“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”
“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”
ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”
หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”
ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญ
ทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อย
มองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหัก
ถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง
“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”
“ไม่ได้!”
สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอาย
ฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื้อ เจ้าอย่าทำเกินเลยไปนัก ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็เกือบจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน”
“แต่พวกเจ้ากลับดูแคลนข้า”
เจียงเต๋อจื้อถูกจี้ใจดำ เขาเคยสู่ขอบุตรีของฮูหยินผู้เฒ่าซูหวู่อวิ๋น เพียงเพื่อปีนป่ายเกาะกิ่งสูงเฉกเช่นจวนอ๋องนี้ ใครจะรู้ว่าจวนอ๋องกลับปฏิเสธเขาแล้ว!
วันนี้เขามาเพื่อลบล้างความอับอายนี้
เจียงเต๋อจื้อขยับขึ้นไปจับบุตรีคนเล็กของบ้านใหญ่สกุลซูซูหรานหร่าน ต้องการถกชุดกระโปรงของนางลง
“อย่านะ! ท่านพ่อท่านแม่ท่านพี่ช่วยข้าด้วย...”
“ข้าจะสู้ตายกับพวกเจ้า!”
ฝ่ายชายของบ้านใหญ่ยกเก้าอี้ปรี่ถลาเข้าไป แต่กลับถูกทหารหลวงขวางไว้ ทำได้เพียงมองซูหร่านหรานถูกหยามเกียรติตาแดงก่ำ
ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง กู้หว่านเยว่ปรากฏตัวออกมาและยื่นมือออกไป หักข้อมือเจียงเต๋อจื้อโดยตรง
“บัดซบ เจ้าเป็นใครกัน?” หน้าตานับว่างดงามมาก?
“ย่าของเจ้า ชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง!”
กู้หว่านเยว่กำลังแทะน่องไก่หนึ่งชิ้น ท่าทางไม่เรียบร้อย เผยความโอหังอย่างเห็นได้ชัด “เจียงเต๋อจื้อ ฝ่าบาทให้เจ้ายึดทรัพย์ มิได้ให้เจ้าสร้างความอับอายให้ญาติของท่านอ๋อง หากเจ้าอาจหาญฝ่าฝืนราชโองการ ทุกคนในจวนอ๋องเราก็ขอพังพินาศไปพร้อมเจ้า!”
ซูหรานหร่านที่มีคราบน้ำตาเกลื่อนหน้ารีบยกแจกันดอกไม้ ยืนเคียงข้างกู้หว่านเยว่
คนของบ้านอื่น ๆ ก็ยกขึ้นมาด้วย คนของบ้านรองเชื่องช้าอยู่ครู่หนึ่ง มีเพียงครอบครัวของบ้านสี่แสร้งประคองฮูหยินผู้เฒ่า มิได้ลุกขึ้นยืนไปด้วยกัน
แต่นี่ก็เพียงพอให้เจียงเต๋อจื้อสั่นสะท้านแล้ว มองกู้หว่านเยว่อย่างขุ่นเคืองแวบหนึ่ง ระบายโทสะทั้งหมดลงบนตัวผู้อยู่ใต้อาณัติ
“ยังเหม่ออันใดอยู่อีก ไปยึดของให้หมด เหล็กแม้แผ่นเดียวก็อย่าให้เหลือ!”
สกุลซูทำกิจการมานับร้อยปี เงินทองของมีค่าในคลังต้องมีไม่น้อย จะได้อาศัยโอกาสนี้ตักตวงผลประโยชน์ให้ตนเอง
ส่วนกู้หว่านเยว่หรือ ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว ระหว่างทางถูกเนรเทศยังมีวิธีจัดการนาง
เจียงเต๋อจื้อผลิยิ้ม รอสมบัติถูกยกมาวางตรงหน้า
แต่ใครรู้ ทหารหลวงที่มายึดทรัพย์เพิ่งเข้าเรือนได้ไม่นาน ก็ต้องวิ่งออกมาอย่างตกตะลึงรับมือไม่ทัน
“ท่านแม่ทัพ แย่แล้ว ไฟไหม้คลังแล้ว!”
“เปลวเพลิงใหญ่เกินไป พวกผู้น้อยไม่สามารถเข้าไปได้”
“นอกจากคลังเก็บของ เรือนทุกหลัง ห้องครัว ยุ้งฉางก็ล้วนไหม้ทั้งหมดแล้ว...”
“...”
“ไม่นะ สมบัติของข้า!” เจียงเต๋อจื้อเบิกตากว้างมองเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระหน่ำ ผลักทุกคนออกพุ่งกระโจนเข้าไปอย่างมิอาจหักใจ ต้องการช่วงชิงสมบัติออกมาสักเล็กน้อย
ถูกเปลวเพลิงบังคับให้ถอยกลับ หนีตะลีตะลานออกมา
เห็นว่าไม่สามารถหาผลประโยชน์ได้แม้แต่น้อย เขาโมโหจนตัวสั่น ชาไปหมดทั้งตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา