ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 1324

ซู่เป่ากินยาลูกกลอนไปหลายเม็ดระหว่างทางหนีเข้าภูเขาหลี แต่เธอยังคงรู้สึกว่าไม่มีอะไรเยียวยาร่างกายและจิตใจได้ดีไปกว่าการกินข้าวแล้ว

ในร่างกายของเธอค่อยๆ มีเรี่ยวแรง แต่จุดตันเถียนม่วงของเธอกลับแตกต่างจากคนอื่นๆ คนอื่นอาจจะฟื้นฟูร่างกายได้เร็วมากหลังจากกินยาไปตั้งหลายเม็ด แต่เธอกลับรู้สึกว่ายาลูกกลอนนี้ไม่มีผลกับเธอมากนัก

หรืออาจเป็นไปได้ว่ายาลูกกลอนเหล่านี้ถูกจินตันม่วงในจุดตันเถียนม่วงของเธอย่อยสลายจนไม่เหลือแม้แต่กากไว้ให้เธอ

ซู่เป่าเคยคิดจะหลอมยาลูกกลอนไว้เยอะๆ เมื่อหมดแรงก็กินหนึ่งเม็ด หรือไม่ก็กินมันทั้งขวด แต่ตอนนี้แผนการของเธอล้มเหลวแล้ว

เธอต้องพึ่งพาตัวเอง เธอมักรู้สึกว่าจะใช้ทางลัดไม่ได้

และครั้งนี้ยิ่งแปลกประหลาดมาก... เธอกินยาลูกกลอนไปมากขนาดนั้น แต่กลับไม่ได้ผลเลยสักนิด

นอกจากแผลบนร่างกายที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ภายในจุดตันเถียนม่วงยังคงไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ ไม่สามารถกักเก็บพลังหยินได้เลย

“เกิดอะไรขึ้น...” ซู่เป่าประหลาดใจมาก “ทำไมครั้งนี้ถึงใช้พลังหยินหมดไวจัง...”

พระแม่ธรณีชำเลืองมองเธอแวบหนึ่งพร้อมพูดว่า “เจ้าลองมองออกไปข้างนอกสิ”

ซู่เป่าเงยหน้าขึ้นจากจิตใต้สำนึกและมองออกไปที่ปากถ้ำ แล้วพูดว่า “ข้างนอกมีอะไรเหรอคะ ไม่มีอะไรเลยนี่นา”

พระแม่ธรณีพูดว่า “มองเห็นอะไร?”

ซู่เป่าตอบว่า “เห็นต้นไม้ มีดอกไม้และพุ่มหญ้าบนพื้นที่โล่งๆ สองสามพุ่ม นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลยค่ะ”

หุบเขาแห่งนี้ว่างเปล่า ไม่มีอสุรกายแม้แต่ตัวเดียว และไม่มีหมอกลึกลับล้อมรอบด้วย

เมื่อเทียบกับสภาพแวดล้อมทั้งหมดของภูเขาหลี รู้สึกว่าที่นี่ว่างเปล่าไปเลย

พระแม่ธรณีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ถ้ำนี้คือดินแดนของข้า คนข้างนอกที่ผ่านไปมาจะมองไม่เห็น และสายตาของเจ้าก็ไม่มีทางมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกินอิ่มแล้วหรือเปล่า พระแม่ธรณีถึงพูดมากขึ้น นอกจากน้ำเสียงที่ยังคงแหบแห้งมากก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากคนปกติ

ซู่เป่าพูดว่า “เป็นไปไม่ได้ หนูมองเห็นแล้ว”

เธอหันหน้าไปมองพระแม่ธรณีพร้อมกับชี้ไปยังด้านนอกพลางพูดว่า “ต้นไม้ต้นนั้นมีใบสีม่วง แล้วยังมีโพรงๆ หนึ่งอยู่ที่โคนต้นไม้ด้วย”

จะบอกว่ามองไม่เห็นข้างนอกได้ยังไง

พระแม่ธรณีจ้องมองเธอพลางพูดว่า “เจ้าอย่าหันหลังกลับ มองต่อไป”

ซู่เป่าคิดในใจว่าไม่หันหลังกลับแล้วจะมองยังไง แต่ทันใดนั้นเองเธอก็ต้องตกตะลึง

ในขณะที่เธอกำลังคิดจะมองออกไปด้านนอก จู่ๆ ภาพทิวทัศน์ภายนอกก็ผุดขึ้นในหัวของเธอราวกับฉายภาพยนตร์

ซู่เป่าอุทานด้วยความตกใจว่า “นี่ มี่มันเกิดอะไรขึ้น”

พระแม่ธรณีพูดว่า “นี่คือพลังจิต”

ตอนที่ซู่เป่าจับเธอเป็นครั้งที่สาม พระแม่ธรณีก็รู้แล้วว่าเด็กน้อยคนนี้มีพลังจิต

นอกจากจักรพรรดิตงเยว่แล้ว พวกเขาสี่คนไม่มีใครมีความสามารถนี้เลย บุตรสาวของจักรพรรดิเฟิงตูช่างมีพรสวรรค์ล้ำเลิศจริงๆ

“พลังจิตคืออะไรเหรอคะ...” ซู่เป่าทำสมาธิเพื่อรับรู้ เธอคิดในใจว่า “มองออกไปข้างนอก” และแล้วภาพทิวทัศน์ภายนอกก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธออย่างชัดเจนราวกับเห็นด้วยตาตัวเอง

“ยกตัวอย่างเช่น คนบางคนมีประสาทสัมผัสที่หก สัญชาตญาณ หรือลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งก็ถือเป็นพลังจิตอย่างหนึ่ง”

“จิตเทพนั้นถือเป็นพลังจิตขั้นสูงสุด เป็นพัฒนาการสุดท้ายของสัญชาตญาณและการรับรู้”

ซู่เป่าครุ่นคิดก่อนจะถามว่า “เหมือนตัวร้ายในหนังเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ใช่ไหมคะ แค่เขาคิดก็สามารถควบคุมคนอื่นได้”

พระแม่ธรณีไม่เข้าใจว่าหนังเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์คืออะไรจึงถามอย่างสงสัยว่า “อะไรนะ?”

ซู่เป่าส่ายหน้าพร้อมพูดว่า “ไม่มีอะไรค่ะ”

เธอเข้าใจแล้ว “ที่แท้นี่ก็คือจิตเทพ หนูก็พอรู้ทฤษฎีพื้นฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ้าง”

พระแม่ธรณีรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที รีบถามว่า “เจ้ามีตำราลับเกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญอย่างนั้นหรือ”

อย่างไรเสียพลังจิตนี้ก็ลี้ลับมาก นาง จักรพรรดิเฟิงตูและพวกเขาห้าคนมีเพียงจักรพรรดิตงเยว่เท่านั้นที่บรรลุจิตเทพนี้ และยังสามารถใช้มันได้สำเร็จ

ไม่มีวิธีฝึกบำเพ็ญ จักรพรรดิตงเยว่เคยบอกพวกเขา แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เข้าใจมัน

ตอนนี้สาวยน้อยคนนี้มีความรู้ทางทฤษฎี นั่นแสดงว่าเธอมีตำราอะไรบางอย่าง?

ทว่ากลับเห็นเธอชู้นิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมพูดอย่างมั่นใจว่า “แน่นอนสิ นิยายแฟนตาซีบนชั้นหนังสือของแม่หนูก็มี”

พระแม่ธรณี “...”

ใช่ทฤษฎีพื้นฐานที่ไหนกัน?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน