“ทำไมเจ้ายังไม่นอน?” “เหตุใดท่านยังไม่นอน?”
ทั้งสองพูดออกมาพร้อมกัน
กู้หว่านเยว่เขย่างานเย็บปักในมือ “ข้าเอาผ้าขี้ริ้วมาเย็บเป็นถุงหอมเล็กๆ สักสองสามถุง แล้วจะใส่สมุนไพรป้องกันแมลงลงไปเจ้าค่ะ”
ระหว่างทางเนรเทศ ผู้คนกินนอนในที่โล่ง งูเงี้ยวเขี้ยวขอมีให้ได้เห็นอยู่เรื่อยๆ
แมงป่องพิษวันนี้มันด้วยมิใช่หรือ?
พกถุงหอมป้องกันแมลงไว้สักหน่อย จะได้ไม่โดนแมลงพิษกัดเอา
พูดจบ กู้หว่านเยว่ก็ก้มหน้าเย็บถุงหอมต่อ
ทว่าฝีมือการเรือนของนางไม่ค่อยดีนัก นางพลางเย็บพลางมุ่ยหน้า ราวกับว่ากำลังเจอกับปัญหาใหญ่ไร้ทางแก้
ซูจิ่งสิงมองแล้วก็อยากจะช่วยขึ้นมา
“ข้าช่วยเจ้าเย็บดีกว่า”
กู้หว่านเยว่ถามเขาด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านไม่กลัวอับอายหรือ?”
นางคิดว่าหากเขากล้าแสดงสีหน้ารังเกียจ นางจะหันหลังจากไปแน่นอน
“สิ่งนี้มีอะไรน่าอับอายกัน?” ซูจิ่งสิงพูดอย่างเถรตรง “ข้าได้แต่นอนอยู่บนรถเข็น ช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้ หากเรื่องเย็บปักเล็กน้อยเช่นนี้ยังรังเกียจ เช่นนั้นถึงจะเรียกว่าน่าอับอาย”
อื้ม เป็นคำตอบที่สุภาพบุรุษมาก!
เจอปัญหาไม่คิดกลัว กลัวเพียงยามบุรุษเจอปัญหาแล้วยังนอนอยู่บนเตียงทำตัวเป็นนายท่าน รังเกียจนั่น รังเกียจนี่ นี่ต่างหากที่น่ากลัว
กู้หว่านเยว่ยื่นเข็มกับด้ายให้เขาอย่างยินดี
ซูจิ่งสิงก้มศีรษะ ร้อยด้ายเข้ากับเข็มอย่างระมัดระวัง มือใหญ่ของเขาจับเครื่องปักอย่างงุ่มง่าม แต่สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
แสงจันทร์ส่องกระทบใบหน้าของเขา ก่อเกิดรัศมีเปล่งประกายบนรูปโฉมอันหล่อเหลา
กู้หว่านเยว่เบิกตากว้างและนิ่งไป
ถอนใจอย่างจริงจัง “สามี ท่านรูปงามมากจริงๆ เจ้าค่ะ!”
หูของซูจิ่งสิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากจะหลบหนีจากสายตาของอิสตรี
ทันใดนั้น ดวงตาของกู้หว่านเยว่ก็หรี่ลง สายตาเกี้ยวพาหายไปทันที แทนที่ด้วยความตื่นตัว
จากสายตาของนาง ราตรีสงัดเช่นนี้ มีร่างร่างหนึ่งลอบเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ
“เป็นซูหัวหลิน”
ซูจิ่งสิงพูดอย่างเย็นชา
ก่อนจะแยกกันพักผ่อน กู้หว่านเยว่คิดว่ากลิ่นของซาลาเปาเนื้อแรงเกินไป จึงใส่ห่อซาลาเปาเนื้อที่เหลือนั้นเอาไว้ในกระเป๋าของนางหยาง
ร่างวับๆ แวมๆ ของซูหัวหลิน เห็นได้ชัดว่ามาที่นี่เพื่อขโมยบางสิ่งบางอย่าง!
ดวงตาของซูจิ่งสิงทอประกายเย็นเยียบ เขาหยิบหินก้อนเล็กๆ ขึ้นมาแล้วกำลังจะลงมือ
“ประเดี๋ยวก่อน”
กู้หว่านเยว่รีบหยุดเขา จากนั้นจึงส่งสายตาว่าท่านวางใจไปให้เขา
ความหมายความว่าอย่างไร?
หรือว่านางรู้อยู่แล้วว่าซูหัวหลินจะมาขโมยของ?
ซูจิ่งสิงกลั้นหายใจ ทันทีนั้นก็นึกสงสัยว่ากู้หว่านเยว่จะใช้วิธีใดมาขัดขวางแผนการของซูหัวหลิน
มองเห็นซูหัวหลินเดินขึ้นไปหยุดอยู่ใกล้ๆ นางหยาง แล้วมองไปรอบๆ ด้วยความไม่สบายใจ
ทั่วทั้งบริเวณเงียบสงบ ยกเว้นเพียงเสียงกรนที่จะดังขึ้นมาเป็นครั้งคราว
เขาหายใจด้วยความโล่งอก เอื้อมมือเข้าไปในกระเป๋าของนางหยาง ทันใดนั้น ใบหน้าก็ทอประกายความยินดี
นางเฉียนที่อยู่ไม่ไกลก็พยายามส่งสัญญาณให้เขาสุดชีวิต โดยบอกว่าหากได้ซาลาเปาเนื้อแล้วก็ให้รีบกลับมา
แต่ซูหัวหลินกลับก็ส่งเสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือดออกมากะทันหัน
“อ๊าก... เจ็บจะตายแล้ว มือข้า!”
ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงกรีดร้องนี้ก็เป็นดั่งเสียงฟ้าร้อง ปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
เหล่านักการที่พักผ่อนกันก็พลันเร่งรุดมารวมตัว
มองเห็นว่ามือของซูหัวหลินถูกกับดักหมูป่าหนีบเอาไว้!
ซี่เหล็กแหลมคมแทงลึกเข้าไปในเนื้อของเขา เลือดสีแดงสดไหลพะเนิน ในมือยังคงจับซาลาเปาเนื้อที่จางเอ้อมอบให้กู้หว่านเยว่วันนี้อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายาแพทย์พลิกชะตา