บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 343

หลังจากที่เย่จายซิงตั้งแผงขายของบนท้องถนนแล้วนั้น ก็มีผู้คนรายล้อมเข้ามาชมเรื่องน่าสนุกอยู่มากมาย

ด้วยเพราะนางมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตา เมื่อเดินไปที่ใดก็มักจะตกเป็นเป้าสายตาโดยตลอด

แต่สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดก็คือคำพูดของ โดยเฉพาะป้ายที่กล่าวว่า กลั่นยาได้ตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงโอสถระดับเจ็ดนั้น นับว่าทำให้ผู้คนอดที่จะตกตะลึงปนแปลกใจไปมิได้

ในยามนี้หาได้มีผู้ใดเชื่อถือนางไม่ นางที่อายุเพียงเท่านี้จะมาเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดไปได้อย่างไร

“นี่คงมิใช่การละเล่นอะไรใช่หรือไม่? บอกนางคืออาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ด ขี้โม้เสียจริง!”

“ข้าละหมดคำพูด ในยามนี้ผู้ใดก็สามารถพูดได้หรือ ว่าตนเองคือปรมาจารย์กลั่นยาขั้นสูง ?”

“ดูนางก็ออกจะงดงาม น่าเสียดาย ดูท่าสมองของนางจะมีปัญหาเสียแล้ว!”

“รอก่อน แม่นางผู้นี้ มิใช่คนที่ทำการสังหารเจ้าสำนักเทียนฉานผู้นั้นหรือ?”

จู่ๆ ก็มีเสียงเล็ก ๆ พูดขึ้นมา

“อะไรนะ? เป็นนางหรือ?”

ทุกคนพลันมองไปที่เย่จายซิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

เจ้าสำนักเทียนฉานเป็นถึงผู้แข็งแกร่งพลังปราณขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ ได้ยินมาว่าถูกสตรีจากสำนักเฉียนคุนฆ่าไปอย่างง่ายดาย แม้แต่กระทั่งรังของเจ้าสำนักเทียนฉานยังถูกทำลายเสียย่อยยับ

ไม่อาจไม่พูดได้เลยว่าโหดเหี้ยมยิ่งนัก

ทว่า ถ้าหากนางสังหารท่านเจ้าสำนักจงจริง ๆ นั่นหมายความว่าพลังปราณของนางถึงขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์เลยทีเดียว ในเมื่อนางมีพลังปราณฝึกตนสูงส่งถึงเพียงนี้ ย่อมไม่อาจมีความสามารถในการกลั่นยาขั้นสูงได้ไม่ใช่หรือ ?

“นางจะกลั่นยาได้หรือไม่ ก็แค่ให้นางลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”

คุณชายท่านหนึ่งเดินเข้ามาในทันที พร้อมกับหยิบถุงมิติออกมา พลางเอ่ยพูดด้วยท่าทีเย้าแหย่ว่า

“แม่นางคนสวย ช่วยกลั่นโอสถเม็ดสี่ฤดูให้ข้าหน่อยสิ ต้องใช้กี่หินทิพย์กัน?”

เย่จายซิงเพียงเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความเฉยเมย “โอสถสี่ทิศ โอสถขั้นเจ็ด สามสิบล้านหินทิพย์”

ราคาของโอสถขั้นเจ็ดล้วนแต่เป็นราคาประมาณนี้ ไม่นับว่าแพงมากนัก

ทว่า ถุงมิติของคุณชายผู้นี้หาได้มีหินทิพย์มากถึงขนาดนั้นไม่

เขาจึงหัวเราะเยาะออกมาว่า

“เจ้าเหตุใดไม่ออกไปปล้นเสียล่ะ? สามสิบล้านหินทิพย์ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริงๆหรือ? เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ในถุงนี่มีหินทิพย์อยู่ยี่สิบล้านหินทิพย์ เจ้าก็มาอยู่เป็นเพื่อนข้าสักคืนสองคืนสิแล้วหินทิพย์ในถุงนี้ทั้งหมดจะเป็นของเจ้า เช่นนี้ มือของเจ้าจักไม่ต้องมาโดนเตากลั่นโอสถลวกให้ด้วย ”

เย่จายซิงเพียงมองเขาแค่หางตาเท่านั้น มุมปากพลันยกยิ้มขึ้นมา “งั้นหรือ?”

ทันใดนั้นกลิ่นอายความกดดันพลันแผ่ออกมาจากตัวของเย่จายซิงในทันที พร้อมด้วยคุณชายคนนั้นที่นั่งคุกเข่าลงไปด้วยสีหน้าเขียวคล้ำและกระอักเลือดออกมาคำโต

ผู้คนที่อยู่รอบด้านต่างพากันตกตะลึงไปในทันที

ที่แท้นางมีพลันปราณขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์จริงๆ !

นางเพิ่งจะได้กี่หนาวกัน!

เย่จายซิงพลันเดินเข้าไปเหยียบมือของคุณชายท่านนั้นในทันที “ยังอยากให้ข้าไปอยู่เป็นเพื่อนอีกหรือไม่เล่า?”

“ไม่กล้าแล้ว ไม่กล้าแล้ว! เป็นข้าที่มีตาหามีแววไม่ ท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าไปสักครั้งเถิด!”

คุณชายท่านนั้นตกใจเสียจนใบหน้าซีดเผือดไปในทันที พลางก้มหน้าคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอรับผิด พร้อมกับตกปากตนเองอย่างแรง

เป็นเขาที่เคยชินกับการเอิ้นหยอกเกี้ยวพาราสีสตรีมากเกินไป ไม่คิดว่าตนเองจะมาเหยียบเจอตอแข็งเข้าเสียได้ ผู้ใดจะไปคิดกันว่า แม่นางผู้นี้ดูอย่างไรก็อายุยังไม่เข้ายี่สิบหนาว จะเป็นผู้ฝึกตนถึงขั้นแดนมหาจักรพรรดิทิพย์ได้

เขาเลยคิดว่าผู้คนที่อยู่รอบด้านพูดเรื่องโกหกกันขึ้นมา ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงเช่นนี้

ในครานี้ เกรงว่ามันคงจะเป็นภายในจิตใจของเขาไปอีกนาน ชั่วชีวิตนี้เขาคงมิกล้าไปเอ่ยเกี้ยวสตรีผู้อื่นอีกแล้ว

“ในเมื่อรู้ว่าตนเองผิดก็แก้นิสัยของตนเองเสีย”

เย่จายซิงจึงยกเท้าของตนเองขึ้นมา พลางมองไปที่เขาแล้วถามว่า “ท่านต้องการจะให้กลั่นโอสถชนิดใด ยี่สิบล้านหินทิพย์สามารถกลั่นโอสถเม็ดขั้นสี่ให้กับท่านได้”

คุณชายพลันชะงักไปในทันที รีบร้อนกล่าวออกมาว่า “ได้ได้ได้ ทานช่วยกลั่นโอสถระดับสี่ให้กับข้า เป็นโอสถฝึกปราณก็พอแล้ว”

โอสถฝึกปราณเป็นโอสถขั้นสี่ที่ดีที่สุดเขาพลันรู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ถึงแม้ว่าจะเป็นอัจฉริยะ ทว่าย่อมไม่อาจเป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดไปได้ อย่างมากที่สุดนางก็น่าจะเป็นเพียงปรมาจารย์กลั่นยาขั้นที่สี่เท่านั้น เขาเลยพูดโอสถขั้นสี่ที่สามารถพบได้ทั่วไปให้นางกลั่นโอสถออกมาแทน

เช่นนี้มันก็จะได้ดีต่อตัวนางด้วย

เย่จายซิงเข้าใจความคิดของเขาได้เป็นอย่างดี แต่นางก็คร้านที่จะอธิบายออกไปเช่นกัน นางจึงได้หยิบวัตถุดิบตัวยาที่จะใช้กลั่นเป็นโอสถฝึกปราณออกมา จากนั้นก็เตรียมตัวกลั่นโอสถในทันที

หนังสือโอสถทั้งหมดของผู้อาวุโสสามนั้น นางล้วนแต่ดูหมดแล้ว ถึงแม้ว่านางจะเคยฝึกปรุงโอสถพวกนั้นมาบ้างแล้วก็ตาม ทว่านางจดจำตัวยาของโอสถทุกสูตรได้ย่างแม่นยำยิ่งนักการจะกลั่นโอสถออกมาได้นั้น ไม่นับว่าเป็นปัญหาอันใดเลยแม้แต่น้อย

ขอเพียงแค่มิได้ยากมา ทั้งยังไม่เป็นโอสถเฉพาะทางมากจนเกินไป นางล้วนแต่ปรุงโอสถออกมาได้หมด

เมื่อได้ยินว่ามีสตรีมาปรุงยาอยู่กลางถนนนั้น ทุกคนก็พลันเข้ามาล้อมดูกันเพิ่มมากขึ้น

เย่จายซิงที่มีจิตใจแน่วแน่ กำลังทำให้จิตใจของตนเองให้สงบลง จากนั้นจึงเริ่มทำการกลั่นโอสถฝึกปราณในทันที

การเคลื่อนไหวของนางว่องไวยิ่งนัก จากท่าทีเฉยเมยเมื่อครู่ พลันค่อยๆ ทำให้ผู้คนที่มองมารู้สึกได้ถึงความน่าอัศจรรย์และตื่นตาตื่นใจขึ้นมาในทันที

เมื่อทุกคนได้เห็นภาพฉากนี้แล้วนั้น ภายในของแต่ละคนยังอดสงสัยไปไม่ได้ว่า ตนเองเคยพบเห็นปรมาจารย์กลั่นโอสถได้ว่องไวเท่านี้หรือไม่

เนื่องจากว่า โอสถที่เย่จายซิงกลั่นออกมาได้นั้นนับว่าเป็นของดีอย่างแท้จริง คุณภาพยังดีสีใสขึ้นเงา สิ่งเจือปนก็น้อยกว่าโอสถที่ขายอยู่ในร้านขายโอสถทั่วไปมากนัก

อีกทั้งราคาสองแสนหินทิพย์กับโอสถขั้นสี่นั้นไม่นับว่าแพงอันใด!

โอสถขั้นสี่ หากซื้อขายในราคาถึงสามแสนหินทิพย์ยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ

ราคาโอสถถูกเช่นนี้ อีกทั้งคุณภาพยังดีด้วย ทั้งยังได้เห็นการกลั่นโอสถด้วยตัวเองอีก ของดีเช่นนี้หากไม่ฉวยโอกาสเอาไว้คงน่าเสียดายแย่!

“เช่นนั้น ข้าจะกลั่นโอสถขั้นห้าให้เจ้าก่อนละกัน เจ้าต้องการโอสถชนิดใด?”

เย่จายซิงชี้ไปยังบุรุษวัยกลางคนที่เอ่ยเสียงดังที่สุด

“ข้าต้องการโอสถรักษาชีพจร!”

เย่จายซิงจึงพยักหน้าลงเล็กน้อย “ได้ สี่แสนหินทิพย์”

นัยน์ตาของบุรุษวัยกลางคนผู้นั้น พลันส่องแสงระยิบระยับออกมาในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเสียมากมาย แค่สี่แสนหินทิพย์เองหรือ นี่นับว่าเป็นพรจากพระเจ้าใช่หรือไม่ !

ที่จริงแล้ว เขาเตรียมเงินห้าแสนหินทิพย์เอามาเพื่อที่จะนำมาซื้อโอสถรักษาชีพจร เงินห้าแสนหินทิพย์เขายังใช้เวลาในการเก็บออมมานานแรมปี ในยามนี้ กลับประหยัดไปได้ตั้งหนึ่งแสนหินทิพย์!

ผู้คนที่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกว่าราคาเช่นนี้นับว่าถูกยิ่งนัก ทุกคนล้วนแต่อยากจะให้เย่จายซิงกลั่นโอสถให้กับพวกเขา

เย่จายซิงจึงเริ่มทำการกลั่นโอสถรักษาชีพจรให้ในทันที

นางกลั่นโอสถได้รวดเร็วยิ่งนัก

ในครานี้ นางใช้เวลาไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ นางก็สามารถกลั่นโอสถรักษาชีพจรออกมาได้ถึงแปดเม็ด

ผู้คนพลันจ้องมองตาแทบจะถลนออกมาในทันที

“ช่วยกลั่นโอสถขั้นหกมาให้ข้าเม็ดหนึ่งเถิด!”

“ข้าก็อยากได้!”

“แม่นางใช้เวลากลั่นยานานหรือไม่ หากข้ากลับไปเก็บหินทิพย์ในยามนี้จะกลับมาทันหรือไม่เล่า?”

ผ่านไปไม่นาน ที่นี่กับเต็มไปด้วยความครึกครื้นคล้ายกับตลาดสดไปในทันที

เย่จายซิงจึงร้องตะโกนเสียงดังออกมาว่า

“มิต้องรีบร้อน ข้าจักกลั่นโอสถอยู่ที่นี่เพียงสามวัน หากพวกท่านอยากให้ข้ากลั่นโอสถให้นั้น สามารถมาหาข้าได้เสมอ”

ในเมื่อเป้าหมายของเย่จายซิง คือการสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง ดังนั้นนางจึงต้องการดึงดูดความสนใจให้ได้มากี่สุด หลังจากที่นางออกจากเมืองยวี่หลัวไปแล้วนั้น นางก็จะถูกผู้คนคอยจับตามองไปด้วย เช่นนี้สำนักเฉียนคุนก็จักมิได้เป็นที่สนใจอีกต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา