“จะดีกว่าถ้าเจ้าอธิบายกับข้ามาดีๆ ” มู่กุยฝานอดใจไม่ทุบฉู่เจียงหวังเป็นชิ้นๆ มองเขาอย่างเย็นชา
ซูจิ่นอวี้ยังไม่เคยได้กอดต้นขาของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับถูกชายอวบอ้วนผู้นี้ ‘โฉบไปกินก่อน’ ยิ่งคิดก็ยิ่งเคืองใจ
ฉู่เจียงหวังหลั่งน้ำตา มองไปยังมู่กุยฝานพร้อมร้องไห้สะอึกสะอื้นและปาดน้ำตาบนต้นขาของเขา
“ตอนถึงเวลาอาหารเย็นพวกเจ้าส่งคนไปเรียกพญายมน้อยกลับบ้านมากินข้าว แต่พญายมน้อยติดธุระกะทันหัน ติดตามดวงวิญญาณไปยังโลกมนุษย์...”
“ข้าเห็นว่าเธอไม่ตื่นขึ้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว ก็เลยอดมิได้ที่จะเข้าไปลูบหัวของเธอ
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ฉู่เจียงหวังหลั่งน้ำตาอีกครั้ง “ไม่คิดเลยว่าเธอจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ! เธอกลายเป็นแสงสีทองไปในชั่วพริบตา ค่อยๆ สลายหายดับไป!!”
เขาไม่กล้าพูด สภาพเขาเหมือนคนกลัวจนขวัญเสีย ราวกับเรื่องนี้จะทำให้เขาไม่มีชีวิตรอดอีกต่อไป
มู่กุยฝานขมวดคิ้ว เขาก้าวออกไปทันทีพร้อมคว้าซูจิ่นอวี้ไปด้วย
ด้วยแสงสีทอง เจ้าตัวก็ปรากฏตัว ณ ตำหนักพญายมที่สอง
โอ้ ฉู่เจียงหวังยังคงติดหนึบอยู่ที่ต้นขาของเขาอยู่เลย
ฉู่เจียงหวังดูสับสน เกิดอะไรขึ้น วินาทีที่แล้วเขายังร้องห่มร้องไห้อยู่ในตำหนักที่ห้าอยู่เลย วินาทีต่อมาก็กลับมาที่รังเก่าเสียแล้ว
ซูจิ่วอวี้เองก็ดูสับสนเช่นกัน พลังของท่านมู่ลึกซึ้งเกินจะคาดเดาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ร่างกายของเขายังเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่หรือ?
เปี้ยนเฉิงหวังที่ตามมาเผือกพึ่งถึงตำหนักที่ห้า ยังไม่ได้ทันได้กินเผือกสักคำ ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่แล้ว
“...” การเผือกนี่เสียเวลาชีวิตชะมัด
มู่กุยฝานฟังฉู่เจียงหวังบรรยายอย่างเห็นภาพอีกครั้ง และมองไปยังที่เกิดเหตุ
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว ซู่เป่าไปยังโลกมนุษย์แล้ว” มู่กุยฝานกล่าว
แต่แปลกตรงที่โดยปกติหากเธอไปโลกมนุษย์ครั้งใดต้องใช้เครื่องเทเลพอร์ตเมื่อนั้น จากที่ฟังฉู่เจียงหวังพูดแล้วดูเหมือนครั้งนี้จะไม่ได้ใช้เครื่องเทเลพอร์ตเลย
ซูจิ่นอวี้พูดอย่างเป็นกังวล “ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ”
มู่กุยฝานโอบไหล่ของเธอ “ไปดูก็รู้แล้ว”
แสงสีทองสาดส่องอีกครั้ง ฉู่เจียงหวังมองดูแล้วเกิดคำถามว่า ไม่ตามไปได้หรือไม่?
เขาเป็นคนที่บู้บี้พญายมตัวน้อยให้แตกเป็นชิ้นๆ ...ลึกๆ ในใจ ฉู่เจียงหวังยังเป็นกังวลและหงุดหงิด
ทุกคนรู้ดีว่าการถูกขัดจังหวะขณะฝึกซ้อมถือเป็นเรื่องต้องห้าม แล้วอะไรครอบงำจิตใจให้เขาเอาแต่จะไปลูบหัวพญายมตัวน้อยให้ได้
เขากลัวเหลือเกินว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกพี่ฝาน ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเขาจะรอดมาได้อย่างไร
...
มู่กุยฝานมีแสงสีทองสาดส่องอีกครั้ง เขาปรากฏตัวขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลซู ในห้องนอนของซู่เป่า
พลังของเขาตอนนี้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพลังการเคลื่อนย้ายมวลสารก่อนหน้านี้ก็กลับมา ทว่าก็ยังต้องติดต่อกับโลกมนุษย์ผ่านกระจกวิเศษอยู่ดี
ขณะที่เขาลุกขึ้นยืนก็พบว่าฉู่เจียงหวังยังกอดขาของเขาไว้ไม่ปล่อย
“...”
ขนาดพลาสเตอร์หนังสุนัขยังไม่ติดหนึบเท่านี้
“ปล่อย!” มู่กุยฝานกล่าวด้วยความหัวเสีย
ฉู่เจียงหวังปล่อยมือทันที และทำจมูกฟูดฟิด “ว้าว! คุณยายกำลังทำกับข้าว!”
แม้ว่าจะเคยกินไปแค่รอบเดียว แต่เขาก็จำกลิ่นได้ทันที นี่มันกลิ่นอาหารที่คุณยายของท่านพญายมตัวน้อยทำ
มู่กุยฝานและซูจิ่นอวี้ “...”
เรื่องของเจียชิ่นหว่าน นับตั้งแต่ซูเหอเวิ่นและซูจื่อซีจับผิงหมิงได้ก็ผ่านเวลาโลกมนุษย์ไปครึ่งค่อนเดือน อีกสองวันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว
ขณะนี้ตระกูลซูเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเทศกาลปีใหม่ ป้าอู๋ส่ายหัวและยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “นายหญิง ทำของกินเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอคะ”
ตอนนี้มีอาหารวางอยู่ทั่วทุกที่ในบ้าน ตั้งแต่ขนมหวาน ลูกอม ไปจนถึงอาหารเลิศรสจากภูเขาสู่ท้องทะเล ทั้งหมดล้วนเสร็จสรรพพร้อมทาน
ถ้าเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ มู่กุยฝานจะมาผัดเค้กข้าวกับเธออยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันล่ะ
“เอาล่ะ แกทำไม่เป็นสินะ! หลบไป หลบไป” นายหญิงซูไล่เขาออกไปพร้อมบ่นจู้จี้ “ถ้าว่างก็เรียกพวกซู่เป่าให้มาเร็วๆ อยู่ตรงนี้ก็ยุ่งยากฉันเสียเปล่า”
ฉู่เจียงหวังก้าวออกไปข้างหน้าทันที “คุณยาย! ให้ผมช่วยเอง!”
“ผมทำเค้กข้าวผัดเป็น! ฟื้ด~หอมฉุย!!”
นายหญิงซู “...”
เดี๋ยวก่อนนะ เธอมีหลายชายตัวโตขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
มู่กุยฝานหมดคำจะพูด “นี่คือเพื่อนของซู่เป่าที่รู้จักกันระหว่างทาง เมื่อก่อนที่แม่ทำอาหารให้ซู่เป่าเอาไปกิน ซู่เป่าก็กินด้วยกันกับเขา เขาจำคุณยายได้เพราะเดาเอา”
เขายิ้มจนตาปิด “คุณเรียกผมว่าเสี่ยวฉู่ก็ได้ครับ!”
นายหญิงซูจะไปรู้ซะที่ไหนว่าชายรูปหล่ออวบอ้วนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือพญายมแห่งนรกภูมิ
เมื่อได้ยินว่าซู่เป่าแบ่งอาหารให้เขากิน แสดงว่าพวกเขาต้องสนิทกันพอสมควร
“เสี่ยวฉู่ใช่ไหม...อยากกินเค้กข้าวผัดไหม? อะนี่!” นายหญิงซูยื่นเค้กข้าวผัดให้เขาอย่างด้วยท่าทียิ้มแย้ม โรยน้ำตาลเล็กน้อย อาหารว่างแสนอร่อยถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าแล้ว
แววตาของฉู่เจียงหวังเป็นประกายสีทอง
มู่กุยฝานทนดูไม่ได้ จึงพาซูจิ่นอวี้ออกไป
สมาชิกตระกูลซูคนอื่นๆ ต่างก็กำลังยุ่ง ในบ้านปกคลุมไปด้วยความเงียบ คุณท่านซูกับซูเหอเหวินกำลังเล่นกับเสี่ยวสวินสวินในห้องเรือนกระจก ได้ยินเสียงหัวเราะของเสี่ยวสวินสวินบ้างประปราย
ทีแรกมู่กุยฝานจะไปหาซูเหอเวิ่นเพื่อถามเขาว่าเขาเห็นซู่เป่าบ้างหรือเปล่า ซู่เป่ากลับมาหรือยัง
หลังจากเปลี่ยนความคิด เขาก็เดินไปที่ห้องเรือนกระจก
ซูจิ่นอวี้ “ไปไหน? ไม่ได้จะไปตามหาซู่เป่ากันหรอกหรือ...”
ซุจิ่นอวี้กังวลใจมาก ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน...ซู่เป่าไปไหนกันแน่?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...