเท่านี้มาก่อน นางยังรู้สึกเหมือนจะบินขึ้นมาเลย
แต่นางยังอยู่ในอ้อมกอดเฉินซ่า
"เทียนยี/ตี้เอ้อร์ ขอบพระทัยในความกรุณาของฝ่าบาทและจักรพรรดินี"
เทียนยีตี้เอ้อร์ที่ฟื้นฟูกลับมาไม่สนใจน้ำแข็งใต้เท้าเลยสักนิด และคุกเข่าลงทำความเคารพพร้อมกัน
"ขึ้นมา รีบเดินทาง" โหลชีเดาออกทันทีว่าเฉินซ่าต้องใช้ยาที่แข็งแกร่งที่สุดของนางแน่ แต่ก็เข้าใจได้ นางประคองใบหน้าเฉินซ่าเข้ามาจุ๊บที่ปากเขาหนึ่งที
"นี่ ที่นี่ยังมีคนนะ" ซวนหยวนฉงโจวรู้สึกว่าฉากนี้มันบาดใจนัก
โหลชีเลิกคิ้วบอก "ถ้าเจ้าก็อยากจูบ ข้าไม่ถือสาจะให้เจ้ายืมโหลวซิ่นนะ"
"ฮองเฮา ข้าน้อยถือสาได้หรือไม่? ข้าน้อยชอบแม่นางเหยาเฟิง!" โหลวซิ่นโอดครวญ
เหมือนกับความทุกข์ทรมานก่อนหน้านี้ห่างออกไป ทุกคนหัวเราะฮาครืนออกมา
เดินไปสักพัก โหลชีสายตาไว เห็นหัวขนขาวที่ติดอยู่ด้านหนึ่ง นี่มันหัวของหญิงขนขาวนั่น? ก่อนหน้าเตะมาไกลถึงตรงนี้เชียว?
นางรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา
"โหลวซิ่น ไปดูหน่อยสิ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ