จวนหย่งชางป๋อเป็นตระกูลขุนนางตกอับ แต่เมิ่งจิ่นเหยาผู้เป็นบุตรีคนโตของภรรยาเอกกลับได้ตบแต่งเข้าจวนฉางซินโหวที่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ เป็นฮูหยินของซื่อจื่อ[1] ใครบ้างจะไม่บอกว่าเมิ่งจิ่นเหยาโชคดี?
อย่างไรก็ตาม เมิ่งจิ่นเหยากลับไม่คิดเช่นนั้น หากนางโชคดีจริง เหตุใดคู่หมั้นจึงไม่มารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเองในวันวิวาห์? แต่ให้คุณชายรองของจวนฉางซินโหวอุ้มไก่ตัวผู้มาที่จวนหย่งชางป๋อเพื่อรับตัวเจ้าสาวแทนเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าไม่สบาย จึงไม่อาจมารับด้วยตนเอง
ทั้ง ๆ ที่หลายวันก่อนนางเห็นกู้ซิวหมิงผู้เป็นซื่อจื่อดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงดี เหตุใดจู่ ๆ ก็ล้มป่วยจนลุกจากเตียงไม่ขึ้น มารับตัวเจ้าสาวไม่ได้กันเล่า?
พูดตามตรงคือจวนฉางซินโหวไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแต่งงานครั้งนี้ ดังนั้นถึงได้ดูแคลนนางเช่นนี้ หากท่านปู่ของนางยังอยู่ ต่อให้ล้มป่วยจริง ตราบใดที่ไม่ถึงขั้นลุกจากเตียงไม่ไหว ก็คงจะมารับตัวเจ้าสาวด้วยตนเอง
การแต่งงานกระชั้นชิดแล้ว แม่เลี้ยงกับบิดาอยากเชื่อมสัมพันธ์กับจวนฉางซินโหว ไฉนเลยจะละทิ้งการแต่งงานดี ๆ ที่กำหนดไว้เมื่อสิบปีก่อนนี้?
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าจะทำให้นางไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ก็ยังยัดนางเข้าไปในเกี้ยวเจ้าสาว ส่วนนางนอกจากขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวแล้ว ก็ไม่มีทางให้ถอยอีก
“ถึงฤกษ์งามยามดีแล้ว...”
ในเวลานี้เอง หนิงตงรีบร้อนวิ่งเข้ามา เอ่ยกับเมิ่งจิ่นเหยาว่า “คุณหนูเจ้าคะ ซื่อจื่อไม่ได้ล้มป่วย เขาหนีการแต่งงานไปกับสตรีนางอื่นแล้วเจ้าค่ะ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็ทำให้ทุกคนตกตะลึง
บรรดาแขกเหรื่อต่างก็นึกว่าซื่อจื่อล้มป่วย คิดไม่ถึงว่าจะหนีการแต่งงานไปกับผู้อื่นแล้ว?
คนของจวนฉางซินโหวหน้าแข็งทื่อ ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใดปากพล่อยเปิดเผยข่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชายชั่วหนีวิวาห์ ข้าหรือจะยอมเป็นม่ายขันหมาก