บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 344

สำนักเฉียนคุนมีชีพจรมังกรอยู่ภายในสำนักเช่นนี้

หากดูจากความสามารถของสำนักเฉียนคุนแล้วนั้น หากว่ามีข่าวเช่นนี้หลุดลอยไป มันย่อมต้องนำพาความเดือดร้อนมาให้กับคนในสำนักเป็นแน่

เย่จายซิงในยามนี้ มีศัตรูเป็นสำนักเสวียนปิงแล้ว เช่นนั้นนางจึงทำได้เพียงนำศิษย์สายในของสำนักเสวียนปิงออกจาเมืองหวี่หลัวออกไปด้วยเท่านั้น

แต่ก่อนที่นางจะออกจากเมืองไป นางจำเป็นต้องออกไปจากเมืองยวี่หลัวด้วยความภาคภูมิเสียก่อนเพื่อที่ผู้คนจักได้จดจำนางได้ว่า นางมิได้อยู่ในสำนักเฉียนคุนอีกต่อไปแล้ว

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ที่จะมิทำให้สำนักเฉียนคุนเป็นที่จับตามองอีกต่อไป

ขอเพียงแค่สำนักยังคงอยู่ในอย่างเงียบๆ ต่อไป ย่อมไม่มีผู้ใดสนใจสำนักที่ไม่เป็นที่โดดเด่นเช่นนี้อีก

นั่นเป็นเหตุผลที่ เย่จายซิงต้องมากลั่นโอสถท่ามกลางความครึกครื้นบนท้องถนนเช่นนี้

เมื่อทุกคนได้ยินว่า เย่จายซิงจะมากลั่นยาอยู่ที่นี่เพียงแค่สามวันเท่านั้น เพื่อตอบสนองความต้องการโอสถของคนทุกคน ผู้คนจึงพากันตื่นเต้นไปในทันที

โอสถคุณภาพดีทั้งยังราคาถูกเช่นนี้ ผู้ใดมิอยากได้กัน?

ขอเพียงแค่เป็นผู้ฝึกตน ย่อมไม่อาจไม่ขาดโอสถไปได้

ไม่ว่าจะเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นผู้ฝึกตนที่เกิดความติดขัดขึ้นมานั้น หรือเกิดปัญหาในด้านอื่นๆ ขึ้นมา ล้วนแต่ต้องใช้โอสถทั้งนั้น

เมื่อเย่จายซิงเห็นว่ามีผู้คนต้องการโอสถมากมายเช่นนี้ นางจึงได้สั่งให้คนหนึ่งจดรายการของผู้ที่ต้องการโอสถออกมาและจำเอาไว้

จากนั้นทุกอย่างก็วนลูปกลับมาอีกครั้ง เตากลั่นโอสถกลั่นยาแล้วกลั่นยาเล่า

ทว่า โดยส่วนมากโอสถขั้นสี่และสามกับระดับห้าล้วนแต่จะเป็นที่ต้องการของผู้คนเสียมากกว่า

เนื่องจากโอสถที่มีราคาแพงนั้นภายในเมืองเล็ก ๆ เช่นนี้ ย่อมไม่มีผู้ใดมีกำลังทรัพย์ซื้อไหวเป็นแน่ ทั้งยังไม่อาจนำหินทิพย์ออกมาใช้จ่ายได้มากมายอีกด้วย

วันนี้ เย่จายซิงที่กลั่นโอสถจนถึงพลบค่ำ นางถึงได้เดินทางกลับมายังสำนัก

เมื่อท่านเจ้าสำนักรู้ว่าเย่จายซิงตั้งใจจะจากเมืองยวี่หลัวไปนั้น ก็เงียบขรึมไปครู่หนึ่ง

พวกเขาไม่อาจปล่อยให้สตรีตัวเล็ก ๆ ออกไปเผชิญหน้ากับอันตรายในโลกกว้างได้เพียงตัวคนเดียว

นางที่กักขังลูกศิษย์ของสำนักเสวียนปิงในยามนี้เอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นสำนักเสวียนปิงจะต้องมาเอาเรื่องกับนางเป็นแน่

หากเย่จายซิงออกไปจากเมืองด้วยความอึกทึกครึกโครมเช่นนี้ นั่นหมายความว่านางกำลังเปิดเผยตัวตนของตนเองให้ดึงดูดความสนใจจากผู้อื่น

“พวกท่านมิต้องเป็นกังวลมากไป ข้ามีวิธีเอาตัวรอดได้ อีกทั้งข้าจักต้องออกไปตามหาความทรงจำของตนเองให้ ทั้งยังต้องตามหาตัวตนของตนเองให้เจออีกด้วย ข้าไม่อาจหลบอยู่แต่ที่นี่ได้อีกต่อไป ข้าจักต้องออกไปแก้แค้น”

เย่จายซิงหันไปกล่าวกับพวกเขา

นางจักต้องแก้แค้น แก้แค้นผู้ที่ลงคำสาปกับนาง

นางมิรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ลงคำสาปกับนางไว้แต่นางหาใช่คนที่จะรอให้ผู้อื่นมารังแกตนเองไม่

นางจะต้องออกไปแก้ไขปริศนาเหล่านี้ให้จงได้

ท่านเจ้าสำนักได้แต่ถอนหายใจออกมา

ถึงแม้จะรู้ว่านางจะต้องไป แต่ก็ไม่คิดว่านางจะออกเดินทางไวถึงเพียงนี้

ยามที่นางมาอยู่ในสำนักนั้น รวมๆ ดูแล้วหาได้อยู่ถึงครึ่งเดือนไม่

เขาเองก็รู้ดีว่า ถึงแม้ว่านางจะไม่มีความทรงจำของก่อนหน้านั้นหลงเหลืออยู่หากว่านางตัดสินใจเรื่องใดไปแล้วไซร้ ไม่ว่าผู้อื่นจะพูดเช่นไรก็ไร้ประโยชน์

“ก่อนจะจากไปนั้น ให้ข้าได้ลงมือทำอาหารมื้อใหญ่ให้เข้าเสียหน่อยเถอะ เจ้าเองก็คิดเสียว่า สำนักนี้เป็นบ้านของเจ้าแล้วกัน พวกข้าจะคอยต้อนรับการกลับมาของเจ้าเสมอ ”

ท่านเจ้าสำนักกล่าวกับเย่จายซิง

เย่จายซิงเพียงแต่ก้มหน้ารับคำ

ผู้อาวุโสสามจึงหันไปกล่าวกับเย่จายซิงว่า “ข้าจะเร่งให้ศิษย์ภายในสำนักฝึกตนให้ดี เผื่อจะมีสักวันหนึ่ง ที่พวกข้าจักได้กลายเป็นกองกำลังหลังให้กับเจ้า”

ในคราก่อนนั้น เขาหาได้มีความกล้าจะเอ่ยเช่นนี้ออกมาไม่ เนื่องจากว่าตนเองไม่มีความสามารถมากพอ

หากแต่ในยามนี้แล้ว ต้องขอบคุณโชคของนาง ที่ทำให้สำนักมีชีพจรมังกรขึ้นมาเสียที

ในเมื่อมีคุณสมบัติในการฝึกตนที่ดีเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ทำอะไรเพื่อสำนักเลยละก็ ก็นับว่าไร้ประโยชน์ยิ่งนัก

อีกทั้ง รากทิพย์ในตัวเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย ต่างก็ได้รับการซ่อมแซมหมดแล้ว คุณสมบัติในการฝึกตนย่อมดีขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

ในครานี้ สำนักเฉียนคุนได้เปลี่ยนไปแล้ว หาใช่สำนักธรรมดาที่ไร้ชื่อเสียงให้คอยถูกข่มเหงรังแกเช่นเดิมไม่

เย่จายซิงพลันรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก พร้อมทั้งพยักหน้ากล่าวออกมาว่า

“ได้ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานแล้วเช่นกัน สำนักจะเกิดความแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างแน่นอน เกรงว่าอีกไม่นาน พวกเราคงได้พบหน้ากันอีกครั้งเป็นแน่ ข้าได้ยินว่าลูกศิษย์ของแต่ละสำนักจะมีการมาแข่งขันประลองความสามารถกัน หลังจากที่สำนักเกิดความแข็งแกร่งขึ้นมาแล้วนั้นพวกท่านก็ส่งลูกศิษย์ลงไปประลองความสามารถเถิด ให้ผู้คนในใต้หล้าได้เห็นความสามารถของพวกท่าน เช่นนั้นสำนักก็จักได้มีจุดยืนอยู่ในใต้หล้าเสียที”

“ย่อมต่องเป็นเช่นนั้น”

ท่านเจ้าสำนักพูดขึ้น ด้วยท่าทีเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

ชายชรารู้สึกผิดหวังที่ตนเองต้องเดินทางมาไกลเช่นนี้

“ได้”

เย่จายซิงหาได้สนใจความสงสัยของชายชราไม่การที่พวกเขาสงสัยนางย่อมเป็นเรื่องปกติ

“ทว่า ข้าขาดโอสถทิพย์ไปอยู่หลายอย่าง ผู้ใดสามารถไปซื้อโอสถทิพย์มาให้ข้าได้บ้าง”

เย่จายซิงหันไปกล่าวกับผู้คนที่ยืนดูอยู่โดยรอบ

พร้อมกับพูดโอสถทิพย์ที่นางต้องการออกมาไม่กี่อย่าง

ถึงแม้ว่านางจะเตรียมโอสถทิพย์แต่ละอย่างไว้มากมายทว่า โอสถที่ต้องใช้ในการกลั่นโอสถอายุวัฒนะจิ่วหยางนั้นกลับมีไม่ครบ

“ข้าช่วยไปซื้อให้เจ้าได้!”

จู่ ๆ พลันมีคนหนึ่งกระตือรือร้นพูดขึ้นมา

เย่จายซิงมองไปที่เขาในทันที เป็นคุณชายที่นางพบเขาในวันแรก

ในยามนี้ก็เป็นวันที่สามแล้ว เขามักจะมามองนางอยู่ทุกวัน ราวกับว่าเขาเป็นผู้ติดตามของนางคนหนึ่ง

ไม่นานนัก คุณชายผู้นั้นก็พลันนำโอสถทิพย์ที่นางต้องการกลับมาให้ ความรวดเร็วนี้ทำเอาเย่จายซิงตกตะลึงไปในทันที

ที่แท้บ้านของคุณชายผู้นี้เปิดร้านขายโอสถทิพย์ เมื่อนางต้องการวัตถุดิบกลั่นโอสถชนิดใดเขาจึงสามารถไปนำมาให้นางได้โดยไว

เย่จายซิงพลันหันไปกล่าวขอบคุณเขา จากนั้นก็ยื่นโอสถขั้นห้าไปให้เขาหนึ่งเม็ด

คุณชายที่อยู่ ๆ ก็ได้รับความโปรดปรานโดยไม่คาดฝันเช่นนี้ พลันรับโอสถมาเก็บไว้ราวกับเป็นของขวัญล้ำค้าในทันที

เมื่อผู้คนรอบด้านที่เห็นเช่นนั้น พลันรู้สึกอิจฉาตาร้อนยิ่งนัก หากพวกเขารู้ว่าการวิ่งไปมาอย่างไร้ประโยชน์จะทำให้ได้รับโอสถขั้นห้าเช่นนี้ พวกเขาคงจะตอบรับให้ไวกว่าคุณชายท่านนั้นไปแล้ว

พลาดแล้ว พลาดผลประโยชน์ครั้งใหญ่ไปเสียแล้ว!

เย่จายซิงจึงกลับมาตั้งหน้าตั้งตากลั่นโอสถต่อไป

เมื่อเห็นนางเริ่มเตรียมตัวกลั่นโอสถแล้วนั้น สายตาของชายชราหรี่ลงเล็กน้อย ความคิดที่มีต่อนางอยู่ภายในใจจึงค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทันที

ดูเหมือนว่าเขาจะดูถูกนางไปเสียแล้ว

ทว่า การจะกลั่นโอสถขั้นเจ็ดให้สำเร็จได้นั้น คุณภาพของโอสถมักจะต่ำกว่ามาตรฐาน หากนางกลั่นโอสถขั้นเจ็ดในครั้งแรกเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดความล้มเหลวก็เป็นได้ หรือบางทีนางอาจจะต้องกลั่นโอสถถึงสามสี่หม้อ ถึงจะได้คุณภาพของโอสถขั้นเจ็ดออกมาได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา