โหลวซิ่นเดินเข้าไป ใช้กระบี่ยกหัวนั้นขึ้นมา แต่พอสังเกตดูดีๆเขาก็รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาทันที
"ฮองเฮา หัวนี่เป็นของปลอม!"
ทุกคนต่างพากันตกใจเมื่อได้ยิน
ของปลอม? เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ตอนเฉินซ่าฟันคอหญิงขนขาวขาดกระเด็นพวกเขาต่างเห็นกันหมด ตอนนั้นฟันคอนางขาดจริงๆนะ จากนั้นหัวก็โดนโหลวซิ่นเตะกระเด็นลอยออกไป ระหว่างทางไม่มีเวลาเล่นตุกติกอะไรแน่ ตอนนี้มาดูหัวปลอมนี่ ก็เห็นเป็นหน้าตาหญิงขนขาวชัดๆเลย แต่ถ้าหัวนี้เดิมเป็นของปลอม แล้วหญิงขนขาวหลอกพวกเขาได้ยังไงกันล่ะ?
เฉินซ่าเงียบไปอึดใจก่อนพูดเสียงต่ำว่า "ภาพลวงตา ภาพลวงตาที่ร้ายกาจยิ่งกว่าที่พวกเราเคยเจอมาทั้งหมด"
มีคนอย่างนั้นจริง สู้กันตลอดจริง แต่กลับเป็นหัวปลอมที่โดนใส่เข้าไป พวกเขาล้วนโดนหลอก มองไม่ออกเลย
ซวนหยวนฉงโจวครุ่นคิดสักครู่ และวิเคราะห์ว่า "บางทีอาจเป็นวิธีเอาตัวรอดของคนนั้น นางพบว่าสู้ฝ่าบาทไม่ได้ และจะมีอันตรายถึงชีวิต เลยอาศัยวิธีนี้เอาตัวรอด"
อวิ๋นพูดต่อ "ในเมื่อเป็นแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าเฮ่อเหลียนเจี๋ยดูออก เลยยอมย้อนกลับไปทางเก่า?"
"เป็นไปได้" โหลชีขมวดคิ้วบอก "ถึงแม้พิษเครื่องหอมของข้าจะยังไม่ได้ทำยาถอนพิษ แต่ข้ารู้สึกว่า ความสามารถด้านยาของเฮ่อเหลียนเจี๋ยไม่น่าจะด้อยกว่าวิทยายุทธ์เขาเท่าไหร่นัก ตอนเขาโดนพิษเครื่องหอมดูไม่ได้กังวลใจอะไร เขาสงสัยว่าเขาคงจะหยิบตัวยาในหุบเขานี้เอามาทำยาถอนพิษแล้ว ถ้าเขาไม่มีฝีมือด้านนี้ ก็ไม่มีทางผ่านทางลัดไปจากที่นี่ได้"
แต่ต่อมาเขายอมแพ้แล้ว ย้อนกลับทางเดิม จะเป็นการบอกไหมว่าเขาเห็นอะไรบางอย่าง และรู้ว่าตัวประหลาดนั่นยังมีไม้ตาย หรือมีอันตรายอะไรรออยู่อีก และเป็นอะไรที่ตอนนี้เขารับมือไม่ไหว เขาเลยย้อนกลับทางเดิม?
ที่สำคัญที่สุดคือ ภาพลวงตาของตัวประหลาดนั่นร้ายกาจกว่าภาพลวงตาใดๆที่พวกเขาเคยเจอมาเลย ไม่รู้สึกเลยสักนิด! บวกกับต้นไม้ต้นนั้น รวมถึงการคาดเดาของนางก่อนหน้านี้ โหลชีโพล่งออกมาทันทีว่า "พวกเจ้าว่า ตัวประหลาดนี่จะเป็นคนของแผ่นดินใหญ่หลงหยินหรือไม่?"
จุดนี้พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ของหลายอย่างของแผ่นดินใหญ่หลงหยินดูมีระดับสูงกว่าทางแผ่นดินใหญ่ซื่อฟางนี้มากนัก
"แต่คนของแผ่นดินใหญ่หลงหยินมาทำอะไรที่นี่กัน?" โหลวซิ่นถามอย่างสงสัยออกมา
"อย่าลืมวู๊วู" จู่ๆเฉินซ่าก็พูดออกมา
โหลชีกลับเริ่มเป็นห่วงวู๊วูขึ้นมา ถ้าตัวประหลาดนั่นมีฝีมืออย่างนี้จริง ตอนนี้นางอยู่ในที่ลับ วู๊วูไม่รู้จะตกลงไปในหลุมพรางของอีกฝ่ายอีกหรือเปล่า?
เฉินซ่าก้มหน้าลงมองนาง พลางถาม "ก่อนหน้านี้ที่เจ้าเห็นลำธารเล็กนั่นมีอะไรน่าสนใจหรือไม่?"
"อ๊า พอท่านพูดอย่างนี้ข้านึกออกแล้ว" โหลชีเบิกตากว้าง "ข้าเห็นป่าสนแดงอยู่ไกลออกไป!"
"เป็นเช่นนี้จริงๆ" เฉินซ่าพูด เหมือนนึกถึงอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าดูเคร่งเครียดลง
"ท่านคิดถึงอะไรรึ?"
เฉินซ่ามองนาง มีประกายกังวลวาบผ่านในแววตาคู่นั้น "ข้าคาดเดาได้อย่างหนึ่ง"
โหลชียื่นมือไปดึงหน้าเขา "พูดให้เร็วหน่อยได้ไหม?"
"ที่นี่ มีการเตรียมไว้อย่างมีเป้าหมาย หรือพูดอีกอย่าง เตรียมไว้เพื่อคนผู้หนึ่ง"
ทุกคนพากันตะลึง
เตรียมไว้ให้คนผู้หนึ่ง? ใครกัน?
ซวนหยวนฉงโจวหันมองโหลชี โหลชีถลึงตาใส่ไปทันที "มองอะไรกัน? จะเป็นข้าไปได้อย่างไร? ที่นี่ไม่มีร่องรอยจัดทำใหม่เลย ทุกแห่งล้วนเป็นร่องรอยการผ่านฝนผ่านลมมาหลายปี"
"อืม ไม่ใช่เจ้า แต่เป็นไปได้อย่างมากว่าเตรียมไว้เพื่อสตรีผู้หนึ่ง" เฉินซ่าเห็นด้วยกับการคาดเดาของเขาแบบนี้ ซวนหยวนฉงโจวพูดต่อไปว่า "เมื่อครู่เจ้าตัวประหลาดขนขาวนั่นไม่สนใจบุรุษเลยสักนิด แต่กลับมุ่งมั่นกับหนังหน้าสาวงาม ถ้านางโดนคนอื่นจัดการให้มาอยู่ที่นี่ เช่นนั้นนางต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับสตรีที่นางรอ ศัตรู? ถ้านางมาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยินจริงๆ สตรีผู้นั้นเป้นไปได้อย่างมากว่ามาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยิน และนางยังมาสืบเสาะหุบเขาประหลาดบ่อยๆด้วยหรือไม่? มิเช่นนั้นมาจัดวางหลุมพรางใหญ่ขนาดนี้ไว้ที่หุบเขาติดตรึงนี่จะมีความหมายอะไร? คนปกติไม่มีทางเหยียบกรายมาที่นี่หรอก"
โหลชีฟังเงียบๆ
อวิ๋นเองก็พูดต่อ "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข่าวลือที่ว่ามีสตรีฆ่าตัวตายจนทำให้ไอขุ่นเคืองออกมาไม่หยุดพวกนั้นของหุบเขาติดตรึง จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าคนเบื้องหลังจงใจปล่อยออกมา? เพื่อยับยั้งไม่ให้คนอื่นเข้ามาในหุบเขาติดตรึงแล้วลือสภาพที่นี่ออกไป และก็เพื่อดึงดูดสตรีคนนั้นที่รออยู่จริงๆ?"
"เป็นไปได้"
ซวนหยวนฉงโจวพูดอีก "เช่นนั้น คนผู้นั้นที่พวกเขารอเป็นใครกัน?"
เฉินซ่าก้มหัวมองโหลชี
โหลชีเห็นประกายทุ้มลึกในดวงตาเขา นางอึ้งไป แต่ในใจก็รู้สึกว่า---ไม่น่าใช่มั้ง? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง นางยังมีอีกหลายคำถามที่ไม่เข้าใจน่ะ
"คิดไม่ตกก็เลิกคิดชั่วคราวเถิด ออกไปให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน" ต่อให้มาจากแผ่นดินใหญ่หลงหยินจริง พวกเขาก็ไม่กลัว วิทยายุทธ์ฟื้นฟูมาหมดแล้วแถมยังเพิ่มขึ้นด้วย ใครมาก็ฆ่าคนนั้นเท่านั้นเอง
ทุกคนเดินทางกันต่อไป แน่นอนว่าต่างระมัดระวังกันมากขึ้นด้วย
เดินไปอีกสักพัก พวกเขาก็เห็นระเบียงหิน ระเบียงหินง่ายๆเลย ด้านบนมีกล่องที่ทำจากไม้ พอด้อมระเบียงหินไปก็เป็นบันไดหินแคบๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นไปแล้วเป็นอะไร
แต่ต้องอ้อมระเบียงหินนั่นแน่
อวิ๋นยกกระบี่ขึ้นมา ค่อยแหวกผ้าคลุมของกล่องไม้กล่องหนึ่งบนระเบียงหินนั่น มีไอเย็นลอยออกมา ไม่นานก็หายไป และไม่มีกลไกอย่างอื่น
"ดูว่าเป็นอะไร" ซวนหยวนฉงโจวบอก
เฉินซ่ากับซวนหยวนฉงโจวส่ายหัวพร้อมกัน "ไม่รู้"
"รอดูสถานการณ์ก่อนละกัน"
เรื่องเวทมนตร์โหลชีรู้ไม่มากจริงๆ นักพรตเลวเองก็ด้วย ดังนั้นนางเลยนอนบนหลังเฉินซ่าไม่พูดอะไรไปเลย
"อย่าให้หน้ากากพวกนั้นเข้าใกล้ได้" จู่ๆเฉินซ่าก็พูดขึ้น
แต่พอเขาพูดจบ หน้ากากหกหน้ากากนั่นก็พลันแยกกัน แต่ละอันประจันหน้าพวกเขาแต่ละคน และโผเข้าหาหน้าพวกเขาทันที
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาที่ปิดสนิทพวกนั้นพลันลืมขึ้น แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ ในดวงตาเหล่านั้นยังหลงเหลือประกายหวาดกลัวและสิ้นหวังของพวกนางยามโดนถลกหนังเอาไว้
โหลวซิ่นมองดวงตาคู่นั้นโดยไม่รู้ตัว เจ็บปวดใจนัก และความหวาดกลัวกับสิ้นหวังเหล่านั้นก็กลืนกินเขาราวกับน้ำป่าไหลหลากฉับพลัน!
"อ๊า!"
"อย่ามองตาพวกนาง" อวิ๋นดึงเขาไปอีกข้าง เตะขาออกไป ซัดน้ำแข็งใส่หน้ากากพวกนั้น
ในเวลาเดียวกัน กระบี่ดื่มเลือดในมือเฉินซ่าสะบัด รังสีกระบี่ที่พกพาไอสังหารสีดำพุ่งโจมตีหน้ากากเหล่านั้น พวกเขาได้ยินเสียงร้องไห้ เหมือนสตรีหลายคนรวมกันร้องไห้อย่างอาดูร เสียงเหล่านั้นลอยเข้าหูแล้วทำให้แต่ละคนดวงตาร้อนผ่าว เหมือนจะร้องไห้ด้วยเหมือนกัน
"ปิดประสาทการฟัง" เฉินซ่าตะคอกเสียงต่ำ
หน้ากากเหล่านั้นบินแยกกันอย่างรวดเร็ว หลบหลีกการโจมตีของกระบี่เขาได้หมด
"พระเจ้า ของพวกนี้คล่องแคล่วกว่าคนเสียอีก!" โหลวซิ่นเพราะไม่ได้มองดวงตาพวกนั้นอีก บวกกับอวิ๋นดึงเขาหลบเร็วมาก ความหวาดกลัวสิ้นหวังในใจเลยหายไปอย่างรวดเร็ว
"ถ้าหน้ากากเหล่านั้นแนบหน้าได้ มันจะเกาะติดใบหน้าคนทันที ปิดทับใบหน้าแบบเดิมจนหมด จิตใจก็จะโดนความรู้สึกของเจ้าของเดิมเข้าครอบงำ จะยอมศิโรราบให้กับคนที่ถลกหนังหน้าพวกนางตอนแรก" จู่ๆซวนหยวนฉงโจวพูดขึ้น "ชั่วร้ายจริงๆ"
"ดังนั้นมนต์ดำเลยโดนเกลียดแค้นมาตลอด" โหลชีได้ยินแล้วขนลุกขนพองเหมือนกัน
"ลองใช้หญ้าปีศาจดู" นางคิดๆ ก่อนหยิบออกมาขวดหนึ่ง เปิดฝาออก สาดผงหญ้าปีศาจไป
"อ๊า!"
มีหน้ากากสองอันที่โดนเข้าพลันบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ปากร้องกรี๊ด ใบหน้างดงามนั่นเกิดรอยตะปุ่มตะป่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นอัปลักษณ์ แต่สายตาดุร้าย พุ่งเข้าหาเฉินซ่าอย่างรุนแรง
โหลชียิ้มเศร้า "ในที่สุดข้าก็เจอของที่ไม่กลัวหญ้าปีศาจที่ดิบชื้นแล้ว" โรคจิตขนาดนี้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ใต้ร่มยาใจ