ดังนั้นทุกคนจึงพากันจับตามองการกลั่นโอสถของเย่จายซิงด้วยความตั้งอกตั้งใจ
ไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น พวกเขาสงสัยมาโดยตลอดว่าเย่จายซิงเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดจริง ๆ หรือไม่
นามของเย่จายซิง โด่งดังขึ้นจากเมืองยวี่หลัว ผู้คนล้วนรับรู้โดยทั่วกันว่า มีปรมาจารย์กลั่นยาที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศได้ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ ไม่เพียงแต่นางจะมีรูปโฉมที่งดงามแล้วนั้น แต่ยังเป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีผู้ใดหาญกล้าเทียบเคียงนางได้
ขอเพียงแค่นางสามารถกลั่นโอสถขั้นเจ็ดในวันนี้ได้สำเร็จแล้วนั้น นั่นเป็นการพิสูจน์ความสามารถของนางว่าเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดโดยแท้จริง
ทั้งยังเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุน้อยมากที่สุดในแผ่นดินหลิงเซียวอีกด้วย!
การกลั่นโอสถขั้นเจ็ดนับว่าใช้เวลานานเป็นอย่างมาก ทว่า สำหรับเย่จายซิงแล้วนั้น ใช้เวลาน้อยกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว
แม้จะเป็นเพียงการกลั่นวัตถุดิบทำโอสถ นางก็ยังใช้เวลาน้อยกว่าปรมาจารย์ท่านอื่นยิ่งนัก
ผู้คนที่ยืนอยู่รอบด้านพลันปากต่อปากเรียกเพื่อนฝูงมาดูความตื่นตาตื่นใจนี้ในทันที มาถึงได้ไม่นานนัก เย่จายซิงก็พลันกลั่นโอสถไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปได้หนึ่งชั่วยามกว่า ก็พลันได้กลิ่นโอสถโชคออกมาจากเตากลั่นโอสถในทันที
ทันใด ทั่วฟ้าพลันปรากฏเมฆหมอกสีดำลอยมา พร้อมด้วยเสียงฟ้าร้องที่โหมกระหน่ำ
“ทัณฑ์โอสถมาแล้ว!”
“แม่เจ้า! ไวยิ่งนัก!”
“มิใช่ว่า การกลั่นโอสถขั้นเจ็ดจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเต็มเลยหรือ?”
“รีบหนีเร็ว!ระวังทัณฑ์โอสถจ่าผ่าลงหัวของเจ้า!”
ทุกคนพลันกุลีกุจอหลบไปด้านข้าง ทัณฑ์โอสถของโอสถขั้นเจ็ดนั้น หากใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ อันตรายไม่แพ้กับทัณฑ์อสุนีบาตของการเลื่อนขั้นแดนแดนราชาทิพย์เลย
เย่จายซิงขมวดคิ้วลงไปด้วยความสงสัย
เตากลั่นโอสถหม้อนี้ นับว่าเป็นของที่แพงมากที่สุดในเมืองยวี่หลัวแล้ว ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่นางใช้มันในการฝึกกลั่นโอสถได้เพียงแค่สามวัน มันก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว
ทว่า การกลั่นโอสถขั้นหกในไม่กี่ครั้งที่ผ่านมานั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ทัณฑ์โอสถออกมาเช่นกัน เนื่องด้วยคุณภาพของเตากลั่นโอสถที่มิได้ดีมากนัก แต่นางก็มิมีทางเลือกอื่นใดอีก
ดูเหมือนว่านางจักต้องเปลี่ยนเตากลั่นโอสถใหม่เสียแล้ว
เมื่อผู้คนเห็นเตากลั่นโอสถที่ค่อย ๆ เกิดรอยร้าวขึ้นมานั้น ภายในใจของแต่ละคนบังเกิดความกังวลใจขึ้นมาไม่น้อย
หากว่าเตากลั่นโอสถเกิดถูกทัณฑ์โอสถฟาดแตกออกมาเป็นสองซีกนั้น โอสถที่อยู่ด้านใน ย่อมไร้ค่าไปในทันที
นั่นนับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก
เย่จายซิงเพียงแค่ขมวดคิ้วเป็นปม ทว่าไม่นานสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติตามเดิม นางจึงใช้เพลิงพิลึกในการแบ่งแยกไฟออกมาเป็นเส้น ๆ เพื่อหลอมเตากลั่นโอสถที่เกิดรอยร้าวขึ้นมาให้ประกบกันตามเดิม
เมื่อทุกคนเห็นว่าเย่จายซิงลงมือแก้ปัญหาเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆ กัน
พวกเขาไม่คิดเลยว่า จะมีคนที่สามารถควบคุมเพลิงพิลึกได้ถึงขั้นนี้อีกด้วย!
หากรู้ว่า เย่จายซิงใช้มืออีกข้างหนี่งในการควบคุมอุณหภูมิความร้อนภายในเตากลั่นโอสถ และอีกมือหนึ่งในควบคุมเพลิงพิลึกนั้นทั้งยังสามารถแยกเพลิงพิลึกออกเป็นเส้นๆ ถี่เสียยิ่งกว่าเส้นบะหมี่เสียอีกด้วย
แม้แต่ราชาโอสถที่มีนามราชาโอสถป๋ายหลี่ เกรงว่าเขาก็ยังคงไม่มีทักษะการควบคุมไฟที่ละเอียดอ่อนได้เท่ากับนางเป็นแน่
ในที่สุดทัณฑ์โอสถที่น่าหวาดกลัวก็ได้จบลง!
เตาหลอมโอสถมิได้แตกออกมา กลิ่นความเข้มข้นของโอสถที่อยู่ด้านในพลันลอยคละคลุ้งออกมาในทันที
“สำเร็จอีกแล้ว ! นางทำสำเร็จอีกแล้ว!”
“ช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นกำลังมาถึงแล้ว!”
ทุกคนพลันชะเง้อคอเข้ามามองดูในทันที
ไม่นานนัก เตาหลอมโอสถก็พลันส่งเสียงดังออกมา เย่จายซิงทำขั้นตอนสุดท้ายสำเร็จแล้ว จากนั้นนางจึงเปิดฝาเตากลั่นโอสถออกมาในทันที
โอสถเม็ดสีม่วงพลันเปล่งแสงเป็นประกาย ราวกับอัญมณีสีม่วงสดใสอยู่ภายในเตากลั่นโอสถ
สีม่วง เป็นสีเฉพาะของโอสถขั้นเจ็ด
วินาทีนั้น ไม่มีผู้ใดกังหากับความสามารถของเย่จายซิงที่เป็นถึงอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดอีกต่อไป
ทุกคนล้วนแต่มองไปที่เย่จายซิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพมากมาย
อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุน้อยเช่นนี้ เกรงว่าใต้หล้าจะมีเพียงนาง!
“อัจฉริยะ! นางเก่งกาจเกินไปแล้ว!”
“ภาพนี้ราวกับข้ากำลังฝันไป การได้มาเห็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดกลั่นโอสถให้ดูอยู่ตรงหน้า ข้าก็สามารถเอาไปโอ้อวดได้ตลอดชีวิตแล้ว!”
“อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดที่อายุยังไม่ครบยี่สิบหนาว หากข่าวลือแพร่ออกไป เกรงว่าผู้คนที่ได้ยินย่อมอ้าปากค้างอย่างแน่นอน!”
ทว่า มังกรกลับเข้าสู่มหาสมุทรฉันใด วิหคย่อมบินสูงขึ้นฟ้าฉันนั้น เมืองยวี่หลัวเล็กๆ เช่นนี้ ย่อมมไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งเช่นนาง การจากไปของนางก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกอันใด
เย่จายซิงจังเดินตามคุณชายผู้นั้นไปที่ร้านขายโอสถของเขา พร้อมทั้งขายโอสถที่นางกลั่นออกมาได้ในสามวันนั้น ให้กับเขาในราคาถูกๆ
ทว่า พวกเขาไม่อาจซื้อโอสถขั้นเจ็ดในปริมาณมาก ๆ เอาไว้ได้ เนื่องด้วยราคาที่แพงจนเกินไป พวกเขาเองก็ไม่อาจใช้จ่ายหินทิพย์ไปในปริมาณที่มากๆ ได้เช่นกันท้ายที่สุดพวกเขาจึงซื้อได้เพียงแค่สองเม็ดเท่านั้น
เย่จายซิงจึงให้ราคากับพวกเขา ถูกกว่าที่ขายกับผู้อื่นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อเพียงพอที่จะให้พวกเขาทำการค้าขายต่อไปได้
เมื่อได้หินทิพย์มาแล้วนั้น นางจึงไปหาโจวหรงเพื่อพบสองศิษย์พี่น้องฉียวี่เจียและกัวเจียง
ทั้งสองคนจ้องมองนางด้วยแววตาอาฆาตแค้น เพียงแค่มองมาที่เย่จายซิง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่อยากจะกินนางเข้าไปทั้งตัว
เย่จายซิงหาได้คิดสนใจพวกเขาไม่ เพียงแค่พูดกับโจว หรงไม่กี่คำแล้วจึงกลับสำนักไป
“เย่จายซิงกลับมาแล้ว ท่านเจ้าสำนักให้ข้ามารอรับเจ้าที่นี่! ท่านเจ้าสำนักยุ่งวุ่นวายไปทั้งวัน เพื่อทำอาหารมื้อใหญ่ให้กับเจ้า”
ที่ตีนเขานั้น เย่เส้าได้ออกมายืนรอรับนางนานแล้ว
การจากลาอย่างไรก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอยู่เสมอ เย่เส้าจึงพยายามที่จะไม่พูดเรื่องนี่ขึ้นมา หากแต่หันกลับมาเล่าเรื่องราวพัฒนาการของศิษย์แต่ละคนแทน
“ในคราวหน้า หากเจ้ากลับมา ลูกศิษย์ในสำนักก็คงโดดเด่นกันมากขึ้นแล้ว เจ้าจะต้องกลับมาหาพวกเราบ่อย ๆ รู้หรือไม่”
“ข้าจะพยายาม”
เย่จายซิงก้มหน้าเม้มริมฝีปากเอาไว้ สำหรับนางแล้วสำนักเฉียนคุนเสมือนกับครอบครัวขนาดใหญ่ของนาง ทำให้นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่พวกเขามอบให้
เมื่อเย่จายซิงขึ้นมาบนเขากับเย่เส้าแล้วนั้น ทุกคนก็นั่งรอนางอยู่พอดี ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
“รีบมา รีบมานั่งเร็วกลั่นFอสถทั้งวันคงจะเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ เจ้าต้องหิวแล้วแน่ๆ รีบหาอะไรกินรองทองก่อนเร็ว”
ท่านเจ้าสำนักรีบตักข้าวถ้วยใหญ่ให้นางด้วยตนเอง
“ท่านเจ้าสำนัก ข้าตักเองก็ได้เจ้าค่ะ ข้าจะไปกล้าให้ท่านทำให้ได้อย่างไร”
นางยังพูดมิทันจบ ก็ถูกผู้อาวุโสสามจับมานั่งลงบนเก้าอี้แล้ว
“วันนี้เจ้าเป็นตัวเอกของงาน ต้องขอบคุณบารมีของเจ้า ทำให้พวกเขาได้ลิ้มลองฝีมือของท่านเจ้าสำนักแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา
มาอ่านเรื่องนี้ต่อค่ะ หวังว่าจะลงเนื้อหาจนจบ...
115จนถึงถึง159ไม่มีเลยค่ะลงต่อให้ครบได้มั้ยค่ะ😂...
ตอนที่ 115-159 หายไปค่ะ อ่านต่อไม่ได้อ่ะค่ะ...
115-159หายไปไหนอ่าคะ...
อัพวันละหลายๆตอนได้มั้ยค่ะ ขอบคุณค่ะ...