ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1259

“จะดีกว่าถ้าเจ้าอธิบายกับข้ามาดีๆ ” มู่กุยฝานอดใจไม่ทุบฉู่เจียงหวังเป็นชิ้นๆ มองเขาอย่างเย็นชา

ซูจิ่นอวี้ยังไม่เคยได้กอดต้นขาของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับถูกชายอวบอ้วนผู้นี้ ‘โฉบไปกินก่อน’ ยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองใจ

ฉู่เจียงหวังหลั่งน้ำตา มองไปยังมู่กุยฝานพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นและปาดน้ำตาบนต้นขาของเขา

“ตอนถึงเวลาอาหารเย็นพวกเจ้าส่งคนไปเรียกพญายมน้อยกลับบ้านมากินข้าว แต่พญายมน้อยติดธุระกะทันหัน ติดตามดวงวิญญาณไปยังโลกมนุษย์...”

“ข้าเห็นว่าเธอไม่ตื่นขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ก็เลยอดมิได้ที่จะเข้าไปลูบหัวของเธอ

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฉู่เจียงหวังหลั่งน้ำตาอีกครั้ง “ไม่คิดเลยว่าเธอจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ! เธอกลายเป็นแสงสีทองไปในชั่วพริบตา ค่อยๆ สลายหายดับไป!!”

เขาไม่กล้าพูด สภาพเขาเหมือนคนกลัวจนขวัญเสีย ราวกับเรื่องนี้จะทำให้เขาไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป

มู่กุยฝานขมวดคิ้ว เขาก้าวออกไปทันทีพร้อมคว้าซูจิ่นอวี้ไปด้วย

ด้วยแสงสีทอง เจ้าตัวก็ปรากฏตัว ณ ตำหนักพญายมที่สอง

โอ้ ฉู่เจียงหวังยังคงติดหนึบอยู่ที่ต้นขาของเขาอยู่เลย

ฉู่เจียงหวังดูสับสน เกิดอะไรขึ้น วินาทีที่แล้วเขายังร้องห่มร้องไห้อยู่ในตำหนักที่ห้าอยู่เลย วินาทีต่อมาก็กลับมาที่รังเก่าเสียแล้ว

ซูจิ่วอวี้เองก็ดูสับสนเช่นกัน พลังของท่านมู่ลึกซึ้งเกินจะคาดเดาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ร่างกายของเขายังเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่หรือ?

เปี้ยนเฉิงหวังที่ตามมาเผือกพึ่งถึงตำหนักที่ห้า ยังไม่ได้ทันได้กินเผือกสักคำ ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว

“...” การเผือกนี่เสียเวลาชีวิตชะมัด

มู่กุยฝานฟังฉู่เจียงหวังบรรยายอย่างเห็นภาพอีกครั้ง และมองไปยังที่เกิดเหตุ

“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ซู่เป่าไปยังโลกมนุษย์แล้ว” มู่กุยฝานกล่าว

แต่แปลกตรงที่โดยปกติหากเธอไปโลกมนุษย์ครั้งใดต้องใช้เครื่องเทเลพอร์ตเมื่อนั้น จากที่ฟังฉู่เจียงหวังพูดแล้วดูเหมือนครั้งนี้จะไม่ได้ใช้เครื่องเทเลพอร์ตเลย

ซูจิ่นอวี้พูดอย่างเป็นกังวล “ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ”

มู่กุยฝานโอบไหล่ของเธอ “ไปดูก็รู้แล้ว”

แสงสีทองสาดส่องอีกครั้ง ฉู่เจียงหวังมองดูแล้วเกิดคำถามว่า ไม่ตามไปได้หรือไม่?

เขาเป็นคนที่บู้บี้พญายมตัวน้อยให้แตกเป็นชิ้นๆ ...ลึกๆ ในใจ ฉู่เจียงหวังยังเป็นกังวลและหงุดหงิด

ทุกคนรู้ดีว่าการถูกขัดจังหวะขณะฝึกซ้อมถือเป็นเรื่องต้องห้าม แล้วอะไรครอบงำจิตใจให้เขาเอาแต่จะไปลูบหัวพญายมตัวน้อยให้ได้

เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกพี่ฝาน ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเขาจะรอดมาได้อย่างไร

...

มู่กุยฝานมีแสงสีทองสาดส่องอีกครั้ง เขาปรากฏตัวขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลซู ในห้องนอนของซู่เป่า

พลังของเขาตอนนี้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพลังการเคลื่อนย้ายมวลสารก่อนหน้านี้ก็กลับมา ทว่าก็ยังต้องติดต่อกับโลกมนุษย์ผ่านกระจกวิเศษอยู่ดี

ขณะที่เขาลุกขึ้นยืนก็พบว่าฉู่เจียงหวังยังกอดขาของเขาไว้ไม่ปล่อย

“...”

ขนาดพลาสเตอร์หนังสุนัขยังไม่ติดหนึบเท่านี้

“ปล่อย!” มู่กุยฝานกล่าวด้วยความหัวเสีย

ฉู่เจียงหวังปล่อยมือทันที และทำจมูกฟูดฟิด “ว้าว! คุณยายกำลังทำกับข้าว!”

แม้ว่าจะเคยกินไปแค่รอบเดียว แต่เขาก็จำกลิ่นได้ทันที นี่มันกลิ่นอาหารที่คุณยายของท่านพญายมตัวน้อยทำ

มู่กุยฝานและซูจิ่นอวี้ “...”

เรื่องของเจียชิ่นหว่าน นับตั้งแต่ซูเหอเวิ่นและซูจื่อซีจับผิงหมิงได้ก็ผ่านเวลาโลกมนุษย์ไปครึ่งค่อนเดือน อีกสองวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว

ขณะนี้ตระกูลซูเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทศกาลปีใหม่ ป้าอู๋ส่ายหัวและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “นายหญิง ทำของกินเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอคะ”

ตอนนี้มีอาหารวางอยู่ทั่วทุกที่ในบ้าน ตั้งแต่ขนมหวาน ลูกอม ไปจนถึงอาหารเลิศรสจากภูเขาสู่ท้องทะเล ทั้งหมดล้วนเสร็จสรรพพร้อมทาน

ถ้าเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ มู่กุยฝานจะมาผัดเค้กข้าวกับเธออยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันล่ะ

“เอาล่ะ แกทำไม่เป็นสินะ! หลบไป หลบไป” นายหญิงซูไล่เขาออกไปพร้อมบ่นจู้จี้ “ถ้าว่างก็เรียกพวกซู่เป่าให้มาเร็วๆ อยู่ตรงนี้ก็ยุ่งยากฉันเสียเปล่า”

ฉู่เจียงหวังก้าวออกไปข้างหน้าทันที “คุณยาย! ให้ผมช่วยเอง!”

“ผมทำเค้กข้าวผัดเป็น! ฟื้ด~หอมฉุย!!”

นายหญิงซู “...”

เดี๋ยวก่อนนะ เธอมีหลายชายตัวโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

มู่กุยฝานหมดคำจะพูด “นี่คือเพื่อนของซู่เป่าที่รู้จักกันระหว่างทาง เมื่อก่อนที่แม่ทำอาหารให้ซู่เป่าเอาไปกิน ซู่เป่าก็กินด้วยกันกับเขา เขาจำคุณยายได้เพราะเดาเอา”

เขายิ้มจนตาปิด “คุณเรียกผมว่าเสี่ยวฉู่ก็ได้ครับ!”

นายหญิงซูจะไปรู้ซะที่ไหนว่าชายรูปหล่ออวบอ้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือพญายมแห่งนรกภูมิ

เมื่อได้ยินว่าซู่เป่าแบ่งอาหารให้เขากิน แสดงว่าพวกเขาต้องสนิทกันพอสมควร

“เสี่ยวฉู่ใช่ไหม...อยากกินเค้กข้าวผัดไหม? อะนี่!” นายหญิงซูยื่นเค้กข้าวผัดให้เขาอย่างด้วยท่าทียิ้มแย้ม โรยน้ำตาลเล็กน้อย อาหารว่างแสนอร่อยถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าแล้ว

แววตาของฉู่เจียงหวังเป็นประกายสีทอง

มู่กุยฝานทนดูไม่ได้ จึงพาซูจิ่นอวี้ออกไป

สมาชิกตระกูลซูคนอื่นๆ ต่างก็กำลังยุ่ง ในบ้านปกคลุมไปด้วยความเงียบ คุณท่านซูกับซูเหอเหวินกำลังเล่นกับเสี่ยวสวินสวินในห้องเรือนกระจก ได้ยินเสียงหัวเราะของเสี่ยวสวินสวินบ้างประปราย

ทีแรกมู่กุยฝานจะไปหาซูเหอเวิ่นเพื่อถามเขาว่าเขาเห็นซู่เป่าบ้างหรือเปล่า ซู่เป่ากลับมาหรือยัง

หลังจากเปลี่ยนความคิด เขาก็เดินไปที่ห้องเรือนกระจก

ซูจิ่นอวี้ “ไปไหน? ไม่ได้จะไปตามหาซู่เป่ากันหรอกหรือ...”

ซุจิ่นอวี้กังวลใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน...ซู่เป่าไปไหนกันแน่?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน