หลังจากที่เย่จายซิงตั้งแผงขายของบนท้องถนนแล้วนั้น ก็มีผู้คนรายล้อมเข้ามาชมเรื่องน่าสนุกอยู่มากมาย
ด้วยเพราะนางมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา เมื่อเดินไปที่ใดก็มักจะตกเป็นเป้าสายตาโดยตลอด
แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือคำพูดของ โดยเฉพาะป้ายที่กล่าวว่า กลั่นยาได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงโอสถระดับเจ็ดนั้น นับว่าทำให้ผู้คนอดที่จะตกตะลึงปนแปลกใจไปมิได้
ในยามนี้หาได้มีผู้ใดเชื่อถือนางไม่ นางที่อายุเพียงเท่านี้จะมาเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดไปได้อย่างไร
“นี่คงมิใช่การละเล่นอะไรใช่หรือไม่? บอกนางคืออาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ด ขี้โม้เสียจริง!”
“ข้าละหมดคำพูด ในยามนี้ผู้ใดก็สามารถพูดได้หรือ ว่าตนเองคือปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูง ?”
“ดูนางก็ออกจะงดงาม น่าเสียดาย ดูท่าสมองของนางจะมีปัญหาเสียแล้ว!”
“รอก่อน แม่นางผู้นี้ มิใช่คนที่ทำการสังหารเจ้าสำนักเทียนฉานผู้นั้นหรือ?”
จู่ๆ ก็มีเสียงเล็ก ๆ พูดขึ้นมา
“อะไรนะ? เป็นนางหรือ?”
ทุกคนพลันมองไปที่เย่จายซิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เจ้าสำนักเทียนฉานเป็นถึงผู้แข็งแกร่งพลังปราณขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ ได้ยินมาว่าถูกสตรีจากสำนักเฉียนคุนฆ่าไปอย่างง่ายดาย แม้แต่กระทั่งรังของเจ้าสำนักเทียนฉานยังถูกทำลายเสียย่อยยับ
ไม่อาจไม่พูดได้เลยว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก
ทว่า ถ้าหากนางสังหารท่านเจ้าสำนักจงจริง ๆ นั่นหมายความว่าพลังปราณของนางถึงขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์เลยทีเดียว ในเมื่อนางมีพลังปราณฝึกตนสูงส่งถึงเพียงนี้ ย่อมไม่อาจมีความสามารถในการกลั่นยาขั้นสูงได้ไม่ใช่หรือ ?
“นางจะกลั่นยาได้หรือไม่ ก็แค่ให้นางลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”
คุณชายท่านหนึ่งเดินเข้ามาในทันที พร้อมกับหยิบถุงมิติออกมา พลางเอ่ยพูดด้วยท่าทีเย้าแหย่ว่า
“แม่นางคนสวย ช่วยกลั่นโอสถเม็ดสี่ฤดูให้ข้าหน่อยสิ ต้องใช้กี่หินทิพย์กัน?”
เย่จายซิงเพียงเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความเฉยเมย “โอสถสี่ทิศ โอสถขั้นเจ็ด สามสิบล้านหินทิพย์”
ราคาของโอสถขั้นเจ็ดล้วนแต่เป็นราคาประมาณนี้ ไม่นับว่าแพงมากนัก
ทว่า ถุงมิติของคุณชายผู้นี้หาได้มีหินทิพย์มากถึงขนาดนั้นไม่
เขาจึงหัวเราะเยาะออกมาว่า
“เจ้าเหตุใดไม่ออกไปปล้นเสียล่ะ? สามสิบล้านหินทิพย์ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริงๆหรือ? เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ในถุงนี่มีหินทิพย์อยู่ยี่สิบล้านหินทิพย์ เจ้าก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าสักคืนสองคืนสิแล้วหินทิพย์ในถุงนี้ทั้งหมดจะเป็นของเจ้า เช่นนี้ มือของเจ้าจักไม่ต้องมาโดนเตากลั่นโอสถลวกให้ด้วย ”
เย่จายซิงเพียงมองเขาแค่หางตาเท่านั้น มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นมา “งั้นหรือ?”
ทันใดนั้นกลิ่นอายความกดดันพลันแผ่ออกมาจากตัวของเย่จายซิงในทันที พร้อมด้วยคุณชายคนนั้นที่นั่งคุกเข่าลงไปด้วยสีหน้าเขียวคล้ำและกระอักเลือดออกมาคำโต
ผู้คนที่อยู่รอบด้านต่างพากันตกตะลึงไปในทันที
ที่แท้นางมีพลันปราณขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์จริงๆ !
นางเพิ่งจะได้กี่หนาวกัน!
เย่จายซิงพลันเดินเข้าไปเหยียบมือของคุณชายท่านนั้นในทันที “ยังอยากให้ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนอีกหรือไม่เล่า?”
“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว! เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าไปสักครั้งเถิด!”
คุณชายท่านนั้นตกใจเสียจนใบหน้าซีดเผือดไปในทันที พลางก้มหน้าคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอรับผิด พร้อมกับตกปากตนเองอย่างแรง
เป็นเขาที่เคยชินกับการเอิ้นหยอกเกี้ยวพาราสีสตรีมากเกินไป ไม่คิดว่าตนเองจะมาเหยียบเจอตอแข็งเข้าเสียได้ ผู้ใดจะไปคิดกันว่า แม่นางผู้นี้ดูอย่างไรก็อายุยังไม่เข้ายี่สิบหนาว จะเป็นผู้ฝึกตนถึงขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ได้
เขาเลยคิดว่าผู้คนที่อยู่รอบด้านพูดเรื่องโกหกกันขึ้นมา ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงเช่นนี้
ในครานี้ เกรงว่ามันคงจะเป็นภายในจิตใจของเขาไปอีกนาน ชั่วชีวิตนี้เขาคงมิกล้าไปเอ่ยเกี้ยวสตรีผู้อื่นอีกแล้ว
“ในเมื่อรู้ว่าตนเองผิดก็แก้นิสัยของตนเองเสีย”
เย่จายซิงจึงยกเท้าของตนเองขึ้นมา พลางมองไปที่เขาแล้วถามว่า “ท่านต้องการจะให้กลั่นโอสถชนิดใด ยี่สิบล้านหินทิพย์สามารถกลั่นโอสถเม็ดขั้นสี่ให้กับท่านได้”
คุณชายพลันชะงักไปในทันที รีบร้อนกล่าวออกมาว่า “ได้ได้ได้ ทานช่วยกลั่นโอสถระดับสี่ให้กับข้า เป็นโอสถฝึกปราณก็พอแล้ว”
โอสถฝึกปราณเป็นโอสถขั้นสี่ที่ดีที่สุดเขาพลันรู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ถึงแม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะ ทว่าย่อมไม่อาจเป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดไปได้ อย่างมากที่สุดนางก็น่าจะเป็นเพียงปรมาจารย์กลั่นยาขั้นที่สี่เท่านั้น เขาเลยพูดโอสถขั้นสี่ที่สามารถพบได้ทั่วไปให้นางกลั่นโอสถออกมาแทน
เช่นนี้มันก็จะได้ดีต่อตัวนางด้วย
เย่จายซิงเข้าใจความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี แต่นางก็คร้านที่จะอธิบายออกไปเช่นกัน นางจึงได้หยิบวัตถุดิบตัวยาที่จะใช้กลั่นเป็นโอสถฝึกปราณออกมา จากนั้นก็เตรียมตัวกลั่นโอสถในทันที
หนังสือโอสถทั้งหมดของผู้อาวุโสสามนั้น นางล้วนแต่ดูหมดแล้ว ถึงแม้ว่านางจะเคยฝึกปรุงโอสถพวกนั้นมาบ้างแล้วก็ตาม ทว่านางจดจำตัวยาของโอสถทุกสูตรได้ย่างแม่นยำยิ่งนักการจะกลั่นโอสถออกมาได้นั้น ไม่นับว่าเป็นปัญหาอันใดเลยแม้แต่น้อย
ขอเพียงแค่มิได้ยากมา ทั้งยังไม่เป็นโอสถเฉพาะทางมากจนเกินไป นางล้วนแต่ปรุงโอสถออกมาได้หมด
เมื่อได้ยินว่ามีสตรีมาปรุงยาอยู่กลางถนนนั้น ทุกคนก็พลันเข้ามาล้อมดูกันเพิ่มมากขึ้น
เย่จายซิงที่มีจิตใจแน่วแน่ กำลังทำให้จิตใจของตนเองให้สงบลง จากนั้นจึงเริ่มทำการกลั่นโอสถฝึกปราณในทันที
การเคลื่อนไหวของนางว่องไวยิ่งนัก จากท่าทีเฉยเมยเมื่อครู่ พลันค่อยๆ ทำให้ผู้คนที่มองมารู้สึกได้ถึงความน่าอัศจรรย์และตื่นตาตื่นใจขึ้นมาในทันที
เมื่อทุกคนได้เห็นภาพฉากนี้แล้วนั้น ภายในของแต่ละคนยังอดสงสัยไปไม่ได้ว่า ตนเองเคยพบเห็นปรมาจารย์กลั่นโอสถได้ว่องไวเท่านี้หรือไม่
เนื่องจากว่า โอสถที่เย่จายซิงกลั่นออกมาได้นั้นนับว่าเป็นของดีอย่างแท้จริง คุณภาพยังดีสีใสขึ้นเงา สิ่งเจือปนก็น้อยกว่าโอสถที่ขายอยู่ในร้านขายโอสถทั่วไปมากนัก
อีกทั้งราคาสองแสนหินทิพย์กับโอสถขั้นสี่นั้นไม่นับว่าแพงอันใด!
โอสถขั้นสี่ หากซื้อขายในราคาถึงสามแสนหินทิพย์ยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ
ราคาโอสถถูกเช่นนี้ อีกทั้งคุณภาพยังดีด้วย ทั้งยังได้เห็นการกลั่นโอสถด้วยตัวเองอีก ของดีเช่นนี้หากไม่ฉวยโอกาสเอาไว้คงน่าเสียดายแย่!
“เช่นนั้น ข้าจะกลั่นโอสถขั้นห้าให้เจ้าก่อนละกัน เจ้าต้องการโอสถชนิดใด?”
เย่จายซิงชี้ไปยังบุรุษวัยกลางคนที่เอ่ยเสียงดังที่สุด
“ข้าต้องการโอสถรักษาชีพจร!”
เย่จายซิงจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ สี่แสนหินทิพย์”
นัยน์ตาของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น พลันส่องแสงระยิบระยับออกมาในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเสียมากมาย แค่สี่แสนหินทิพย์เองหรือ นี่นับว่าเป็นพรจากพระเจ้าใช่หรือไม่ !
ที่จริงแล้ว เขาเตรียมเงินห้าแสนหินทิพย์เอามาเพื่อที่จะนำมาซื้อโอสถรักษาชีพจร เงินห้าแสนหินทิพย์เขายังใช้เวลาในการเก็บออมมานานแรมปี ในยามนี้ กลับประหยัดไปได้ตั้งหนึ่งแสนหินทิพย์!
ผู้คนที่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกว่าราคาเช่นนี้นับว่าถูกยิ่งนัก ทุกคนล้วนแต่อยากจะให้เย่จายซิงกลั่นโอสถให้กับพวกเขา
เย่จายซิงจึงเริ่มทำการกลั่นโอสถรักษาชีพจรให้ในทันที
นางกลั่นโอสถได้รวดเร็วยิ่งนัก
ในครานี้ นางใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ นางก็สามารถกลั่นโอสถรักษาชีพจรออกมาได้ถึงแปดเม็ด
ผู้คนพลันจ้องมองตาแทบจะถลนออกมาในทันที
“ช่วยกลั่นโอสถขั้นหกมาให้ข้าเม็ดหนึ่งเถิด!”
“ข้าก็อยากได้!”
“แม่นางใช้เวลากลั่นยานานหรือไม่ หากข้ากลับไปเก็บหินทิพย์ในยามนี้จะกลับมาทันหรือไม่เล่า?”
ผ่านไปไม่นาน ที่นี่กับเต็มไปด้วยความครึกครื้นคล้ายกับตลาดสดไปในทันที
เย่จายซิงจึงร้องตะโกนเสียงดังออกมาว่า
“มิต้องรีบร้อน ข้าจักกลั่นโอสถอยู่ที่นี่เพียงสามวัน หากพวกท่านอยากให้ข้ากลั่นโอสถให้นั้น สามารถมาหาข้าได้เสมอ”
ในเมื่อเป้าหมายของเย่จายซิง คือการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ดังนั้นนางจึงต้องการดึงดูดความสนใจให้ได้มากี่สุด หลังจากที่นางออกจากเมืองยวี่หลัวไปแล้วนั้น นางก็จะถูกผู้คนคอยจับตามองไปด้วย เช่นนี้สำนักเฉียนคุนก็จักมิได้เป็นที่สนใจอีกต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...