“แต่ตอนนี้ฮองเฮาจะต้องมีความระแวดระวังตัวเป็นแน่ การฆ่ากู่จะไม่ง่ายขนาดนั้นแน่นอน”
เย่จายซิงค้ำคาง ขบคิดถึงระดับความยากของปัญหา
“เริ่มลงมือจากหลิวอิ๋งก่อน”
โม่เสิ่นยวนเอ่ย:
“กู่ที่ฮองเฮาฝังใส่เสด็จพ่อ น่าจะเป็นที่พวกเขารู้จักกันนานแล้ว ตอนนั้นยังไม่มีหลิวอิ๋งหลังจากหลิวอิ๋งเกิด หากอยากได้รับความรักจากเสด็จพ่อ ฮองเฮาก็ต้องฝังลูกกู่ในร่างของนางด้วย พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกถึงจะผูกพันกลมเกลียว”
ดังนั้น ฆ่ากู่ของหลิวอิ๋งดีที่สุด
“ขอแค่ลูกกู่ในร่างของหลิวอิ๋งตาย ความสัมพันธ์นี้ก็จะถูกตัดขาด แม้จะยังมีพิษกู่ที่เชื่อมกันอยู่เล็กน้อย แต่ความรักที่เสด็จพ่อมีต่อหลิวอิ๋งจะไม่มากเท่าเมื่อก่อน ถึงตอนนั้น ฮองเฮาก็จะกระวนกระวายใจแล้ว”
เย่จายซิงฟังพร้อมพยักหน้าตามเป็นระยะ
“เช่นนั้นก็ดีนัก นางก็ได้แต่อาศัยความรักใคร่จากฮ่องเต้และฮองเฮา หม่อมฉันอยากเห็นเสียจริง หากนางไม่มีความรักความเอ็นดูจากฮ่องเต้แล้ว จะเป็นอย่างไร”
นางสะใจเล็กน้อย
นางผู้นี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก ตอนที่หลิวอิ๋งฆ่านางกำนัลแล้วพยายามใส่ร้ายนาง หากนางไม่ไหวตัวทันก่อน อาจปล่อยให้หลิวอิ๋งทำสำเร็จจริงๆ ถึงตอนนั้นร้านปิดไปแล้ว ไม่แน่ว่าแค่ชีวิตน้อยๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ได้
หลิวอิ๋งจะต้องเกลียดเรามากแน่ๆ คิดว่าเราแย่งอสูรเทพของนางไป
อีกอย่างหลิวอิ๋งก็เป็นปฏิปักษ์กับนางมาตั้งแต่แรก ทว่าตอนนั้นตนไม่ได้ไปยั่วโมโหนางเลย
สรุปคือ หากเห็นหลิวอิ๋งพังพินาศ นางจะดีใจยิ่ง ถึงตอนนั้นอาจจะแทะเมล็ดแตงโมพลางดูฉากสนุกๆ ไปด้วยก็ได้
โม่เสิ่นยวนหยิกแก้มนางเบาๆ แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า:
“เผ่าปีศาจถูกฆ่าตายหมดแล้ว นางก็ต้องกลับมาเฉินตู ถึงตอนนั้นนางจะต้องมาหาเรื่องเจ้าเพราะเรื่องอสูรเทพเป็นแน่ น้องซิงก็ฉวยโอกาสฆ่าลูกกู่ในร่างของนางเลยสิ”
นางพยักหน้าแรงๆ :
“ได้เพคะ ไม่มีปัญหา หม่อมฉันจะศึกษากู่ภิรมย์รักนี้ล่วงหน้าให้ดีๆ รอนางมาเยือนถึงหน้าบ้าน ก็จะจัดการนางฉึบฉับเสีย”
โม่เสิ่นยวนยิ้มอ่อน แล้วบอกความรู้มากมายเกี่ยวกับกู่พิษให้นางฟัง
เขาได้รับความทรมานจากราชากู่หลายปี เพื่อเอาชีวิตรอด ตอนนั้นจึงเรียนรู้พิษกู่ทั้งหมดของเผ่าโฮ่วานโดยพื้นฐานไปรอบหนึ่งแล้ว
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะรู้จักชนิดกู่ของเผ่าโฮ่วานมากกว่าคนในเผ่าโฮ่วานบางคนเสียอีก
……
ตอนหลิวอิ๋งกลับมาเฉินตู ก็ห้าวันให้หลังแล้ว
ตอนจะหยุดยั้งเผ่าปีศาจไม่ให้ใช้ค่ายวาร์ปไปยังเมืองอื่น หลังจากปีศาจออกอาละวาด เหล่าผู้ฝึกตนจึงทำลายค่ายวาร์ปทิ้งไป
การกลับจากแดนเหนือ โดยไม่มีค่ายวาร์ป เรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่ไกลแสนไกล
หลังจากเผ่าปีศาจถูกฆ่าล้างจนหมด เพื่อจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด นางจึงใช้คัมภีร์วาร์ป
แต่กลับไม่คิดว่าคัมภีร์วาร์ปจะเสียหาย ทะยานมาได้ครึ่งทางก็ร่วงลงมาจากกลางเวหา
ต่อมานางจึงขี่จิตภัณฑ์เหาะกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด กระนั้นก็ยังใช้เวลาถึงห้าวัน
ในขณะที่หรงจิ่งเฉินตระกูลขุนนางสันโดษ เจ้าสำนักกุยหยวนและคนอื่นๆ ซึ่งออกตัวช้ากว่านาง กลับมาถึงก่อนนางหนึ่งวัน
ตระกูลหรงมีวิชาทะยานลับเคล็ดวาร์ปมาแต่แรก ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ายวาร์ปขนาดใหญ่ วิ่งผ่านอากาศหลายครั้ง ก็กลับมายังเฉินตูได้แล้ว
หลิวอิ๋งที่ได้ยินข่าวนี้โมโหจนแทบอกแตกตาย
หากรู้ว่าตระกูลหรงมีความสามารถนี้แต่แรก นางก็คงกลับมาเฉินตูพร้อมพวกเขาแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลิวอิ๋งเคืองใจยิ่งกว่าคือ หลังจากหรงจิ่งเฉินกลับมายังเฉินตู กลับว่าร้ายนางต่อหน้าธารกำนัล บอกว่านางไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำของสมาคมผู้ฝึกตน หลายครั้งที่ทำให้ผู้ฝึกตนจำนวนมากถูกเผ่าปีศาจฆ่าตาย เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดของนาง
ยังบอกอีกว่านางรักตัวกลัวตาย ตอนกำลังฆ่าเผ่าปีศาจ ก็ให้ผู้ฝึกตนคนสนิทมาบังดาบให้นาง
ตอนร่ายค่ายกลสังหารใหญ่ ก็บอกว่านางออกความเห็นคัดค้าน หากนางไม่ขัดขวาง ค่ายกลสังหารอาจสำเร็จไปนานแล้ว
“ทำข้าโมโหยิ่งนัก!หรงจิ่งเฉินผู้นี้ มันสมควรตาย!”
หลิวอิ๋งปัดแจกันดอกไม้หล่นแตกลงบนพื้นยกแถว
เหล่านี้เป็นข่าวที่นางกลับวังแล้วถึงได้รู้
ตอนที่นางเขามาในเฉินตู ก็พบว่าสายตาที่ทุกคนมองนางดูผิดแปลกไป ไม่มีคววามเคารพเลยสักนิด
เมื่อเห็นชาวบ้านต่ำช้าเหล่านี้มองนางเช่นนี้ ตอนนางขี่อสูรศักดิ์สิทธิ์กลับไปยังวังเทว ก็เลยเตะแผงขายของกระเด็นไปไม่น้อย
“ไม่ได้ ข้าจะต้องไปพบเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ให้เสด็จพ่อช่วยแก้ต่างให้ข้า ว่าคำพูดเหล่านี้เป็นหรงจิ่งเฉินที่ให้ร้ายข้า!”
หลิวอิ๋งรีบร้อนไปพบเสด็จพ่อและเสด็จแม่โดยไม่ได้ล้างเนื้อล้างตัว
เมื่อฮ่องเต้ได้ข่าวว่านางกลับวังแล้ว ก็ดีใจยิ่งนัก หลิวอิ๋งคือธิดาที่เขารักมากที่สุด ไม่เจอนานถึงเพียงนี้ คิดถึงเหลือเกิน
เขาจึงสั่งให้คนไปทำสำรับและขนมอบที่นางชอบกินโดยเฉพาะ
“เสด็จพ่อเพคะ หรงจิ่งเฉินผู้นั้นมีความแค้นกับหยิงเอ๋อร์ เขาเลยจงใจหมายหัวหยิงเอ๋อร์ พูดให้ร้ายหยิงเอ๋อร์เช่นนั้น”
หลิวอิ๋งดึงมือฮ่องเต้ พร้อมเอ่ยอย่างออดอ้อน
ฮองเฮาถามนางว่า: “เหตุใดนายน้อยหรงผู้นั้นถึงมีความแค้นกับเจ้า? หยิงเอ๋อร์ เจ้าอยู่ข้างนอก จะเอาแต่ใจไม่ได้นะ”
“หยิงเอ๋อร์ไม่ใช่คนประเภทนั้น หรงจิ่งเฉินผู้นั้นจะต้องมีปัญหาแน่ๆ”
ฮ่องเต้กล่าว แน่นอนว่าเขาอยู่ข้างธิดาสุดที่รักอยู่แล้ว
เมื่อวานเขาเรียกหรงจิ่งเฉินกับเจ้าสำนักกุยหยวนและคนอื่นๆ มาเข้าเฝ้า แสดงความขอบคุณที่เสียสละเพื่อใต้หล้า แต่เจ้าหนุ่มนั่น กลับพูดว่าคนที่เขาควรขอบคุณกลับไม่ขอบคุณ เอ่ยวาจากระด้างกระเดื่อง ทำให้เขาไม่ชอบใจ
“หรืออาจเป็นเพราะเย่จายซิง หรงจิ่งเฉินผู้นี้ คนที่เขาโปรดปรานคือเย่จายซิงเพคะ เย่จายซิงแย่งอสูรเทพของลูกไป ลูกย่อมไม่ชอบนางแน่นอน ดังนั้นหรงจิ่งเฉินจึงจงใจเพ่งเล็งลูกเพคะ!”
หลิวอิ๋งบุ้ยปากเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
“เย่จายซิงอีกแล้ว! เหตุใดถึงมีแต่นางไปเสียทุกที่?”
ฮ่องเต้สีหน้าขรึมลง เย่จายซิงสามคำนี้ ทำให้ทุกวันนี้พอเขาได้ยินก็รู้สึกเอือมระอา
หลิวอิ๋งไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะเกลียดชังเย่จายซิงเพียงนี้ จึงนึกดีใจ แล้วถามอย่างใคร่รู้ว่า:
แต่นางรู้ว่า นับตั้งแต่ตอนที่นางพบเสด็จพี่ครั้งแรก นางก็อยากจะอยู่ใกล้เขา อยากจะตัวติดคุยกับเขา อยากให้เขาพานางไปเที่ยวเล่น
แต่เสด็จแม่ไม่ให้ตนติดต่อกับเขา ไม่เช่นนั้นตอนพบเสด็จพี่ของตนครั้งแรก อายุคงไม่ปาไปสิบกว่าปีแล้วหรอก
อีกทั้งเสด็จพี่ก็หมางเมินนางเหลือเกิน ไม่เคยพูดกับนางสักคำเดียว
นางนึกวาเสด็จพี่ไม่ชอบนาง เกลียดชังนาง
จนกระทั่งนางเก็บกระดาษที่เขียนกลอนรักหลายแผ่นนั้นได้
ตอนนั้นนางรู้สึกคลุมเครือ ว่าเสด็จพี่ของนางอาจมีความรู้สึกต้องห้ามบางอย่างกับนาง
ต่อมา ทุกครั้งที่นางเจอเสด็จพี่ มักจะหน้าแดงใจเต้นอยู่เนิ่นนาน
เพียงแต่คล้ายกับเสด็จพี่หลบหน้านาง นานๆ ทีจะได้พบหน้าเขาสักครั้ง
“เสด็จพี่ ท่านเปลี่ยนใจแล้วจริงๆ หรือ?”
นางขยำกระดาษในมืออย่างแรง ดวงตาฉายแววเหี้ยมเกรียมจนดูบ้าคลั่ง
ใช่ เขาต้องเปลี่ยนใจแล้วแน่ๆ
เห็นๆ อยู่ว่าคนที่เขาชอบคือเรา แต่หลังจากที่เขาได้พบกับเย่จายซิง ก็เปลี่ยนใจ ทำไมเขาถึงเป็นคนโลเลเพียงนี้?
เขาถึงขั้นพูดต่อหน้าธารกำนัลว่าเราหยาบคายเกินทน เพราะเย่จายซิง
ตอนที่นางได้ยินคำนี้ หัวใจของนางเหมือนถูกคนเขวี้ยงลงบนพื้นแล้วเหยียบย่ำอย่างบ้าคลั่ง
ทุกอย่างต้องโทษเย่จายซิง! เย่จายซิงมันคือภูตจิ้งจอก ภูตจิ้งจอกที่ชำนาญเรื่องยั่วยวนคน!
“ขอแค่เย่จายซิงตายไป เสด็จพี่จะต้องเปลี่ยนใจกลับมาแน่”
หลิวอิ๋งเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก ก่อนเก็บกลอนรักเอาไว้ แต่คราวนี้นางไมได้วางไว้ใต้เตียงแล้ว หากเก็บไว้ในแหวนมิติแทน
บางทีหากเสด็จพี่เห็นกระดาษเหล่านี้ อาจจำความรักที่มีต่อนางในตอนนั้นขึ้นมาได้
“เสด็จพี่ เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะบอกความลับหนึ่งกับท่าน ให้ท่านรู้ว่าระหว่างเรา ไม่มีรักต้องห้ามจริงๆ แต่อย่างใด ท่านสามารถพึงใจต่อข้า และอยู่เคียงข้างข้าได้อย่างไม่ต้องกังวล”
พูดจบ นางก็เอนตัวลงนอนพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น นางอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ก็แต่งกายงดงามชดช้อย สวมชุดที่เจอกับเสด็จพี่เป็นครั้งแรก ก่อนจะควบม้าออกจากวังไปที่หอไป๋เป่า
พอคิดว่าเสด็จพี่กับนังภูตจิ้งจอกนั่นอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว ในใจของหลิวอิ๋งก็รู้สึกริษยาชิงชังอย่างไม่อาจหักห้าม
“คุณหนู! องค์หญิงหลิวอิ๋งเสด็จหอไป๋เป่าแล้ว ตรัสว่าต้องการพบท่านกับเซ่าตี้เจ้าค่ะ!”
ไป๋จู๋วยืนพูดกับคนด้านในอยู่หน้าประตู
เย่จายซิงและโม่เสิ่นยวนกำลังกินโจ๊กกันอยู่ในห้องอาหาร
ได้ยินดังนั้น มุมปากของเย่จายซิงก็ยกโค้งขึ้น
“มาไวจริงเชียว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...