บทที่ 47 ความรักของแม่
หลินหยุนได้นำเอกสารที่หนาเตอะวางไว้ด้านข้าง มองไปที่โจวชิงเหอ
“ผมต้องการเห็นคนไข้ก่อนถึงจะรู้”
“ได้ ผมพาคุณไป”
โจวชิงเหอลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก
“ช้าก่อน ผมไปกับพวกคุณด้วย!” จู่หวางหยวนเผยก็ลุกขึ้นมา
“ท่านหวาง ผมก็ไปด้วย!” เชี่ยเจี้ยนโก๋ก็เดินออกมา
“พวกเราก็ไปดูด้วยเถอะ!” ก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ผมก็หงอกแล้วได้ลุกขึ้นมา
โจวชิงเหอมองทุกคนไปแวบหนึ่ง รู้ว่าพวกเขาไม่วางใจ ก็กล่าวขึ้น: “งั้นก็ไปพร้อมกันเลย!”
รอโจวชิงเหอพาหลินหยุนและคนอื่นๆจากไป คนที่เหลืออยู่ก็วิภาษก์วิจารย์ขึ้นมา
“เช้อ ผู้เชี่ยวชาญตั้งมากมายอย่างพวกเรายังดูไม่ออก ผมไม่เชื่อหรอกว่าไอ้หนุ่มน้อยคนนี้จะสามารถดูออก!”
“เห่อๆ แค่แกล้งทำตัวยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง อย่าไปสนใจเลย!”
ผู้คนหัวเราะเยาะหลินหยุนอยู่ด้านหลัง
หลินหยุนเดินตามโจวชิงเหอและพวกมาถึงห้องเฉพาะผู้ป่วย
ผ้าปูเตียงที่ขาวสะอาด ข้างบนนอนอยู่ด้วยผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ไม่มีเลือดเลย ซีดขาวเหมือนผ้าปูเตียง
ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วชรามากแล้ว ดูเฉพาะภายนอกอายุประมาณหกสิบปี
ในห้องผู้ป่วยยังมีชายหนึ่งหญิงสอง ในนั้นผู้ชายเด็กสุด อายุน่าจะประมาณสิบสองสิบสาม หญิงสาวอีกคนจะโตกว่าหน่อย ประมาณสิบหกสิบเจ็ดปี
คนที่อายุเยอะที่สุดก็คือคนที่ใส่กระโปรงยาวสีแดง ใส่แว่นตาดำ ปล่อยผมสยาย เป็นผู้หญิงที่แต่งกายทันสมัย
หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบต้น ผิวพรรณยองใย แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้าตาที่ชัดเจนของหญิงสาว แต่ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่าง ก็เป็นมาตรฐานของคนหน้าตาดี อีกอย่างแวบแรกที่หลินหยุนเห็นเธอ ก็มีความรู้สึกที่คุ้นเคย
“คุณหมอคะ แม่ของดิฉันเป็นยังไงบ้าง?” เห็นหมอมากันเป็นโขยง หญิงสาวที่ใส่แว่นตาดำเอาไว้ก็รีบถามอย่างร้อนใจ
“อย่าเพิ่งใจร้อน ผมได้เชิญหมอเทพหลินมา ให้เขาดูก่อน โจวชิงเหอพูดจบ ก็มองไปที่หลินหยุนแล้วกล่าว คนไข้อ่อนแออย่างมาก อาศัยสารละลายธาตุอาหารในการรักษามาโดยตลอด คุณมาดูหน่อยเถอะ!”
หญิงสองชายหนึ่งใสห้อง มองหลินหยุนอย่างแปลกๆ ใบหน้าแสดงความด้วยความสงสัย
“อายุน้อยขนาดนี้ เป็นหมอเทพ?”
หวางหยวนเผยและคนอื่นๆหลีกทางให้หลินหยุน
หลินหยุนเดินไปถึงขอบเตียง มอบผู้ป่วยไปแวบหนึ่ง
ครั้งนี้ ต่อให้เป็นหลินหยุนก็ดูไม่ออกอะไร
แต่ว่าเขาอาศัยพลังชี่ทิพย์ของฟ้าดินในการสัมผัส สามารถพบว่าบนร่างกายของผู้ป่วย คายหยินชี่ออกมาโดยตลอด
ตำนานที่เล่าขานในสมัยโบราณ ตั้งแต่เริ่มต้น หยินและหยางถือกำเนิดขึ้น วิวัฒนาการทุกอย่าง
แม้ว่าทุกสิ่งไม่ได้วิวัฒนาการมาจากหยินและหยาง แต่หยินและหยางก็มีอยู่จริง
ในร่างกายมนุษย์ หยินหยางสมดุล จึงจะแข็งแรง หยินหยางไม่สมดุล ก็จะไม่สบาย
หยินชี่ที่แผ่ออกมาจากตัวของผู้ป่วยนั้นอ่อนแออย่างมาก คนธรรมดาไม่อาจที่จะสัมผัสมันได้ ต่อให้เป็นผู้ฝึกบู๊ก็ยังไม่สามารถ มีเพียงแต่ผู้บำเพ็ญเซียนอย่างหลินหยุนถึงจะสัมผัสมันได้
หลินหยุนยื่นมือออกไป ห่างจากร่างกายผู้ป่วยเจ็ดนิ้ว จากนั้นค่อยๆวาดจากหัวลงเท้า
จากนั้น หลินหยุนก็พอรู้อยู่ในใจแล้ว
“นี่คืออาการหยินชี่เข้ากระดูก” หลินหยุนกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญสูงอายุท่านหนึ่งที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะกล่าว: “นายไม่ได้จับชีพจร ไม่ได้ตรวจ แม้กระทั่งร่างกายของผู้ป่วยก็ยังไม่ได้แตะต้อง ก็สรุปอย่างใจร้อนว่าคนไข้เป็นโรคอะไร ช่างเหลวไหลจริงๆ!”
“อาจารย์หม่า อย่าพูดให้มันมั่นใจเกินไปนัก อารยธรรมของชวนจีน กว้างและลึกซึ้ง เนื่องจากมีอยู่จึงต้องมีเหตุผล คุณไม่เชื่อเรื่องสองพลังหยินหยาง ผมเชื่อ!”
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสคนนั้นก็ชี้มาที่โจวชิงเหอทันที กล่าวด้วยความโกรธ: “เหลวไหล คุณเป็นถือผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชน สามารถเชื่อเรื่องแบบนี้? เบื้องบนไม่น่ามอบตำแหน่งที่สำคัญแบบนี้ให้กับคุณเลย!”
“เอาล่ะ เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน!” หวางหยวนเผยกล่าวอย่างรำคาญ
ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสฮึ่มใส่ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ โจวชิงเหอก็ไม่ยอมเหมือนกัน ยังคงเชื่อมั่น
หวางหยวนเผยมองไปที่หลินหยุน แล้วถาม: “นายจะพิสูจน์ยังไง ว่าคนไข้ได้ป่วยเป็นหยินชี่เข้ากระดูกอย่างที่นายพูด?”
หลินหยุนมองไปหญิงสาวที่ใส่แว่นตาดำ แล้วถาม: “บ้านที่ผู้ป่วยพักอาศัยนั้น ไม่มีแดดตลอดทั้งปีใช่มั้ย?”
ใบหน้าที่ขาวนวลของหญิงเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ: “คุณรู้ได้ยังไง?”
ทันใดนั้น ใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏด้วยความเศร้า แล้วกล่าว: “พ่อของฉันเสียชีวิตเร็ว แม่ที่ต้องการจะเลี้ยงดูพวกเราให้เติบใหญ่ จึงใช้ชีวิตเรียบง่าย บ้านที่เช่าเป็นบ้านส่วนตัวในหมู่บ้านในเมือง เพราะรอบด้านเต็มไปด้วยตึกสูง บ้านหลังนั้นตลอดทั้งปีก็จะไม่เห็นแสงอาทิตย์”
แววตาของหวางหยวนเผยก็แสดงถึงความประหลาดใจเช่นกัน หากหลินหยุนและครอบครัวของผู้ป่วยไม่ได้สมรู้ร่วมคิดล่วงหน้า นั่นก็เท่ากับว่าหลินหยุนนั้นก็เป็นคนที่มีวิชาความรู้จริงๆ
ใบหน้าของโจวชิงเหอปรากฏด้วยรอยยิ้ม มองไปที่หลินหยุน สายตาที่มองนั้นเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
แต่ใบหน้าของเชี่ยเจี้ยนโก๋กลับปรากฏด้วยความสงสัย หลินหยุนรู้เรื่องเหล่านี้ได้ยังไง? หรือเขาไปสำรวจล่วงหน้า?
หลินหยุนถามต่อ: “บ้านที่ผู้ป่วยพักอาศัย ในระยะสิบเมตรมีบ่อน้ำใช่หรือไม่?”
ครั้งนี้ ใบหน้าของหญิงสาว ต้องใช้คำว่าตกตะลึงในการเปรียบเทียบ คิดถึงสถานะที่พิเศษของตัวเอง ดวงตาของหญิงสาวยังคงมีความรู้สึกตื่นตัว
“คุณรู้ได้ยังไง? คุณตรวจสอบพวกเราเหรอ?”
ผู้เชี่ยวชาญที่แซ่หม่ารีบตะโกนทันที: “ต่ำช้า เพื่อที่จะทำให้ผู้ป่วยเชื่อคำโกหกของนาย นายถึงกลับคุณบุกรุกความเป็นส่วนตัวของคนไข้!”
ใบหน้าของหลินหยุนเรียบเฉย เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วกล่าว: “บ่อน้ำรวมหยิน บวกกับที่พักอาศัยของคนไข้ตลอดทั้งปีไม่เห็นแสงอาทิตย์ ดังนั้นจึงทำให้หยินชี่ภายในมีมากกว่า หยางชี่จึงอ่อนแอ”
“แต่ว่า ผู้ป่วยอาศัยความเชื่อ จึงได้อดทนมาถึงตอนนี้ ถ้าหากผมเดาไม่ผิด ความเชื่อที่พยุงเธออยู่มาจนถึงตอนนี้ ก็คือความรักของแม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
จบแค่นี้จริงดิ ไม่มั้ง เหมือนคนเขียนโดนตัดจบใน 5 ตอน อะไรกันนี่ อ่านถึงประมาณตอนที่ 1,500-1,600 พอละ หลังจากนั้นเละ ช่วงสุดท้ายนี่มั่วบ้านงานมั่ก ๆ...
1...
1...
1...
1...
นิยายจีนหลายๆหรือเกือบทุกเรื่องจะจบแบบงง..เหมือนคนแต่งจบไม่เป็น..คือเนื้อเรื่องแต่งไปได้เรื่อยๆแต่หาตอนจบไม่เจอคือถ้าจะจบก็จบแบบงง..หนักสุดน่าจะเรื่องฉินหรังละครับ.ฉินหรังไปสถานที่หนึ่งได้ต้นไม้แล้วโดนระเบิดออกมาอีกทีก็1ปีผ่านไป ไปหาแม่แล้วเปลี่ยนชื่อเลยครับ จงหยู่นางเอกต้นเรื่องหายไปเลย ฉินหรังได้กลับนางฟ้า ผมนี้งงเลยคนแต่งน่าจะเมาแฟบนะ...
จบแบบงงๆครับ...