บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 347

สำหรับลูก ๆ นั้น ทำให้เย่จายซิงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

หากแต่ภายในใจลึกๆ ของนาง หาได้มีความรู้สึกต่อต้านพวกเขาไม่ อีกทั้งยังรอคvยพวกเขาอย่างเต็มไปด้วยความหวัง

นางรู้ดีว่า บิดาของพวกเด็ก ๆ จักต้องเป็นคนที่นางชอบอย่างแน่นอน

นางรู้สึกสงสัยยิ่งนัก ว่าบุรุษที่นางเคยชมชอบนั้นจะมีลักษณะนิสัยเป็นเช่นไร ทั้งนี้ทั้งนั้น ลูก ๆ ของนางย่อมไม่ไร้บิดาเคียงข้างพวกเขาไปได้

บางที บุรุษผู้นั้น ก็คงจะตามหานางอยู่เช่นกัน

นางไม่อาจหลบอยู่แต่ภายในเมืองยวี่หลัวได้อีก

“เจ้าที่เป็นสตรีเพียงคนเดียวไปใช้ชีวิตด้านนอกมีแต่อันตรายยิ่งนัก ในเมื่อเจ้ายืนกร่านที่จะออกไป เช่นนั้นก็นำคนคุ้มกันติดตัวไปสักสองสามคนเถิด”

ท่านเจ้าสำนักพูดคุยกับนาง

แม้ว่าเย่จายซิงจะมีได้เอ่ยปากปฏิเสธออกไป หากแต่ภายในใจของนางกลับคิดวางแผนให้กับตนเองเองหมดแล้ว หลังจากที่ทุกคนกินดื่มมื้ออาหารในคืนนี้กันอย่างสุขสันต์แล้วนั้น

เช้าวันที่สอง พระอาทิตย์ยังมิทันส่องขึ้นฟ้า เย่จายซิงก็ได้ออกเดินทางไปจากสำนักเรียบร้อยแล้ว

นางหาได้ปลุกผู้คนไม่ ทั้งยังไม่ได้พกเหล่าผู้คุ้มกันได้ให้ติดตามตัวไปด้วยอีก

สำนักเฉียนคุนในยามนี้มีชีพจรมังกรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ก็ต้องมีผู้คุ้มกันไว้คอยปกป้องสำนักและเหล่าลูกศิษย์เอาไว้

หลังจากที่เย่จายซิงลงจากเขามาได้ไม่นาน นางก็ได้ให้โจวหรงกลับไปที่สำนัก หลังจากนั้นก็ให้ฉียวี่เจียและกัวเจียงกินโอสถพิษที่นางกลั่นออกมาเมื่อคืนเข้าไป

“เจ้าให้พวกข้ากินอันใดไป!”

ฉียวี่เจียรีบร้อนตะโกนออกมาเสียฉากใหญ่

“โอสถพิษสาปวิญญาณ ”

เย่จายซิงยึดสิ่งของของพวกเขาออกมาจนหมด หลังจากนั้นจึงค่อยใช้เชือกมัดเซียนมัดพวกเขาเอาไว้

เมื่อทั้งสองคนได้ยนคำว่า “โอสถพิษสาปวิญญาณ ”นั้น สีหน้าพลันซีดเผือดไปในทันที

โอสถพิษสาปวิญญาณเป็นโอสถพิษขั้นหก ผู้ใดที่โดนเข้าไปสภาพจิตใจจักต้องถูกทรมานไปด้วยความเจ็บปวดมากมาย เสมือนกับวิญญาณได้ถูกคนทุบตีอยู่ตลอดเวลา

ทั้งยังต้องการชีวิตคนอีกด้วย ถ้าหากมิได้รับยาถอนพิษทุกวันละก็ เลือกจะทะลักออกมาทั่วร่าง

“เจ้ามันชั่วร้ายยิ่งนัก! พวกข้าหาได้เคยมีบุญคุณความแค้นกับเจ้าไม่ เหตุใดเจ้าต้องให้พวกข้ากินโอสถสาปวิญญาณเข้าไปด้วย !”

ฉียวี่เจียได้แต่กัดฟันไปด้วยความกรุ่นโกรธ สีหน้าของนางบิดเบี้ยวไปด้วยความน่าเกลียดยิ่งนัก

กัวเจียงเองก็กล่าวออกมาด้วยความโหดเหี้ยมเช่นกัน“เจ้าอายุเพียงเท่านี้ กลับลงมือด้วยความโหดร้ายยิ่งนัก ข้าจะบอกเจ้าเอาไว้รีบรามือเสียตั้งแต่ตอนนี้ และมอบยาถอนพิษให้พวกข้าเสีย! มิเช่นนั้น อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้ผลของการกักขังลูกศิษย์ของสำนักเสวียนปิงเอาไว้ว่ามันน่าหดหู่เพียงใด!”

สิ่งของที่อยู่ทั่วตัวของพวกเขาถูกนางค้นเอาไปหมดแล้ว ทั้งยังมีหนทางในการส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือกลับไปยังสำนักและขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ได้อีกด้วย อีกทั้งยังมีโอสถสาปวิญญาณที่คอยควบคุมอารมณ์จิตใจของเขาเอาไว้อีก พวกเขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเสียด้วยซ้ำ!

ในสายตาของพวกเขา ในยามนี้พวกเขาคล้ายกับปลาที่ถูกเขียงอยู่ยิ่งนัก!

ทั้งสองคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกทั้งยังโกรธแค้นเย่จายซิงไปในคราวเดียวกัน อยากจะจับนางกินเข้าไปให้หมดทั้งตัว

“หนวกหูเสียจริง”

เย่จายซิงขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย พลางหยิบโอสถออกมาสองเม็ด พร้อมกับดีดเข้าไปในปากของพวกเขาในทันที

ทั้งสองคนจึงไม่อาจส่งเสียงอันใดออกมาได้

สีหน้าของพวกเขายิ่งทวีคูณความน่าหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก แต่เย่จายซิงหาได้รู้สึกกลัวพวกเขาไม่ ทั้งยังให้พวกเขากินโอสถกั้นเสียงเข้าไปโดยสีหน้าไม่เปลี่ยนสีอีกด้วย นางต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังน่ากลัวมากเพียงใดกัน!

เย่จายซิงจึงไม่คิดสนใจพวกเขาอีกต่อไป ถ้าหากมิใช่ว่าการตายของพวกเขาจะนำพาความเดือดร้อนมาให้กับสำนักเฉียนคุนนั้น นางคงลงมือปลิดชีพพวกเขาไปนานแล้ว

อะไรคือไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน ทั้งสองคนพูดออกมาได้โลกสวยยิ่งนัก ยามที่นางพบกับฉียวี่เจียในคราแรก ฝ่ายตรงข้ามก้แผ่ไอสังหารใส่นางแล้ว

หากนางเป็นคนธรรมดาแล้วไซร้ ไม่รู้ว่าในยามนี้นางคงตกตายไปแล้วกี่รอบกันแน่

ทั้งสองคนยังไม่อาจตายตอนนี้ได้ เนื่องจากว่าอาจารย์ของพวกเขาคือผู้อาวุโสสี่แห่งสำนักเสวียนปิง เหล่าซือจางสั่งให้พวกเขามาเมืองยวี่หลัวก็เพื่อที่มาช่วยล้างแค้นให้กับเหล่าจูจางเป็นแน่ หากพวกเขาต้องมาตายอยู่ที่เมืองยวี่หลัวแล้วไซร้ นั่นอาจจะดึงดูดให้กับอาจารย์ของพวกเขามาที่เองยวี่หลัวก็เป็นได้

เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ชีพจรมังกรก็ไม่อาจรักษาตัวรอดไปได้ เหล่าลูกศิษย์ภายในสำนักยังต้องมาล้มตายไปมากมายอีก

ดังนั้น นางจะต้องพาพวกเขาหนีห่างจากพวกสำนักเสวียนปิง เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการดึงดูดอันตรายที่จะมาถึง

เมื่อถึงเวลานั้น นางคงมอบนาถอนพิษให้พวกเขาด้วยความเชื่อฟังเป็นแน่

เย่จายซิงหาได้มองสีหน้าของพวกเขาไม่ พร้อมกับเก็บแผ่นที่เข้าตัว แล้วจึงเดินเปิดประตูออกนอกโรงเตี๊ยมไปในทันที

“ตามข้ามา ข้าไปเช่าเที่ยวบินเคลื่อนจิตวิญญาณ หลังจากนั้นก็ไปเมืองเซียวเหยาเพื่อนั่งค่ายวาร์ป”

เนื่องจากเมืองยวี่หลัวไม่มีค่ายวาร์ป ค่ายวาร์ปที่อยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด ก็คือเมืองเซียวเหยาที่เป็นจุดศูนย์กลางของหนานโจว

หลังจากที่เย่จายซิงออกเดินทางไปจากเมืองยวี่หลัวแล้วนั้น ซินเซียนที่ทำหน้าที่ส่งอาหารในสำนักเฉียนคุนก็ได้พบว่าเย่จายซิงได้ออกจากสำนักเฉียนคุนไปนานหลายชั่วยามแล้ว

ภายในห้องหาได้มีฝุ่นเกาะไม่ บนโต๊ะกลับมีถุงมิติวางอยู่สองใบ

“นางยังทิ้งหินทิพย์และโอสถไว้มากมายเพียงนี้เชียวหรือ!”

หลังจากที่ท่านเจ้าสำนักเห็นของในถุงมิติแล้วนั้น ภายในใจก็รู้สึกฟุ้งซ่านขึ้นมา

เขาไม่คิดเลยว่า เย่จายซิงจะทิ้งของเอาไว้มากมายเช่นนี้ ทั้งหินทิพย์แสงที่มีมากมายเป็นแสนก้อน ทั้งยังมีโอสถที่ทิ้งให้เหล่าลูกศิษย์ได้ใช้ในการฝึกตนมากมายอีกด้วย

ผ่านไปครู่หนึ่ง ท่านเจ้าสำนักจึงเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า

“ออกคำสั่งลงไปว่า ให้เหล่าบรรดาศิษย์ทุกคนขยันขันแข็งในการฝึกตน ห้ามออกไปเที่ยวเล่นที่ใดเป็นอันขาด ไม่ช้าเร็วพวกจักต้องเป็นกองกำลังให้กับนางให้ได้!”

หลังจากที่เย่จายซิงมาถึงเมืองเซียวเหยาแล้วนั้น ก็หาได้หยุดพักนานไม่ นางเพียงหาซื้อวัตถุดิบทำโอสถและอาหารแห้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พร้อมกับเร่งเดินทางต่อ

แต่เดิมนางอยากจะหาซื้อเตากลั่นโอสถสักใบ ทว่า เมื่อเดินดูมาหลายร้านแล้ว กลับไม่มีใบไหนถูกใจนางสักร้าน ดังนั้นนางจึงตั้งใจเดินทางไปยังเมืองที่ใหญ่กว่านี้เผื่อว่าจะมีเตากลั่นโอสถใบใดที่เหมาะสมกับนาง

การเคลื่อนย้ายของค่ายวาร์ปใช้เวลารวดเร็วยิ่งนัก ใช่เวลาเพียงแค่จิบน้ำชาเดียวก็เดินทางมาถึงเมืองถัดไปในทันที เย่จายซิงมิได้เดินเที่ยวเล่นมากนัก แต่กลับเปลี่ยนการเดินทางค่ายวาร์ปไปเรื่อย ๆ หลังจากที่เคลื่อนที่ผ่านค่ายวาร์ปมาแล้วสี่สถานี พวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองไป๋เยว่

เนื่องจากว่า นางในเวลานี้ได้ออกจากขอบเขตของหนานโจวมาแล้วในยามนี้นางกำลังอยู่ภายใต้เขตอำนาจเหลยโจวแทน

เหลยโจวมีความเจริญรุ่งเรืองมากกว่าหนานโจวมากนัก

เมืองไป๋เยว่เอง ก็เป็นหนึ่งในอาณาเขตของเหลยโจวเช่นกัน ทว่า ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนี้ มีมากกว่าเมืองเซียวเหยาไปหลายเท่า

ฉียวี่เจียกับกัวเจียงเอง ก็นับว่าทำตัว “นิ่งเงียบ”ยิ่งนัก พวกเขามิได้สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับเย่จายซิงเลยแม้แต่น้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา