บัลลังก์ชายาหมอเทวดา นิยาย บท 355

“พวกเจ้าตั้งใจหยุดอยู่ที่สถานที่เล็กๆเช่นเมืองเสวียนหยวนแบบนี้หนึ่งวัน ก็เพื่อดูนาง?”

ในลานกว้างของการแข่งขันกลั่นยาผู้คนมืดฟ้ามัวดิน ลู่ซวงอิงหันไปกล่าวอย่างเยาะหยันต่อลู่ซวงเจ๋อและป๋ายหลี่ฮ่าว

ตั้งแต่เช้าตรู่นางก็พบว่าทั้งสองคนออกจากโรงเตี๊ยมอย่างลับๆล่อๆ นางแอบสะกดรอยตามมา หลังจากเห็นร่างของเย่จายซิงปรากฏตัวขึ้นบนเวทีกลั่นยา จึงเข้าใจขึ้นมาในทันที

แท้ที่จริงแล้วทั้งคนยังไม่ตัดใจจากนางจิ้งจอกเจ้าเสน่ห์ผู้นี้!

“ซวงอิง เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล พวกข้ามาก็เพื่อดูการแข่งขันกลั่นยา เจ้าเองก็รู้ ช่วงนี้ตระกูลป๋ายหลี่กำลังรับสมัครอาจารย์กลั่นยา ถ้าหากว่าที่เมืองเสวียนหยวนมีอาจารย์กลั่นยาที่โดดเด่น ข้าก็สามารถพากลับไปที่ตระกูลได้”

ป๋ายหลี่ฮ่าวเสแสร้งอธิบายอย่างจริงจังต่อลู่ซวงอิง

สิ่งที่เขาพูดไม่ได้หลอกลวง ตระกูลป๋ายหลี่คือตระกูลขุนนางกลั่นยา แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้มีอาจารย์กลั่นยาที่มีพรสวรรค์ในชนรุ่นหลังของตระกูลเพียงไม่กี่คน ไร้ผู้สืบทอด ฉะนั้นตระกูลทำได้แค่เพียงอบรมเลี้ยงดูอาจารย์กลั่นยานอกสกุลจำนวนหนึ่งเพื่อไว้ใช้ประโยชน์ ลงนามในสัญญาขายตัวประเภทนี้

บัดนี้ตระกูลได้ลงนามกับอาจารย์กลั่นยาที่มีพรสวรรค์จำนวนไม่น้อย

ลู่ซวงอิงกล่าวอย่างระแวง: “พวกท่านไม่ได้ตั้งใจมาดูหญิงสาวผู้นนี้โดยเฉพาะหรอกหรือ?”

“ไม่ใช่จริงๆ เจ้าคิดมากไปแล้ว ก่อนหน้านี้พวกข้าจะไม่รู้เลยสักนิดว่านางก็เป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นสูง เจ้าลองคิดดู นางอายุน้อยขนาดนั้น ผู้ใดจะไปคิดได้ว่านางเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นสูงกันนะ?”

ลู่ซวงเจ๋อปลอบโยนน้องสาวของตนเอง

เป้าหมายของเขาและป๋ายหลี่ฮ่าวก็คือเพียงแค่เพื่อมาเที่ยวเล่นดูหญิงสาวที่ตนเองชอบพอ ไม่ได้จะพากลับตระกูลไปพบท่านพ่อท่านแม่เสียหน่อย เรื่องแบบนี้ ย่อมจะให้ลู่ซวงอิงล่วงรู้ไม่ได้

“ฮึ่! ให้อภัยที่พวกท่านไม่ได้มีความคิดที่เน่าเฟะแบบนี้! ท่านพี่ฮ้าว ท่านอย่าลืมเสียล่ะ พวกเราใกล้จะแต่งงานกันแล้ว ถ้าหากท่านหว่านเสน่ห์ไปทั่วตอนอยู่ข้างนอกอีก ข้าก็จะไม่แต่งกับท่านแล้ว!”

ลู่ซวงอิงเอ่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง

ป๋ายหลี่ฮ่าวยิ้มเข้าสู้กับนาง: “วางใจวางใจ ภายในใจของข้ามีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อไปก็เพียงแค่ต้องการเฝ้าดูเจ้าใช้ชีวิตเท่านั้น จะไม่ไปมีความพัวพันใดกับหญิงสาวคนอื่นอย่างแน่นอน!”

อย่างที่บอก แต่ถ้าหากนางไม่ใช่บุตรีภรรยาหลวงของสกุลลู่ จะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางแต่งงานกับหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาธรรมดาๆแบบนี้ หากไม่ใช่เป็นเพราะว่าสามารถนำพาผลประโยชน์มาให้แก่ตระกูล

ขอให้ได้หญิงที่ถูกตาต้องใจถึงตายก็ถือว่าคุ้มค่า ให้เขาไม่ไปยั่วเย้าหญิงสาวงามคนอื่นๆ นั่นมันเป็นไปไม่ได้

ลู่ซวงอิงกลับไม่ได้ล่วงรู้ความคิดภายในใจของเขา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็เขินอายจนหน้าแดง กล่าวพึมพำ: “นี่ยังถือว่าพอใช้ได้!”

พูดจบ นางก็ชี้นิ้วไปยังเย่จายซิงที่อยู่บนเวที กล่าวดูถูก:

“ข้าเดาว่านางคงจะใช้วิธีการอะไรบางอย่างถึงได้ป้ายคำสั่งเข้าร่วมการแข่งขันมา อีกประเดี๋ยวนางจะต้องขายหน้าเป็นแน่ รอดูก็จะรู้แล้ว”

เมื่อวานเย่จายซิงด่านางว่าเป็นสุนัขป่า นางยังจำได้อย่างชัดเจน ถึงแม้วันนี้ได้เห็นหญิงสาวผู้นี้อีก เช่นนางจะต้องคิดหาวิธีทำให้นางตายให้ได้

นี่ถึงจะสอดคล้องกับอุปนิสัยที่แม้แต่ความแค้นที่น้อยที่สุดก็ยังต้องแก้แค้นของนางตระกูลลู่

“ถูกต้อง ไม่ดูกำลังความสามารถของตนมากเกินไปแล้ว”

ลู่ซวงเจ๋อกล่าวอย่างคล้อยตาม

แต่ทันทีที่นึกถึงอีกประเดี๋ยวใบหน้าของคนงามจะเต็มไปด้วยความอับอายและขุ่นเคือง จนกระทั่งอัปยศอดสูจนน้ำตาร่วง ก็ทำให้คนปากแห้งผากยิ่งนัก

เขาและป๋ายหลี่ฮ่าวก็นับว่าเคยเห็นความสวยงามบนโลกมนุษย์มามากมายนับไม่ถ้วน หญิงสาวประเภทใดล้วนมีหมด มีเพียงแค่คนนี้เท่านั้น ที่ทำให้ผู้คนยากที่จะลืมเลือนจริงๆ

มีเพียงแค่นำคนมาอยู่ในมือ เล่นจนพอใจ ถึงสามารถทำให้ความคันของก้นบึ้งหัวใจหายไป

ผู้ที่มาถึงสนามด้วยแล้วเช่นเดียวกัน ยังมีนายน้อยหนานกงจิ่นของตระกูลหนานกง

แต่ว่าเขากำลังนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชาที่อยู่ด้านข้าง ไม่เหมือนกันกับเสียงที่ไม่น่าดูด้านล่าง เขาเต็มไปด้วยความเฝ้ารอคอย คิดว่าเย่จายซิงเป็นผู้ที่สุขุมใจเย็น ก็เหมือนกับอุปนิสัยที่เงียบขรึมเช่นนั้นของนางเมื่อวานนี้ ไม่มีทางทำเรื่องพูดเอาใจมวลชน พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าออกมาอย่างแน่นอน

ก็เหมือนกันกับตอนนี้ สายตาของนางช่างสงบเงียบยิ่งนัก สำหรับสายตาและเสียงบริเวณรอบๆแล้ว แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินทั้งหมด

นางยื่นอยู่ตรงกลางสนาม เอามือไพล่หลังยืนตัวตรง สันหลังตั้งตรงแน่ว เส้นผมสีดำราวกับน้ำหมึกสยายลงมา เครื่องหน้าละเอียดสวยงาม ผิวพรรณขาวสะอาดหมดจดเปล่งประกายพร่างพราวราวกับแสงอาทิตย์ยามฟ้าสาง หาที่เปรียบมิได้

“เจ้านครเสวียนหยวนมาแล้ว!”

“วันนี้เจ้าภาพของการแข่งขันกลั่นยา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นนายท่านท่านเจ้านคร!”

บุรุษวัยกลางคนที่จริงจังคนหนึ่งเดินเข้ามาบนสนามแข่งขัน

ทันทีที่เขาเดินขึ้นไป ก็หันมองไปทางเย่จายซิงหลายต่อหลายครั้ง

ท่ามกลางกลุ่มชายชราที่มีหนวดเคราขาวโพลน มีหญิงสาวที่งดงามดั่งดอกไม้และหยกคนหนึ่ง เป็นไปได้ยากที่จะทำให้คนไม่สังเกตเห็น

เขาหวังว่าเขาไม่ได้มองผิด และก็หวังว่าเย่จายซิงจะมีความสามารถของอาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดอย่างแท้จริง

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริง เย่จายซิงจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้ตนเองในสนามแข่งขันวันนี้ และเมืองเสวียนหยวน ก็จะถูกผู้คนรู้จักคุ้นเคยเพราะนาง

“ขอบคุณท่านเจ้านครมาก”

เย่จายซิงพยักหน้า ถึงแม้เจ้านครจะไม่ให้กำลังใจ นางก็จะแสดงการแข่งขันสนามนี้ออกมาอย่างตั้งใจ รวมถึงทุกสนามการแข่งขันหลังจากนี้

หัวข้อการแข่งขันครั้งนี้คือภายในหนึ่งวัน จะต้องกลั่นโอสถออกมาสามชนิด

สูตรยาและวัตถุดิบสมุนไพร จะอยู่ที่ด้านข้างของอาจารย์กลั่นยาทุกท่าน

หลังจากเย่จายซิงหยิบเตากลั่นยาออกมาแล้วถึงหยิบสูตรยาขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด โอสถสามชนิดนี้ มีชนิดหนึ่งเป็นโอสถขั้นเจ็ด อีกสองชนิดเป็นโอสถขั้นหก ทั้งหมดล้วนเป็นโอสถที่ไม่เป็นที่นิยมที่นางไม่เคยกลั่นมาก่อน

จะต้องกลั่นโอสถสามชนิดออกมาภายในหนึ่งวัน สำหรับอาจารย์กลั่นยาคนอื่นๆ เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด

ทันทีที่กล่าวการแข่งขันเริ่มต้น พวกเขาก็เริ่มต้นกลั่นยาแล้ว

มีเพียงแค่เย่จายซิง ที่ยังกำลังอ่านสูตรยาอยู่

“คงไม่ใช่ว่านางกลั่นยาไม่เป็นหรอกกระมัง?”

“โอสถสองสามชนิดนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าใด แต่ในฐานะอาจารย์กลั่นยาระดับสูงคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เคยกลั่น หมายความได้เพียงแค่ แท้ที่จริงแล้วนางไม่ใช่อาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ด ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แม้แต่ระดับหก!”

ด้านล่างเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง ดวงตาของผู้คนมากมายเต็มไปด้วยความเยาะหยัน

โชคดีที่เมื่อครู่เจ้านครเสวียนหยวนมองนางในแง่ดีเช่นนั้น แค่แรกเริ่ม ก็ล้มเหลวเสียแล้ว

“เฮอะ! ข้ายังนึกว่านางจะเก่งกาจแค่ไหนกัน! ช่างเป็นตัวน่าอับอายขายขี้หน้าจริงๆ!”

ลู่ซวงอิงยิ้มเยาะหยันที่ได้เห็นผู้อื่นประสบกับความวิบัติ

แต่ทว่าในตอนนี้เอง นางเห็นอะไรบางอย่าง รอยยิ้มที่เยาะหยันก็แข็งทื่ออยู่บนใบหน้าในชั่วพริบตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บัลลังก์ชายาหมอเทวดา